THE FACE คลินิกเสริมความงามระดับพรีเมียม ดูแลทุกส่วนของร่างกายด้วยนวัตกรรมที่ผ่านการคิดค้นจากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์จากต่างประเทศได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นเทคโนโลยีเสริมความงามที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าได้ผลการรักษาที่ตรงจุดและถูกต้องตามขบวนการรักษาที่ได้รับการยอมรับ
กรุงเทพมหานคร : THE FACE Aesthetic คลินิกเสริมความงามน้องใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ ณ ชั้น 7 ของอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ เชื่อมกับสถานีบีทีเอสเอกมัย แม้จะเพิ่งก้าวเข้ามาสู่เส้นทางธุรกิจการเสริมความงามได้เพียงปีเศษๆ แต่ก็สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ถึง 8,000 คน และเป็นที่ยอมรับของผู้มาใช้บริการจำนวนมาก เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านความงามระดับพรีเมียมได้รับการการันตีมาตรฐานระดับสากลมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนในเรื่องของสถานที่มากที่สุด รองลงมาคือเรื่องอุปกรณ์และทีมแพทย์ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และได้รับผลการรักษาที่ดีเยี่ยมและตรงจุด โดยคลีนิก เดอะเฟส มีจุดเด่นคือ คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญมาก และดูแลลูกค้าด้วยเครื่องมือชั้นแนวหน้าของโลก โดยกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะมีช่วงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากกว่ากลุ่มอื่นๆ เนื่องจากกลุ่มวัยทำงานเป็นกลุ่มที่รักสวยรักงามและอยากจะให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเดอะ เฟส ก็สามารถตอบโจทย์ความสวยความงามได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยประเด็นนี้ คุณสวิน ห่อมา กรรมการผู้จัดการ The Face Aesthetic ก็ได้กล่าวเสริมประเด็นเหล่านี้ว่า
“เนื่องจากปัจจุบัน วิทยาการต่างๆ ก้าวหน้าไปมาก ผู้คนดูแลตัวเองมากขึ้น อายุขัยเฉลี่ยของคนมากขึ้น เรื่องความงามหรือบุคลิกภาพก็เป็นสิ่งที่ได้รับความใส่ใจตามมาเป็นอันดับต้นๆ เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปคือ อายุของผู้เข้ามาใช้บริการเริ่มน้อยลง และกลุ่มลูกค้าก็เปิดกว้างมากขึ้น โดยมีทั้งผู้หญิง และผู้ชาย เราจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจด้านความงามนี้ต้องยอมรับว่าเราค่อนข้างใหม่ในธุรกิจนี้ แต่ด้วยการใส่ใจ เอาจริงเอาจังและจริงใจกับลูกค้า จึงทำให้ผมมั่นใจกับธุรกิจนี้ หลักๆคือ เราใส่ใจในทีมแพทย์ และเครื่องมือต่างๆ โดยทีมแพทย์จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ การรักษาหรือการให้คำปรึกษาจะเน้นการให้คำแนะนำและทางเลือกที่เป็นกลางกับลูกค้ามากกว่า เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากต่างประเทศแล้วทั้งหมด โดยตอนนี้เรามองว่า การต้องการจะขยายตลาด โดยเน้น AEC เป็นหลัก โดยทางการตลาดเราได้รับการติดต่อจากทัวร์จากต่างประเทศให้มาใช้บริการที่เดอะเฟส ซึ่งผมคิดว่าเมื่อประเทศไทยเข้าร่วม AEC ก็จะทำให้คลินิกของเราเป็นที่รู้จักของลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติในกลุ่มทวีปเอเชียมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ลูกค้าของเราที่เป็นลูกค้า Walk in 0 % ส่วนใหญ่จะเป็นแบบปากต่อปากสูงถึง 80 % นอกนั้นก็จะดูผ่านเว็ปไซด์อีก 20 % โดยคลีนิคของเรามีคุณหมอทั้งหมด 8 ท่านที่จะหมุนเวียนกันมาดูแลคนไข้ มีห้องทรีตเม้นท์ ทั้งหมด 16 ห้อง สามารถรองรับลูกค้าได้สัปดาห์ละ 1 พันกว่าคน โดยเป้าหมายธุรกิจของเราใน 3 ปีแรก จะต้องทำกำไรให้ได้ที่วางเอาไว้ในปี 2556 นี้คือ 80 ล้านบาท และต้องการจะขยายสาขาให้ได้ทั่วกรุงเทพฯ 5 สาขา และในอีก 4-5 ปี อยากจะขยายสาขาไปสู่ต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ ภูเก็ต,เชียงใหม่ และหรือขอนแก่น และในอีก 10 ปีเราอยากจะสร้างรากฐานให้แข็งแรงจนสามารถขายเฟรนไชน์ได้ในอนาคต และอยากจะให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 8 พันรายเป็น 1 หมื่นราย โดยลูกค้าทุกรายต้องได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกันหมด โดยกลุยุทธ์หลักในการทำการตลาดคือ 3 สิ่งที่ถือเป็นหัวใจหลัก คือ 1.ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย 2.ใช้บริการแล้วเห็นผล 3. ลูกค้าได้รับความสะดวกและความเป็นส่วนตัวสูงสุด ผมคิดว่าขอแค่ลูกค้าได้ใช้บริการสักครั้ง ก็จะรู้สึกถึงความประทับใจ และลูกค้าจะกลับมาใช้บริการอีกแน่นอน”
โดยการเดินทางมาเดอะ เฟส ก็ค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย(ทางออกที่ 2) และเดินเข้ามาที่ตัวตึกได้เลย ซึ่งโปรแกรมการรักษาของคลินิก THE FACE ก็มีหลากหลายให้คุณผู้หญิงที่รักความสวยความงามเลือกอย่างครบวงจรเรียกว่าตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมร้อยไหมที่ถือเป็นการรักษาที่มหัศจรรย์สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของริ้วรอยได้อย่างชัดเจน การร้อยไหม( THREAD LIFTING ) นอกจากจะช่วยเรื่องยกกระชับใบหน้าแล้ว ยังช่วยในเรื่องปรับรูปหน้าได้อีกด้วย โดยสามารถร้อยบริเวณจมูกทำให้โด่งสวย สามารถลดถุงใต้ตา เสริมคาง ลดเหนียงใต้คาง โดยเทคนิคการร้อยไหม เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด จากประเทศเกาหลี ไหมที่นำมาร้อย เป็นไหมชนิด Polydioxanone( PDO ) ซึ่งเป็นไหมละลายที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ โอกาสแพ้จึงน้อยมาก และไม่มีผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย และที่สำคัญไหมชนิดนี้ผ่านการรับรองจาก อย. ของประเทศเกาหลีใต้ และอย.ของประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว กระบวนการทำงานของไหม คือไหมละลายที่นำมาร้อยจะละลายไปภายใน 6 – 8 เดือนไม่เหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือผลเสียในภายหลัง และที่ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้คนไข้ประทับใจและนำไปบอกต่อคือ การเห็นผลที่ชัดเจน เนื่องจากในขณะที่เส้นไหมอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นคอลลาเจนใหม่ รอบๆ เส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับขึ้น และแลดูอ่อนกว่าวัยด้วย อีกหนึ่งโปรแกรมของทาง The Face ที่คนไข้ให้การตอบรับมากเป็นพิเศษคือ Fine Scan คือ ระบบ fractional Laser ( เลเซอร์แบบยิงแยกส่วนด้วยอุปกรณ์ สแกนความเร็วสูง เทคโนโลยีในการผลัดผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน) เป็นระบบ Laser ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานที่มีความละเอียดเที่ยงตรงเป็นพิเศษ การรักษาสามารถกำหนดความลึกได้ตามโปรแกรม ระหว่าง1/10 มิลลิเมตร จนถึง 2 มิลลิเมตร ที่สำคัญแสงเลเซอร์สามารถยิงลงไปในผิวหนังโดยไม่เกิดบาดแผลด้านบน ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ Laser Fine Scan ช่วยในเรื่องรูขุมขน หลุมสิว และผลัดเซลล์ผิวใหม่ นี่เป็นแค่ 2 ในหลายๆ โปรแกรมการรักษาที่ได้ผลชัดเจนจาก THE FACE และเตรียมพร้อมสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายที่รักสวยรักงาม และไม่ต้องการพรากความอ่อนเยาว์จากไปโดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง และที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องพึ่งมีดหมออีกต่อไป เรียกว่าสวยใสได้โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม จึงเป็นการเสริมความงามที่น่าจะตอบโจทย์ของสาวๆ ที่รักจะสวยแต่กลัวมีดหมอได้เป็นอย่างดีในปัจจุบันนี้
ชื่อ ศวิน ห่อมา (วิน) Sawin Horma
กรรมการผู้จัดการ
อายุ 32 ปี
ประวัติการศึกษา
- สถาบันการบินพลเรือน
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์
- มัธยม สุรศักดิ์มนตรี
- ประถม ปานะพันธุ์วิทยาในพระบรมราชูประถัมภ์
ประวัติการทำงาน
- 2004 ช่วยครอบครัวทำธุรกิจค้ากระดาษ
- 2006 co-pilot สายการบิน Phoenix Air
- 2011 เริ่มเข้าสู่ธุรกิจความงาม ก่อตั้งบริษัท เดอะเฟสเอสเทติก จำกัด จนกระทั่งปัจุบัน
Lift style – เป็นคนง่ายๆ สบายๆ รักสัตว์
Interest -ท่องเที่ยว
คติประจำใจ – โลกจะเปลี่ยนแปลงไปนิดนึง ทันทีที่คุณแตกต่างไปจากเดิม
กีฬา – ชกมวย ว่ายน้ำ เทนนิส
ที่เที่ยวประทับใจ – ทะเลทางใต้ของประเทศไทย
รถ – Mercedes, BMW
เป้าหมายในชีวิต – พัฒนา และขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
อาหารที่ชอบ – ข้าวผัดปู ไก่ทอด ต้มยำ
1. วัตถุประสงค์ในการเปิดสถานความงาม คืออะไร ทำไมจึงสนใจธุรกิจด้านนี้
เนื่องจากปัจจุบัน วิทยาการต่างๆ ก้าวหน้าไปมาก ผู้คนดูแลตัวเองมากขึ้น อายุขัยเฉลี่ยของคนมากขึ้น และเรื่องความงามหรือบุคคลิกภาพก็เป็นสิ่งที่ได้รับความใส่ใจตามมา และเนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปคือ อายุของผู้เข้ามาใช้บริการเริ่มน้อยลง จึงมองเห็นโอกาสของธุรกิจด้านความงามนี้
2. ขณะนี้ในตลาดมีการแข่งขันในสายธุรกิจความงามค่อนข้างสูง the face มีจุดเด่นใดที่จะสามารถแข่งขันได้
ต้องยอมรับว่าเราค่อนข้างใหม่ในธุรกิจนี้ แต่ด้วยการใส่ใจและจริงใจกับลูกค้ามากที่สุด โดยทีมแพทย์จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ โดยการรักษาหรือการให้คำปรึกษาจะเน้นการให้คำแนะนำและทางเลือกที่เป็นกลางกับลูกค้ามากกว่า และที่สำคัญคือเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งในและต่างประเทศแล้วทั้งหมด
อีกทั้งสถานที่ตั้งค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย และเดินเข้ามาที่ตัวตึกได้เลย
3. ทางคลินิก the face มีอุปกรณ์ทันสมัย และทางทีมแพทย์มีความชำนาญแค่ไหน
คุณหมอทุกท่านมีความชำนาญในเรื่องเครื่องมืออย่างมาก และทางคลินิกจะมีการฝึกอบรมเป็นระยะๆ เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องอยู่แล้วครับ
4. คลินิก the face ใช้เม็ดเงินในการลงทุน? ขยายสาขาไม่?
เราลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของเครื่องมือต่างๆ รวมแล้วประมาณ 40 ล้าน บาท
ขณะนี้มีแผนการขยายสาขา 7 สาขาทั่วประเทศภายใน 5 ปี
5. ให้ความสำคัญกับการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า ?
ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญคือการเดินทางที่สะดวก และความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามากกว่าครับ จึงไม่ได้โฟกัสว่าต้องไปเปิดในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น
บันทึกภาพ: THE FACE Aesthetic