นายชัยชาญ อรุณสมบัติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยชูรส จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2556 ไทยชูรส ตั้งเป้ารายได้ตลอดปีไว้ที่ 1,320 ล้านบาท หรือเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 10% โดยประมาณ โดยในช่วง ครึ่งปีแรกบริษัทฯสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกับ ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยวางแผนทุ่มงบการตลาดกว่า 110 ล้านบาท เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญยักษ์ใหญ่ “คนไทยใจชูรส” ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักในการขยายฐานลูกค้าในปีนี้
“ตลาดโดยรวมของผงชูรสยังคงมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 2-3% ต่อปี โดยตลาดครัวเรือนมีแนวโน้มทรงตัว ในขณะที่ตลาดร้านอาหารและอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่ ผู้คนในยุคปัจจุบันนิยมใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น มีการซื้ออาหารปรุงสำเร็จแทนการประกอบอาหาร ด้วยตนเอง สำหรับตลาดส่งออกมีอัตราการเติบโตอย่างน่าจับตา เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ ในคุณภาพเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มตลาด CLMV ประกอบด้วย 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และลุ่มน้ำโขง คือ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มอาเซียนใหม่ และเป็นตลาดส่งออกที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยอดขายของไทยชูรส มาจากตลาดภายในประเทศ 85% และจากการส่งออกไปต่างประเทศ 15% โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็น อันดับ 2 อยู่ที่ 20% ในตลาดครัวเรือนและร้านอาหาร” นายชัยชาญ อรุณสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อบทบาทหนึ่งในแบรนด์ผู้นำและวางหมากขยายส่วนแบ่ง ทั้งในและ ต่างประเทศ ในปีนี้ ไทยชูรสจึงได้สร้างสรรค์แคมเปญภายใต้ชื่อ “คนไทยใจชูรส” ขึ้น “ไทยชูรส ตราชฎาเป็นตราสินค้าที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 55 ปี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีจุดแข็งในการวาง ตำแหน่งสินค้าอย่างชัดเจน โดยในปีนี้ เราได้วางแผนการตลาดเพื่อมุ่งยกระดับภาพลักษณ์สินค้าให้มี ความทันสมัยกระฉับกระเฉงสดใสมีชีวิตชีวา สอดคล้องกับการขยายอายุของกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ ลดลงกว่าในอดีตมาอยู่ที่ 15 ปีขึ้นไป โดยกลยุทธ์ที่ใช้จะเป็นการใช้สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ความยาว 30 วินาที และ 15 วินาที โดยเป็นครั้งแรกที่มีการใช้พรีเซนเตอร์ เพื่อถ่ายทอดความเป็นคนไทยใจชูรส รวมถึงการใช้สื่อสนับสนุน เช่น เคเบิ้ลทีวี หนังสือพิมพ์ เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมการตลาด ณ จุดขาย รวมไปถึงการเข้าร่วมสนับสนุนงานประเพณีท้องถิ่น ในแต่ละจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้แคมเปญ “คนไทย…ใจชูรส“ ในขณะเดียวกันได้มีการทำการโฆษณา ในตลาดพม่าภายหลังการยกเลิกห้ามนำเข้าผงชูรสเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการโฆษณาทางรถแท็กซี่และรถ สามล้อ รวมไปถึงโฆษณาตามจุดขายต่างๆ ด้วย” นายชัยชาญ อธิบายในรายละเอียดเพิ่มเติม
“ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยชูรสได้ใช้พรีเซนเตอร์ร่วมโปรโมทแคมเปญทางการตลาด โดยเราได้เลือกคู่รัก ดาราชื่อดัง “หนูแหม่มและบ๊อบบี้” เข้ามาร่วมชูรสชูรักกับเราในครั้งนี้ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด “ชูรสให้ชีวิตรัก” ที่ออนแอร์ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยสาเหตุที่เลือกให้รับบทบาทพรีเซนเตอร์นั้น เพราะทั้ง 2 ท่าน เป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทั่วไปหลากหลายกลุ่มเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม ลูกค้าของบริษัทฯ และลูกค้าเป้าหมายเป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นคู่รักที่มีความสดใส สนุกสนานมีสีสัน เติมชูรสให้ชีวิตรักอยู่ตลอดเวลา เหมือนการเติมผงชูรสในการปรุงอาหารให้มีรสชาติที่ดียิ่งขึ้นสอดคล้อง กับแนวคิดในการสื่อสารแคมเปญ “คนไทยใจชูรส” โดยแนวคิดภาพยนตร์โฆษณา ในครั้งนี้เกิดจากการ ตีความ “ไทยชูรส“นอกเหนือจากความหมายของผงชูรสของคนไทยที่อยู่คู่กับคนไทยมากว่า 55 ปี ยังหมายรวมถึงความเป็นไทย นิสัยของคนไทยที่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน สนุกสนาน มีการเติมสีสัน ความสนุกในชีวิตเหมือนกับการเติมผงชูรสในอาหารให้มีรสชาติถูกปากมากขึ้น โดยเราปรารถนาที่จะ เห็นความสุขแบบไทยๆ เช่นนี้ เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคน นอกเหนือไปจากการเป็นผู้มีส่วนร่วม ให้คนไทยได้มีความสุขกับการทานอาหารอร่อย” นายชัยชาญ กล่าวเสริม
และเพื่อเป็นการสร้างศูนย์กลางให้กลุ่มเป้าหมายของไทยชูรสได้มีกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกัน และร่วมแบ่งปันความอร่อยในสไตล์แต่ละท่านได้อย่างอิสระ ไทยชูรสจึงได้พัฒนาเว็บไซต์ Somtumguru.com หรือเว็บไซต์ทำเนียบส้มตำรสเด็ดที่แนะนำโดยคนไทยทั่วประเทศขึ้นเป็น ครั้งแรก “ปัจจุบัน ส้มตำ ไม่ได้เป็นเพียงอาหารหลักของคนอีสานเท่านั้น แต่ยังเป็นอาหารที่นิยมทั่วไป ในทุกภาค ทุกชนชั้น สามารถหาทานได้ทุกที่ แต่ยังไม่มีใครได้รวบรวมทำเนียบร้านส้มตำอย่างจริงจัง อาจมีเพียงแนะนำร้านหรูๆ ราคาแพงเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงร้านส้มตำที่ผู้คนทั่วไปนิยมทานมัก เป็นร้านในหมู่บ้านใกล้ที่ทำงาน และอื่นๆ ที่เป็นราคาธรรมดาๆ ไทยชูรสจึงได้สร้าง Somtumguru.com เพื่อรวบรวมเรื่องเกี่ยวกับส้มตำในทางวิชาการ, การสร้างทำเนียบร้านส้มตำทั่วประเทศ รวมไปถึงการ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมแนะนำร้านที่ชื่นชอบเพื่อแบ่งปันข้อมูลร่วมกันในทำเนียบ โดยในอนาคต วางแผนในการเผยแพร่ทำเนียบส้มตำ ในสื่อต่างๆ เพื่อสนับสนุนร้านส้มตำที่มีผู้ชื่นชอบแม้จะเป็นเพียง ร้านรถเข็นตามซอยก็ตาม” นายชัยชาญ กล่าวสรุป
บันทึกภาพ: บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด