Monsters University – มหา’ลัย มอนสเตอร์ส // วิชา MU 101: ยินดีต้อนรับสู่รั้วมหาวิทยาลัย

แชร์ข่าวนี้

ยังจำสมัยเรียนมหาวิทยาลัยได้รึเปล่า? ยังจดจำความเป็นอิสระจากผู้มีอำนาจ ความรู้สึกของโอกาสไร้ขีดจำกัด และการเฮฮาปาร์ตี้ทั้งคืนที่น่าหวั่นสะพรึงนั่นได้มั้ย? จำสัตว์ประหลาดตาเดียวที่มุ่งมั่นกับการเป็นปีศาจจอมหลอกหลอนจนต้องฝึกเสียงคำรามทั้งวันทั้งคืนได้รึเปล่า?

ไมค์ วาซาวสกี้  ปีศาจที่มีเป้าหมายในใจ นับตั้งแต่ไมค์เป็นปีศาจตัวน้อยน่ารัก เขาก็ใฝ่ฝันที่จะได้ศึกษาวิชาหลอกคนที่มหา’ลัยมอนส์เตอร์มาโดยตลอด ทันทีที่เขาเหยียบเท้าสีเขียวของเขาลงในรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็คำรามลั่นด้วยความฮึกเหิม แต่เส้นทางของเขาดูจะยุ่งยากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก

“เราอยากให้ ‘Monster University’ เป็นเรื่องราวของไมค์ตั้งแต่เริ่มต้นครับ” ผู้กำกับแดน สแกนลอนบอก “แต่เราก็ได้ทดลองกันหลายๆ ทาง ในตอนที่คุณทำงานเกี่ยวกับเรื่องราวมานาน คุณก็จะได้เดินไปในหลายๆ เส้นทาง ซึ่งบ่อยครั้งก็จะไปลงเอยในที่ที่คุณเริ่มต้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ‘Monster University’ เราต่างก็อยากติดตามเรื่องราวของไมค์ มันทั้งน่าติดตามและมีความเป็นส่วนตัวเหลือเกินครับ”

“ไมค์มีความมั่นใจ เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมากๆ และเชื่อว่าถ้าพยายามมากพอ คุณก็สามารถทำได้ทุกอย่างในโลกตามที่คุณต้องการค่ะ” ผู้อำนวยการสร้างโครี่ เรย์บอก “ความฝันหนึ่งเดียวตั้งแต่เด็กของเขาคือการเป็นปีศาจหลอกคนค่ะ”

“แต่เขาเป็นปีศาจตัวน้อยน่ารักในโลกที่เต็มไปด้วยปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว” สแกนลอนกล่าวเสริม “เขาก็เลยจำเป็นต้องชดเชยด้วยความรู้ ความกล้า และอุปนิสัยของเขาครับ”

สำหรับสแกนลอน “Monsters University” ทำให้เขานึกถึงเรื่องราวในวัยหนุ่มของตัวเอง “มันทำให้ผมย้อนนึกกลับไปถึงอายุช่วงนั้น ที่คุณกำลังกลายเป็นผู้ใหญ่ เริ่มตระหนักถึงตัวตนของตัวเองและเริ่มรู้ตัวว่า บางที คุณอาจไม่ได้เก่งทุกอย่างก็ได้ คุณจะได้พบกับความล้มเหลวเป็นครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่หรือไม่ว่าที่ไหนที่ชีวิตจะนำพาคุณไปน่ะครับ”

ไม่น่าแปลกใจที่ตัวสแกนลอนเองเลือกที่จะเรียนในโรงเรียนศิลปะแทนที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยใหญ่ “คนส่วนมากที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะจะเป็นคนที่ระบายสีหรือวาดรูปเก่งที่สุดในเมืองเล็กๆ ของพวกเขา แต่พอพวกเขามาถึง พวกเขาก็ตระหนักว่าคนอื่นๆ ก็เก่งเหมือนกัน ดังนั้น มาตรฐานก็เลยถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันแรก แล้วมันก็มีเรื่องที่ว่าปกติแล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้จากบ้านมา ซึ่งก็เป็นตอนที่คนส่วนใหญ่เริ่มหาคำตอบได้ว่าตัวเองจริงๆ แล้วเป็นใคร การค้นพบตัวเองที่เคอะเขินพวกนั้นเป็นอะไรที่ผมสนใจสำหรับเรื่องราวนี้และก็มีส่วนสำคัญต่อความนัยทางอารมณ์และดรามาในหนังเรื่องนี้ด้วยครับ”

แน่นอนว่าตัวละครสำคัญในดรามาของ “Monsters University” คือเจมส์ พี. ซัลลิแวน (ซัลลี่) ซัลลี่ ผู้หวนคืนสู่จอเงินอีกครั้ง ไม่ได้เป็นปีศาจตัวใหญ่น่ารักน่ากอดเหมือนที่คอหนังอาจจะจำได้ “เราสนุกมากกับการให้เขาแสดงนิสัยที่ค้านกับตัวตนของเขาน่ะครับ” สแกนลอนบอก “เขาเป็นปีศาจหลอกคนที่มีพรสวรรค์มากๆ เป็นปีศาจตัวโต เป็นนักกีฬา เขามีรูปร่างหน้าตาเหมาะกับงานและเขาก็รู้เรื่องนี้ดี เขาติดโชว์ออฟหน่อยๆ และอาจจะทะนงตัวเล็กๆ ด้วยครับ”

ซัลลี่ ผู้เกิดมาเพื่อเป็นปีศาจหลอกคน คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งเวลาและความอุตสาหะเพื่อประสบความสำเร็จในแผนกหลอกคนของมหา’ลัยมอนส์เตอร์เลยแม้แต่น้อย เลยทำให้เขาเข้ามหาวิทยาลัยแบบไร้ซึ่งความกระตือรือร้น ซึ่งก็ทำให้ไมค์ตัวเขียวไม่สบอารมณ์เอาซะเลย แดเนียล เกอร์สัน มือเขียนบทบอก “มันทำให้ไมค์แทบคลั่งที่ซัลลี่ไม่ได้เคารพโอกาสที่เขาได้รับมามากพอที่จะลงมือทำงานหนัก หรือทำงานใดๆ ก็ตามน่ะครับ”

โรเบิร์ต แอล. เบียร์ด มือเขียนบทกล่าวเสริมว่า “และไมค์ก็เป็นปีศาจตัวแรกที่ทำให้ซัลลี่เคลือบแคลงในความสามารถของตัวเอง ความพยายามล้วนๆ ทำให้ไมค์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในชั้นเรียน ในขณะที่ซัลลี่ยังคงแน่นิ่งอยู่กับที่ มันทำให้ซัลลี่แทบคลั่งที่ปีศาจตัวจิ๋วนี้หลอกคนได้เก่งกว่าเขา ดังนั้น การประชันขันแข่งระหว่างทั้งคู่ก็เลยคุกรุ่นตลอดทั้งเทอม และมันก็มาระเบิดออกในวันสอบไล่นั่นเอง”

และแล้วคณะบดีฮาร์ดแสครบเบิ้ล ผู้อำนวยการโรงเรียนหลอกคนผู้น่าเกรงขาม ก็ได้ก้าวเข้ามา ด้วยขา 30 ข้าง ปีกที่ตระการตาและประสบการณ์ชั่วชีวิต คณะบดีฮาร์ดแสครบเบิ้ลรู้เรื่องการหลอกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง เธอไม่แยแสกับพวกคุณภาพปานกลางและนักเรียนของเธอก็รู้ดี ดังนั้น เมื่อเธอที่ไม่พอใจอะไรง่ายๆ ได้เห็นความเป็นปรปักษ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างไมค์และซัลลี่ เธอจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“มันไม่สวยนักหรอกค่ะ” เรย์บอก “พวกเขาโดนไล่ออกจากหลักสูตรหลอกคนและความฝันของทั้งคู่ก็สลาย แต่ข่าวดีคือพวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ และส่วนที่เหลือของเรื่องราวก็จะเป็นเรื่องที่ว่าพวกเขาทำอะไร พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างไร ทั้งในฐานะปัจเจกและในฐานะเพื่อนน่ะคะ”

ย้อนเวลา

นับตั้งแต่ที่ “Monsters, Inc.” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี 2001 ทีมงานที่พิกซาร์ อนิเมชัน สตูดิโอส์ก็รู้ว่าไมค์, ซัลลี่และโลกสัตว์ประหลาด ได้กระทบใจผู้ชมทั่วโลกอย่างมาก ดังนั้น ไอเดียในการนำพวกเขากลับมาสู่จอเงินอีกครั้งจึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่การจะทำยังไงนั้นก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งเลยล่ะ

ผู้ควบคุมงานสร้าง จอห์น แลสซีเตอร์กล่าวว่า “ตอนที่เราสร้างหนังภาคแรกขึ้นมาที่พิกซาร์ ตอนที่เราสร้างมันเสร็จ เราก็รู้จักตัวละครเป็นอย่างดี พวกเขาเหมือนเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของเรา มันเป็นเรื่องหวานปนขมที่จะต้องเอ่ยคำลากับตัวละครแบบนั้น มันสนุกมากที่ได้เริ่มนึกถึงไอเดียใหม่ๆ ที่คุณสามารถทำได้ในโลกที่คุณรักมันอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องคิดเรื่องราวที่ดีพอๆ กันหรือดีกว่าภาคแรกขึ้นมาให้ได้น่ะครับ”

ในการผลักดันกระบวนการให้เดินไปข้างหน้า หัวหน้าทีมงานสร้างของพิกซาร์ อนิเมชัน สตูดิโอส์ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “เบรน ทรัสต์” ได้จัดเซสชันระดมสมองขึ้น ด้วยการเชิญนักเล่าเรื่องคนเก่งของพิกซาร์ ซึ่งรวมถึงสมาชิกหลายคนจากทีม “Monsters, Inc.” ดั้งเดิมมาด้วย “เราก็เสนอไอเดียกันครับ” เกอร์สันบอก “คนหนึ่งจะเสนอความคิดเขาขึ้นมา แล้วอีกห้าคนก็อาจจะต่อยอดจากตรงนั้น ไอเดียของการสร้างพรีเควลที่มีฉากหลังเป็นมหาวิทยาลัยก็เกิดขึ้นวันนั้นเองครับ”

ทีมผู้สร้างรู้ดีถึงความท้าทายที่จะตามมาจากการสร้างพรีเควล เบียร์ดกล่าวว่า “ตอนที่ไอเดียนี้ปรากฏขึ้น เราก็พูดกันว่า ‘โอเค ฟังดูน่าสนุก ลองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์หนังแล้วศึกษาพรีเควลเยี่ยมๆ ทุกเรื่องดูซิ’ แล้วเราก็มารู้สึกได้ว่า เราคิดไม่ออกซักเรื่อง”

สแกนลอนอธิบายว่า “หนึ่งในสิ่งที่ยากเกี่ยวกับพรีเควลคือตามคำนิยามแล้ว ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวจะจบยังไง มันก็เลยเป็นเรื่องยากที่จะสร้างดรามาขึ้นมาในตอนที่คุณรู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างจะต้องคลี่คลายได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างความเสี่ยงให้เกิดขึ้นได้ คุณจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวละคร ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เราก็ได้ทำใน ‘Monsters University’ เราจะต้องผลักดันดรามาให้ไกลพอจนกระทั่งมันคุกคามความรู้สึกที่คนมีต่อตัวละครเหล่านี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รับประกันว่าในตอนที่หนังจบ เราจะทำในสิ่งตรงกันข้ามด้วยการดึงผู้ชมให้ใกล้ชิดกับไมค์และซัลลี่มากขึ้นกว่าเดิมน่ะครับ”

“คุณรู้อยู่แล้วค่ะว่าเรื่องราวมันจบยังไง” เรย์กล่าวเสริม “มันก็เลยเป็นเรื่องยากสุดๆ ที่จะสร้างเรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้ ที่มีจุดหักมุม ที่คนคาดไม่ถึงและมีการเปลี่ยนแปลงตัวละครที่น่าประหลาดใจ แต่ทีมเรื่องราวได้เจาะลึกลงไปและพัฒนารายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครเหล่านี้ และได้สร้างพล็อตที่สนุกสนานแต่ก็ประทับใจ ที่ผู้ชมไม่มีทางคาดคิดได้ขึ้นมาด้วยล่ะค่ะ”

เคลซีย์ แมนน์ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเรื่องราว กล่าวว่า การรู้ว่าเรื่องราวจบอย่างไรได้เปิดประตูโอกาสที่น่าตื่นเต้นให้ทีมผู้สร้างด้วยซ้ำไป “คุณอาจจะรู้ว่าพวกเขาจะลงเอยที่ไหน” แมนน์กล่าว “แต่คุณไม่รู้หรอกว่าพวกเขาไปถึงที่นั่นได้ยังไง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการเดินทาง มันเป็นไอเดียที่ปรากฏชัดอยู่ในหนังทั้งเรื่องครับ”

 

เมื่อประตูหนึ่งปิด อีกประตูหนึ่งก็เปิดออก

พีท ด็อคเตอร์ ผู้กำกับ “Monsters, Inc.” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา “Monsters University” และมีส่วนช่วยในการสร้างธีมสำคัญมากมายของเรื่อง “ธีมหนึ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกคือไอเดียที่ว่าเมื่อประตูหนึ่งปิด อีกประตูหนึ่งก็เปิดออกครับ” ด็อคเตอร์กล่าว “ประตูเป็นภาพที่สำคัญมากในหนังภาคแรก ดังนั้น ไอเดียนี้ก็เลยเป็นอะไรที่โดดเด่นจริงๆ เราตระหนักได้ว่า ข้อคิดสำคัญในหนังหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสำหรับเด็กๆ ก็คือ ‘ถ้าคุณพยายามมากพอและเชื่อในตัวเอง คุณจะสามารถทำได้ทุกอย่าง!’ และนั่นก็ไม่ข้อคิดที่เลวร้ายเลย แต่มันก็ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป คุณจะทำยังไงล่ะครับถ้าความฝันของคุณสลายไป”

ทีมผู้สร้างบอกว่า เรื่องราวของไมค์ และความจริงที่ว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ ไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องราวนี้น่าสนใจมากขึ้น แต่ยังทำให้เรื่องราวนี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย “ส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้คือการเผชิญหน้ากับความจริง” แมนน์กล่าว “บางครั้ง มันก็โหดร้ายและไม่ยุติธรรม แต่มันก็โอเค เพราะมันอาจหมายความว่า คุณน่าจะไปทำอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปก็ได้”

แลสซีเตอร์เห็นพ้องด้วย “มหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนต่างก็มีความมั่นใจและมองโลกในแง่บวกอย่างมากว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เรามีความฝัน มีเป้าหมาย ไม่มีใครหยุดเราได้ แต่แล้วความจริงก็เริ่มเข้ามา และเราก็เริ่มเจอกับประตูที่ปิดตรงหน้าเรา สิ่งที่คุณทำในตอนที่ความฝันของคุณแตกสลายคือสิ่งที่จะหล่อหลอมตัวคุณครับ”

ถึงเวลาตัวป่วน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความฝันที่พังยับเยิน ไมค์และซัลลี่ ก็ตัดสินใจอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก ว่าบางทีการร่วมมือกันอาจเป็นทางเลือกเพียงอย่างเดียวถ้าพวกเขาอยากแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้กลับมาเวิร์คอีกครั้ง การร่วมมือกันนำพวกเขาไปสู่กลุ่มปีศาจตัวป่วน ที่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งเหมือนๆ กัน นั่นคือพวกเขาต่างก็ถูกปฏิเสธมาจากหลักสูตรหลอกคน พวกเขาร่วมกันก่อตั้งกลุ่มอูซมา แคปปา (โอเค) ที่มารวมตัวกันด้วยความปรารถนาที่จะพิสูจน์ให้คณะบดีฮาร์ดแสครบเบิ้ลเห็นว่า พวกเขาคู่ควรที่จะได้อยู่ในหลักสูตรหลอกคนจริงๆ

ตัวละครในกลุ่มโอเคพรั่งพรูออกมาจากมื้ออาหารเที่ยงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและไม่ทันได้เตรียมตัวกันมาก่อนของบรรดาทีมผู้สร้าง “เราอยากจะออกแบบสมาชิกกลุ่มอูซมา แคปปาแต่ละตัวตามประเด็นในเรื่องราวหรือลักษณะที่จะสะท้อนถึงสิ่งที่ไมค์และซัลลี่กำลังเผชิญ” สแกนลอนบอก “เทอร์ริ และเทอร์รี่เป็นตัวละครคู่กัด ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของไมค์และซัลลี่ในตอนเริ่มแรก พวกเขาตัวติดกัน แต่กลับทำงานด้วยกันไม่ได้ พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเป็นหนึ่งเดียว แบบเดียวกับที่ไมค์และซัลลี่ทำน่ะครับ”

“สก็อตต์ ‘สควิชชี่’ สควิมเบิ้ลส์เองไม่มั่นใจว่าตัวเขาเป็นใครหรือเขาจะกลายเป็นอะไร” สแกนลอนกล่าวต่อ “ดีไซน์ของเขาเป็นเหมือนก้อนดินเหนียวที่ต้องการการปั้นให้เป็นรูปร่าง เราจงใจออกแบบสวคิชชี่ให้ตัวเล็กและน่ารักกว่าไมค์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ใครเป็นปีศาจจอมหลอกหลอนได้ แต่มันเป็นอะไรที่จับต้องได้ยากกว่านั้นครับ”

“ดอน คาร์ลตัน เป็นนักเรียนโข่งครับ” เบียร์ดกล่าว “เขาอยู่แผนกขายมาก่อนที่จะถูกปลดออก และตอนนี้ เขาก็กลับไปเรียนใหม่อีกรอบ ดอนเป็นตัวแทนของไอเดียที่ว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงครับ”

“อาร์ทเป็นตัวคำถามครับ” สแกนลอนกล่าว “เราหาคำตอบไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร และการหาคำตอบไม่ได้นั้น ก็ทำให้เราได้พบเขา เขาเป็นตัวพิลึกที่คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย และก็มีคนจำพวกนี้ในมหาวิทยาลัยหลายคนเลยนะครับ ท้ายที่สุด เขากลับเป็นหนึ่งในตัวละครตัวโปรดของเราเพราะเขาพิลึกมากๆ แล้วดีไซน์ของเขาก็แปลกประหลาดไม่แพ้กัน”

แน่นอนว่าการเดินทางของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างที่สแกนลอนบอกนั่นแหละว่า มันเป็นการผจญภัยสุดหฤหรรษ์ “นี่เป็นหนังมหา’ลัยครับ เราก็เลยอยากให้มันสนุกสนานและถ่ายทอดประสบการณ์ของการค้นพบตัวเอง เราต้องการสร้างให้เกิดเสียงหัวเราะ ตัวละครสนุกสนาน และเรื่องราวประทับใจที่เข้าถึงได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือการเล่าเรื่องราวที่จะทำให้คนรู้สึกดี บางที ใครบางคนอาจเพิ่งล้มเหลวมาในชีวิตหรือรู้สึกเหมือนความฝันครั้งใหญ่เพิ่งพังทลาย คนๆ นั้นอาจจะเดินออกจากโรงหนังด้วยความรู้สึกว่ายังมีความหวัง ว่ามันเกิดขึ้นกับทุกคน แม้กระทั่งปีศาจ แน่นอนว่าความฝันของพวกเขาอาจต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าโลกจะถล่มซักหน่อยน่ะครับ”

“Monsters University” ที่กรีดร้องด้วยเสียงหัวเราะ และพองโตไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ พากย์เสียงโดยบิลลี่ คริสตัล, จอห์น กู๊ดแมน, สตีฟ บุสเชมี่, เฮเลน เมอร์เรน, อัลเฟร็ด โมลิน่า, ชาร์ลีย์ เดย์, โจเอล เมอร์เรย์, เดฟ โฟลีย์, ฌอน พี. เฮเยส, จูเลีย สวีนนีย์และปีเตอร์ ซอห์น ด้วยดนตรีจากแรนดี้ นิวแมน (“Monsters, Inc.,” “Toy Story 3”) คอมโพสเซอร์เจ้าของรางวัล ผู้ซึ่งชื่อของเขาได้รับการจารึกในร็อค แอนด์ โรล ฮอล ออฟ เฟม

แวะชมเว็บไซต์ disney.co.th/MonstersUniversity กดไลค์เราที่ facebook.com/waltdisneythailand และชมคลิปวีดิโอ, ตัวอย่างอย่างเป็นทางการจากวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส ได้ที่ youtube.com/waltdisneystudiosth

Monsters University มหา’ลัย มอนสเตอร์ส เข้าฉายวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ในโรงภาพยนตร์ และในระบบดิสนีย์ ดิจิตอล 3 มิติ

 

Monsters University มหา’ลัย มอนสเตอร์ส

เข้าฉายวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

และในระบบดิสนีย์ ดิจิตอล 3 มิติ

ที่มา:  Disney Thailand
บันทึกภาพ:  Disney Thailand
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง