สมกับที่เป็นหนังที่ผู้สร้างมือทอง เอ๋อตงเซิน ทุ่มทุนสร้างไปกว่า 500 ล้านบาท  เพราะนอกจากเสียงชื่นชมเรื่องฉากแอคชั่นสุดอลังการแล้ว ล่าสุด THE BULLET VANISHES ( เดอะ บูลเลท แวนิชส์ )หรือ ดับแผนล่ากระสุนสั่งตาย  ยังคว้ารางวัลม้าทองคำ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมมาครองได้ จากฝีมือการออกแบบของ จางจิ่งฉุน นักออกแบบเครื่องแต่งกายมือ 1 ของจีน อีกหนึ่งทีมงานคนสำคัญที่ เอ๋อตงเซิน เลือกมาให้ทำงานร่วมกับ ผู้ออกแบบคิวบู๊คู่บุญของเฉินหลง ที่มาร่วมออกแบบคิวบู๊ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ

สำหรับฉากใหญ่ใน ดับแผนล่า กระสุนสั่งตาย  ทีมงานได้ปิดถนนหนานจิงลู่ เมืองเซี่ยง นานกว่า 24 ชั่วโมงเพื่อใช้ถ่ายทำฉากใหญ่ในการดวลปืน ระหว่างแก๊ง โดย เซียะถิงฟง ตัวเอกของเรื่องที่รับบทเป็น ตำรวจสืบสวนนักแม่นปืนเทวดา ได้เปิดเผยว่าเขาได้ไปฝึกยิงปืนเพิ่มเติมนานกว่า 3 เดือนเพื่อมารับบทนี้  “ ปกติ  ผมไม่เกี่ยงเรื่องแสดงฉากบู๊อยู่แล้ว ฉากดวลปืนก็เคยเล่นมาแล้ว แต่ผู้กำกับอยากให้หนังออกมาในอารมณ์แบบเชอร์ล็อคโฮมส์ แล้วต้องมีมาดของนักแม่นปืนเข้ามาด้วย ผมเลยต้องไปฝึกเพิ่มเติมกับนักกีฬายิงปืนตัวจริง“

ฉากหลังของภาพยนตร์ ดับแผนล่า กระสุนสั่งตาย   เกิดขึ้นในปี 1930 ที่เซี่ยงไฮ้ ในช่วงนั้น เซี่ยงไฮ้นับว่าเป็นเมืองที่มีความพัฒนามากในระดับหนึ่งเนื่องมาจากถือเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตกเข้าด้วยกัน และช่วงปี 1930 นั้น กลุ่มแก็งอันธพาลยึดครองพื้นที่ตามส่วนต่างๆ เปรียบเสมือนในยุคของอัล คาโปน (Al Capone) ของฝั่งโลกตะวันออกทำให้ การแต่งตัวของตัวละคร เน้นไปที่การใส่ชุดสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว รวมไปถึงหมวกสีขาว ซึ่งความพิถีพิถันเรื่องงานสร้างตรงนี้เองที่ทำให้ ดับแผนล่า กระสุนสั่งตาย  โดนใจนักวิจารณ์และได้รับการยกย่องให้เป็นหนังแอคชั่นที่ดีที่สุดของปี 

The Bullet Vanishes ( เดอะ บูลเลท แวนิชส์ ) ดับแผนล่า กระสุนสั่งตาย  เปิดฉากด้วยคดีการตายปริศนาของ เด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่ง หกเดือนหลังจากคดีนั้นได้เกิดการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น  ตำรวจสองนาย ชื่อ “อาซ่ง” (หลิว ชิงยหวิน) และ “อาเก๋า” (เซียะถิงฟง) ได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดี โดยเงื่อนงำทั้งหมดนั้นได้พุ่งตรงไปยัง  “หัวหน้า” (The Boss) ผู้คุมแก๊งมาเฟียที่โหดที่สุดของเมืองเซี่ยงไฮ้ คนที่แม้แต่ผู้บัญชาการตำรวจก็ยังไม่กล้าแตะ  อาซ่ง และ อาเก๋า ต้องร่วมตัวกันเพื่อใช้สมองและฝีมือการยิงปืนของพวกเขา เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์  “ 30พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์”