สัมภาษณ์ ราชิด้า โจนส์ และ วิล แม็คคอร์เมค อดีตคู่รัก ผู้เขียนบทภาพยนตร์ ‘Celeste and Jesse Forever’

แชร์ข่าวนี้

ในภาพยนตร์โรแมนติกดรามาเรื่องใหม่ล่าสุด Celeste and Jesse Forever เรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวกับชีวิตหลังการแยกทาง แต่แทนที่ทั้งคู่จะห่างกันไป ทั้ง เซเลสและเจสซ์กลับตัดสินใจที่จะคงความเป็นเพื่อนรักกันและรักษามิตรภาพคงเดิมไว้  ‘เจสซ์’ รับบทโดย แอนดี้ แซมเบิร์ก ‘เซเลส’ รับบทโดย ราชิด้า โจนส์ เมื่อทั้งคู่พยายามดิ้นรนหาเส้นทางรักของตนเองใหม่และพบกับอุปสรรคมากมายที่ส่งผลต่อจิตใจ พวกเขาจะเลือกทางเดินของตนเองอย่างไรต่อไปดี?

ภาพยนตร์เรื่องนี้คือผลงานการเขียนบทโดย ราชิด้า โจนส์ และ วิล แม็คคอร์เมค ซึ่งทั้งคู่พร้อมแล้วสำหรับการให้สัมภาณ์เกี่ยวกับเรื่องราวในภาพยนตร์ ตัวละครต่างๆ  ขั้นตอนเบื้องหลังกว่าที่ภาพยนตร์จะมาเป็นรูปเป็นร่างได้ และร่วมหาคำตอบกันว่า จริงหรือไม่ ที่คู่รักจะเปลี่ยนสถานะกลายมาเป็นเพื่อนรักกันได้จริงๆ

เล่าให้ฟังถึงบทบาทของแอนดี้ แซมเบิร์กในภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยได้ไหม

โจนส์  : ฉันคิดว่าแอนดี้มีด้านที่เหมือนกับตัวละครในภาพยนตร์อยู่ค่ะ

แม็คคอร์เมค: เราส่งบทภาพยนตร์ให้เขา และถามว่า “คุณจะรับบทนี้ได้มั้ย?” หลังจากนั้นเราก็บินไปยังนิวยอร์คเพื่อร่วมกันอ่านบทกับเขา วึ่งมันออกมาน่าเหลือเชื่อมากครับ

โจนส์ : ใช่ค่ะ เขาจัดการมันได้อยู่หมัด

แม็คคอร์เมค: มันเจ๋งมากครับที่ได้เห็น เมื่อคุณได้เห็นนักแสดงคนหนึ่งแสดงในบทที่เขาไม่เคยทำมันมาก่อนเลย มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากครับ

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครนำทั้งสองต้องประสบปัญหากับการแยกจากอีกผ่าน พวกคุณเคยมีปัญหากับการต้องตัดตัวละครของตัวเองออกไปบ้างไหมในภาพยนตร์

โจนส์ : มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราเรียกกันว่า การปล่อยเกาะตัวละคร เมื่อตัวละครที่เคยอยู่ในบท ต้องถูกเนรเทศไปติดเกาะและตัดทิ้งออกไปจากเรื่อง มีตัวละครอยู่บางตัวใน Celeste and Jesse ที่โดนตัดออกไป นั่นคือคือบทของเด็กหญิงตัวน้อยๆค่ะ
แม็คคอร์เมค: เคยมีตัวละครเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

โจนส์ : มีบทของสาวน้อยตัวเล็กๆ ..  พวกเราเห็นตรงกันกับการตัดบทของเธอออกไปค่ะ

แม็คคอร์เมค: ใช่ ใช่

แล้วตัวละครที่พวกคุณรับบทล่ะ คุณเคยรู้สึกลำบากใจกับการต้องทิ้งตัวตนจากตัวละครของคุณออกไปบ้างไหม 

แม็คคอร์เมค: ไม่นะครับ ผมจำเตรียมใจไว้แล้วเมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น

โจนส์ : มันโอเคนะคะ  ในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ ส่วนมากคุณจะไม่ได้ถลำลึกลงไปในบทบาทมากขนาดนั้น

ภาพยนตร์เองนี้มีอะไรหลายๆยอย่างที่คล้ายกับ ‘When Harry Met Sally’  ภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนของผู้คนหนุ่มสาว คุณคิดอย่างไรกับมัน เป็นไปได้หรือเปล่าที่ผู้หญิงและผู้ชายจะสามารถเป็นแค่เพื่อนกันได้หรือเปล่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไรให้กับผู้ชม 

โจนส์ : จริงๆแล้วมันแตกต่างกันนะคะ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความซับซ้อนกว่าในแง่ที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ภาพยนตร์ของเราจึงตั้งคำถามว่า “สามี –ภรรยา จะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า?”

แม็คคอร์เมค: ใช่ครับ

โจนส์:และคำตอบของฉันก็คือ…
แม็คคอร์เมค: แล้วแต่กรณี

โจนส์ : แล้วแต่กรณีค่ะ ขึ้นอยู่ว่า ตัวเลือก A.คุณเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อนหรือเปล่า ฉันเคยเดตกับผู้ชายที่ไม่ควรออกเดตด้วยเลย เพราะว่าฉันจะไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเขาแน่ๆ  เพราะฉะนั้น ทำไมคุณถึงต้องไปออกเดทกับคนที่คุณไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยล่ะ ตัวเลือก B. คุณต้องใช่เวลาซักหน่อยในการเยียวยาจิตใจ ฉันคิดว่าเราไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนกันได้ทันทีหรอกค่ะ

แม็คคอร์เมค: ผมคิดว่าเรากลับไปเป็นเพื่อนกันได้นะ ผมมีเพื่อนที่อดีตเคยคบกันกับผม และผมรู้สึกภูมิใจกับบรรยาแฟนเก่าของผมทั้งหมดนะครับ ผมเคยออกเดทกับผู้หญิงดีๆ จุดที่น่าสนใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการที่ความสัมพันธ์ของพวกเขามันเปลี่ยนไปไวมาก พวกเขาพยายามที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกัน โดยที่ไมคำนึงถึงความรู้สึกของตนเองก่อน เซเลส ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรทั้งนั้น

พวกคุณได้ไอเดียเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากไหน

โจนส์ : เรามีเพื่อนมากมายที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันกับในภาพยนตร์ และอย่างที่คุณรู้ เราเลยดึงบางส่วนจากชีวิตของพวกเขามา ทั้งคู่เคยมีความประสบการณ์ความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับคนรักเก่าของเรามาก่อน และเรารู้สึกว่าตัวละครทั้ง 2 ในภาพยนตร์ คือมนุษย์จริงๆที่เราเห็นกันบ่อยๆ ทั้งชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่เคยคำนึงถึงชีวิตการงานของตนเอง และหญิงสาวนักธุรกิจ ที่อยากที่จะก้าวขึ้นสู้จุดสูงสุดให้ได้

พวกคุณเคยได้ทำงานในโปรเจ็คไหน ที่คุณรู้สึกว่ามันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตบ้างหรือเปล่า เหมือนกับที่ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องพบกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต

แม็คคอร์เมค: ครั้งนี้แน่นอนครับ

โจนส์ : มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก

แม็คคอร์เมค: มันถือได้ว่าเป็นการเติบโตครั้งสำคัญในชีวิตของผมเลยล่ะครับ

โจนส์ : ฉันก็เหมือนกันค่ะ ทั้งในฐานะนักแสดง ในฐานะผู้กำกับ และในฐานะนักเขียนบท เป็นทุกๆอย่างเลย

แม็คคอร์เมค: มันคือสิ่งที่ยากที่สุดที่ผมเคยทำ ทั้งในแง่ของอาชีพการงานและในแง่มุมส่วนตัว มันคือผลงานชิ้นที่ผมพอใจมากที่สุดเลยครับ เราทุ่มเทพลังในการเขียนบทและการสร้างภาพยนตร์ให้ปรากฏแก่โลกนี้ เราพยายามที่จะสร้างภาพยนตร์คอมเมดี้ เกี่ยวกับคู่รักที่เลิกกัน โดยไม่ใส่แง่มุมที่เหน็บแนม เสียดสีลงไปในภาพยนตร์ ในฐานะนักแสดง ผมไม่มีความกลัวในการแสดงภาพยนตร์เรืองนี้รับ แต่ในฐานะนักเขียนบท ผมรู้สึกกลัวมากๆ ที่จะเปิดเผยตัวตนของตนเองในแง่นี้ แต่มันก็คือว่าเป้นกระบวนการที่สุดยอดมากๆครับ เมื่อผ่านพ้นมันมาได้ ผมอยากจะทำมันอีกครั้ง แม้มันจะเป็นสิ่งที่ยากก็ตาม

โจนส์ : เช่นเดียวกันสำหรับฉันในฐานะนักแสดง ฉันไม่เคยต้องรับผิดชอบหรือรู้สึกกดดันมาก แม้กระทั่งในการต้องรับบทที่ซับซ้อน มันก็เป็นเหมือนการท้าทายหนึ่ง แต่เมื่อได้มาเขียนบทมันเป็นสิ่งที่ทั้งน่ากลัวและท้าทาย แต่เป็นอะไรที่สุดยอดค่ะ

ที่มา:  ประชาสัมพันธ์
บันทึกภาพ:  ประชาสัมพันธ์
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง