แจ้งความจับ ตลกดัง “จั๊กบุ๋ม” ฝ่ายหญิงเผย โดนตามรังควาน

แชร์ข่าวนี้

เมื่อวันที่ 16 กค. เวลา 08.00 น. นส.ชลธิชา เชื้อเอี่ยมพันธ์ (กุ๊ก)  อายุ 24 ปี พิธีกรรายการ “ลูกทุ่งประเทศไทย” พิธีกรชื่อดัง พร้อม นายสมจิตร เชื้อเอี่ยมพันธ์ คุณพ่อ อายุ 50 ปี  ได้เดินทางมาอัดรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ที่ สตูดิโอ สตาร์แม็กซ์ ย่านลาดพร้าว 15 โดยมี “อ.ยิ่งศักดิ์” เป็นผู้ดำเนินรายการ หลังจากได้แจ้งความดำเนินคดีกับ  “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม”  ตลกชื่อดังในข้อหาชิงทรัพย์ และผิด พรบ.คอมพิวเตอร์

***ไปรู้จักกันได้ยังไง

กุ๊ก          “รู้จักกันมา 4 เดือน ที่เชื่อว่าเขาเลิกกับเมียแล้วจริงๆเพราะเขามาขออยู่กับเราด้วย แต่เขาจะออกไปตอนเช้าประมาณตี4 โดยเขาบอกว่าเขาเป็นคนจะต้องไปส่งลูก เขาบอกว่าเขาทำหน้าที่พ่อ  เราก็เชื่อ”

พ่อ         “ผมเองรู้จักเขาเพราะผมเองเคยเป็นผู้จัดการตลกมาก่อน ก็เคยเห็นหน้าคราตากันแต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ก็รู้ว่าเขามาจีบลูกสาว โดยมาบอกว่าเขาเลิกกับลูกเมียเขาไปแล้ว เขาก็มาขอตามจีบ  ผมก็บอกว่าถ้ามีลูกมีเมียอยู่ก็ให้ไปดูแลครอบครัวตัวเอง เขาก็มาตามลูกสาวผมอยู่เรื่อย แล้วก็มาขออาศัยอยู่กับลูกสาวผม  ไม่ค่อยกลับบ้าน เขาบอกว่าเขาเลิกกับเมียเขาแล้ว เขาเลยขอมาอยู่ด้วย ก็อยู่ด้วยกัน 3 คนในคอนโดเล็กๆก็นอนอยู่ด้วยกันหมดเลย  เราก็ไว้ใจเขาเพราะเราเห็นว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน ก็ไม่คิดว่าจะมาทำร้ายกันขนาดนี้”

***4เดือนอยู่กินกันฉันท์ผัวเมีย

กุ๊ก          “ไม่มีอะไรกันเลย  เราเป็นแค่แฟนกันค่ะ  ก็รักเขานะ  เราอยู่ในห้องที่มีพ่อเราอยู่ด้วยตลอด  เวลาพ่อไม่อยู่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน แต่อยู่มาได้พักนึงก็มาไลน์ของภรรยาเขาเข้ามาขึ้นไทม์ไลน์เหมือนว่าเราจะไปแย่งสามีเขา ว่ามันบาปนะ เราก็เลยถามเขา เขาก็บอกว่าเขาพูดไปแล้ว เขาเลิกกันแล้วแต่เขาแค่ดูแลลูก  เราเองก็ไม่เคยติดต่อพูดคุยกับภรรยาเขาเลย”

พ่อ         “ที่อยู่ด้วยกันมาผู้ชายเขาก็ทำตัวดีตลอด  ไปไหนมาไหนด้วยกัน  เขาก็มาขอว่าเขาจะขอเปิดตัวกับกุ๊กได้ไหม ผมก็ถามไปว่าแล้วครอบครัวบุ๋มล่ะ เขาบอกว่าเขาไม่สนใจ เขารักกุ๊กคนเดียว เขาอยากแต่งงานกับกุ๊ก ผมก็บอกว่าให้ไปเคลียร์กับลูกเมียให้จบก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน ด้วยตอนที่เขาพูดเขาเมาด้วย เราก็ไม่อยากจะไปอะไร เขารักกันเรากีดกัน ก็ปล่อยเขาไป”

กุ๊ก          “เขามาอยู่ด้วยกัน 4 เดือนก็ไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ขอยืมเงินไป กุ๊กเองก็อยากได้คืน แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยบอกว่าให้จ่ายค่าคอนโดให้หน่อย เราก็โอเค แต่มันก็ยังไม่ครบจำนวนที่เขาเอาไป กุ๊กเองก็ไม่ได้คิดจะเอาเขามาทำผัวอยู่แล้วด้วย เราไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ด้วยความที่เรารู้จักกันไม่นาน  ก็ยอมรับว่าเราเองอาจจะไว้ใจคนมากเกินไปให้เขาเข้ามาอยู่ง่าย ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้”

แล้วเรารู้ตัวได้ยังไงเลยเริ่มตีตัวออกห่าง

กุ๊ก          “ก็เรื่องจากเรื่องไทม์ไลน์ที่ภรรยาเขา และด้วยนิสัยเขาเป็นคนที่จุกจิกจู้จี้ซึ่งกุ๊กไม่ชอบคนแบบนี้อยู่แล้ว”

ตกลงแล้วโดนหลอกให้เงินเขาไปกี่บาท

พ่อ         “4 หมื่น”

กุ๊ก          “เขายืมไป2หมื่นแต่เขาจ่ายค่าคอนโดให้ แต่ก็ยังไม่ครบ เบ็ดเสร็จก็เกือบ 5 หมื่นที่ยังไม่ครบ”

คนอาจมองได้ว่าเราอาจะไม่อยากได้เขาแล้ว ก็เลยตีตัวออกห่าง ทำให้เขาโมโหเกิดบันดาลโทสะขึ้นมา

กุ๊ก          “ในเมื่อกุ๊กรู้แล้วว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว แล้วยังมีลูกเขาอีกคนที่กำลังอยู่ในท้องเมียเขาอีก กุ๊กจะอยู่ทำไม”

ขอถามย้ำอีกทียังไม่มีอะไรกัน?

กุ๊ก          “ไม่มีค่ะ”

กับเรื่องที่ไปแจ้งความ โดยให้การว่า “…ได้กระชากคอเสื้อข้าพเจ้าแล้วพูดว่าเอาโทรศัพท์มา แล้วก็เอามือบีบแขนข้าพเจ้าแล้วกระชากโทรศัพท์ไปจากข้าพเจ้า…กะหรี่อย่างมึงต้องเจอแมงดาอย่างกู อีเหี้ย อีดอกทอง อีช้างเย็ด…”ทำไมเขาให้เขารุนแรงขนาดนี้

กุ๊ก          “เรามีหลักฐานเก็บไว้ทั้งคลิปเสียงและไลน์ เขาทั้งไลน์ไปด่าเพื่อนกุ๊กและเจ้านายกุ๊กด้วย วันที่เกิดเหตุคือกุ๊กไปทำธุระกับพ่อมา กลับบ้านมาก็เจอเขาในห้อง ซึ่งตลอดเวลาช่วงนั้นกุ๊กปรึกษากับพ่อตลอดว่าเราจะทำยังไงกันดี วันนั้นเจอเขาเขาก็ให้ไปร้องเพลงด้วยกันกับเขา ปกติก็มีคุณพ่อไปด้วย แต่พ่อไม่ไปเพราะต้องไปงานต่อพรุ่งนี้เช้า พอไปถึงเขาก็กระชากคอเสื้อกุ๊กแล้วเอาโทรศัพท์ไป  บังคับให้บอกรหัสผ่าน เพื่อขอดูข้อความที่กุ๊กส่งไลน์ไปคุยกับเจ้านายกุ๊ก เพื่อขอสลิปเงินเดือนไปซื้อคอนโดให้พ่อ ซึ่งคำพูดระหว่างกุ๊กกับเจ้านายไม่ได้มีอะไรส่อไปในทางชู้สาวเลย หลังจากที่มีเรื่องกันแล้ว เขาก็เยาะเย้ยกุ๊กหัวเราะบอกพรุ่งนี้มึงก็ไม่มีงานทำแล้ว อีดอกทอง อีช้าเย็ด  อีกะหรี่ อะไรแบบนี้ เขาจะทำลายทุกๆที่ที่กุ๊กทำงาน เขาบอกว่ากุจะไปป่วนทุกที ที่เขาเป็นแบบนี้บางช่วงเขาก็อยู่ในอาการเมา แต่บางครั้งเขาก็อยู่ในอาการปกติ  กุ๊กคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันคงอยู่ในกมลสันดานของเขามากกว่า”

พ่อ         “หลังจากเกิดเรื่องแล้ว ลูกกลับบ้านก็มาเล่าให้ฟังก็เลยโทรไปเคลียร์กับเขา  บอกว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายนะ ทำไมมารับไปแล้วไม่ยอมมาส่ง ไปทิ้งไว้กลางทางอย่างนั้นได้ยังไง  เขาก็พูดกลับมาว่าเอาไปส่งแล้วแต่ไม่รู้ว่าลูกพ่อไปดอกทองนอนกับใครที่ไหน ซึ่งผมแค้นมากกับคำพูดนี้ เขาก็โทรมาป่วนเป็น30 สาย เลยบอกให้ลูกอัดคลิปเสียงไว้ แล้วก็ไปแจ้งความ”

กุ๊ก         “เขาเอาโทรศัพท์มาคืนที่คอนโดโดยฝากไว้ที่ยาม แต่เขาบอกกับตำรวจว่าเจอโทรศัพท์ตกอยู่บนรถ สิ่งแรกที่เปิดดูโทรศัพท์คือเขาส่งข้อความปลอมตัวเป็นกุ๊กไปคุยกับเจ้านาย คนอื่นที่เป็นเพื่อนผู้ชายพูดเหมือนว่าจะให้ปลดกุ๊กออกจากงาน แล้วก็ต้องการเงิน 4 ล้านเอามาให้หน่อย  ก็ไม่ทราบความรู้สึกเขาเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องการจะทำลายกุ๊กถึงขนาดนี้ด้วย(ร้องไห้) เขาบอกว่าเขารักกุ๊ก แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ จากนั้นเขาก็ยังโทรมาหาอยู่เรื่อยๆวันละหายสิบรอบ แต่กุ๊กไม่รับเลยเพราะไม่อยากจะอะไรกับเขาแล้ว”

พ่อ         “ที่แจ้งความเพราะผมก็ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พอจะคุยกับเขาเขาหนีหน้าผม มีทางเดียวคือการแจ้งความดำเนินคดีกับเขา เราไม่อยากให้เขาเป็นจุดดำของวงการตลก เพราะผมเองก็อยู่ในวงการตลกมันจะเสียชื่อ ส่วนลูกสาวผมก็ต้องเสียหายอยู่แล้ว แต่ถ้าผมไม่ออกมาพูด คนอื่นก็จะโดนหลอกไปทั่วจากคนๆนี้ ผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยทำแบบนี้มาอาจจะไม่มีกระบอกเสียง ฉะนั้นเราต้องออกสู้เพื่อศักดิ์ศรีของเราเอง”

กุ๊ก          “ที่ออกมาพูดเพราอยากให้สังคมรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นยังไง แล้วมันยังเป็นผลกระทบกับเจ้านายกุ๊กอีก เขาจะได้ไม่เข้าใจผิดว่ากุ๊กทำจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่กุ๊กจะมานั่งอยู่เฉยๆ  ตอนนี้ขอจบแล้วถ้าต้องอยู่กับคนแบบนี้กุ๊กขอตายดีกว่า  กุ๊กไม่กลัวนะว่าเขาจะมาทำร้ายอะไรกุ๊กอีก ตัวกุ๊กไม่มีศัตรูถ้ากุ๊กโดนทำร้ายก็คิดๆได้เลยจริงๆ ก็อยากจะบอกกับพี่บุ๋มว่าพี่เขาทำได้กับกุ๊กแค่คนเดียว พี่ไปทำกับคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ถ้าจะรักใครสักคนก็อย่าไปบังคับเขาให้มารักดีกว่า  ให้เขารักมาจากใจ อย่าไปผูกเขาไว้หมือนที่ทำกับกุ๊ก”

ทำไมเขาจะต้องหึงกันขนาดนี้

กุ๊ก          “เขาเป็นคนนิสัยอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เวลากุ๊กทำงานเขาก็ลางานมานั่งเฝ้า มาแอบดูกุ๊กทำงาน กลัวว่ากุ๊กจะไปมีคนอื่น ก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ เวลาไปเจอเพื่อนเขาก็บอกว่านี่เมียผม ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ เหมือนเขากันคนอื่นมากกว่า  พ่อเองก็คุยกับเขาแล้วว่าอย่าไปพูดอย่างนี้”

ในเมื่อไม่ได้เป็นผัวเมียกันทำไมต้องยอมให้เขาบอกว่าคนอื่นว่าเราเป็นเมีย

กุ๊ก          “ตอนนั้นก็เป็นแฟนกัน เราเองก็ไม่รู้จะไปพูดแก้ยังไง เขาก็พูดเหมือนแนวหมาหยอกไก่มากกว่า แต่เราก็ไม่ชอบเท่าไหร่”

เห็นว่ากุ๊กกำลังจะมีงานเพลงกับสันติ ดวงสว่าง คนอาจะมองว่าเราอยากจะออกมาโปรโมทตัวเองด้วยวิธีนี้

กุ๊ก          “กุ๊กไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ มันเป็นช่วงจังหวะมากกว่าค่ะที่มันพอดีกัน ตัวพี่สันติเองก็จะรู้ปัญหาของกุ๊กตลอด เขาก็คอยให้คำปรึกษา คอยพูดกับพี่บุ๋มแต่เขาก็ไม่เชื่อ แต่เรื่องที่พี่สันติโดนขู่นี่ไม่เกี่ยวกับกุ๊กนะ  เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่สันติ”

ที่มา:  Star Max Channel
บันทึกภาพ:  Star Max Channel
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง