คงไม่มีความสุขใดเท่ากับความสุขที่แม่ – ลูก ได้ใกล้ชิด เข้าใจ ร่วมกันสร้าง เหมือนเช่น 3 คู่แม่ลูกนักธุรกิจเครือข่ายแห่ง อาวียองซ์ (aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม โดยยูนิลีเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแสนอบอุ่นวันแม่ที่ใกล้มาถึง เผยเรื่องราวน่ารักๆ ของ 3 คู่ แม่ลูก ที่ร่วมแรงร่วมใจทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์จนประสพความสำเร็จ นอกเหนือจากรายได้มหาศาลอันงดงาม แต่ยังได้ความสุขที่ อิ่มเอมใจ จากการทำงานร่วมกันประสาแม่ๆ ลูกๆ
เริ่มด้วยพี่ใหญ่แห่งวงการธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ พวงแก้ว อุเทนรัตน์ Regional Executive Business Associate คุณแม่หัวใจแกร่งผู้สร้างตำนานมรดกทางธุรกิจให้แก่ลูกๆ เผยว่า “หลังจากที่สูญเสียสามีซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ ดิฉันตัดสินใจชวนลูกชายคนโตให้เข้ามาช่วยกันทำธุรกิจแทนคุณพ่อของเขา จากวันนั้นผ่านมา 9 ปีแล้ว ที่ดิฉันยังเดินหน้าลุยทำธุรกิจร่วมกับลูกชายอย่างมีความสุข จากเมื่อก่อนที่เราเคยมองเห็นเขาเป็นเด็ก มีงอแงบ้าง แต่เวลานี้มุมมองของแม่เปลี่ยนไป ที่มองเห็นเขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความรับผิดชอบ เห็นได้จากเรื่องของการใช้จ่ายเงิน ที่รู้จักแบ่งสรรปันส่วนได้อย่างลงตัว เมื่อก่อนเราอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง มีบ้างบางครั้งที่แม่เองก็อึดอัด ลูกเองก็ไม่เข้าใจ แต่เพราะธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ ที่เชื่อมความสัมพันธ์ให้แม่ลูกสามารถคุยกันและเข้าใจกันได้ ช่วยกันวางแผนธุรกิจ และขยับใกล้เข้ามาจนถึงเรื่องส่วนตัว ยิ่งตอนนี้ ลูกสาวอีก 2 คนก็ได้เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของพี่ชายคนโตที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจต้องเป็นโค้ชคอยชี้แนะดูแลน้องๆ โดยมีแม่เป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษา หลายครั้งที่เราจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อไปหาลูกทีม และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกชายต้องเดินทางไปหาลูกทีมของเขาในจังหวัดเดียวกัน เราจึงมีโอกาสไปทำงานและยังได้พักผ่อน โดยมีน้องสาวอีก 2 คน ไปเรียนรู้งานด้วย เวลานี้ดิฉันจึงมีความสุขมากๆ เพราะคงจะไม่มีงานหรืออาชีพอะไรอีกแล้ว ที่สามารถทำงานได้ไปพร้อมๆ กับดูแลครอบครัวให้อบอุ่น”
ส่วนลูกชาย ธาริน อุเทนรัตน์ Regional Executive Business Associate ที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์แทนคุณพ่อที่เสียไป และยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับคุณแม่ จนสามารถขึ้นแป้นเป็นผู้บริหารสโมสร 10 ล้าน เผยว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าหลายคนๆ ที่มีโอกาสได้ทำงานควบคู่ไปกับการมีเวลาได้อยู่กับครอบครัว กับคนที่เรารัก ธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์เป็นธุรกิจที่เติมเต็มความรักให้แก่ครอบครัวจริงๆ เมื่อก่อนผมมองเห็นแม่เป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย วันหยุดเป็นแม่บ้าน คอยทำอาหารดูแลลูกๆ แต่พอได้มีโอกาสเข้ามาทำธุรกิจกับแม่ ทำให้ผมได้เห็นแม่ในอีกมุมหนึ่ง ที่เป็นผู้หญิงเก่งมีศักยภาพ เป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถในวิธีการเข้าถึงใจผู้คน หลายครั้งที่ผมทึ่งกับความสามารถนี้ของแม่ ผมเคยเจอลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง ที่ทำยังไงเขาก็ไม่เปิดใจยอมรับในธุรกิจนี้ จนผมจะล้มเลิกล่ะ ไม่เอาแล้ว แต่แม่กลับคุยกับเขาด้วยความใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป จนสุดท้ายคนเหล่านั้นก็ยอมเปิดใจให้กับแม่ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ผมยังทำตามแม่ไม่ได้ ผมเคยคิดว่าหากยังไม่ได้มาทำธุรกิจกับแม่ บ้านเราอาจเป็นบ้านต่างคนต่างอยู่ แต่พอได้มาทำธุรกิจร่วมกัน พร้อมกับน้องสาวอีก 2 คน ตอนนี้บ้านเราจึงเป็นบ้านที่มีเป้าหมายเดียวกัน มีความมุ่งมั่นเหมือนกัน ทำให้ทุกวันในการทำงานของผม สนุกและมีความสุขมากๆ ร่วมกับครอบครัวครับ”
ด้านครอบครัวรางแรม ที่คุณแม่ ปณิชา รางแรม Executive Business Associate เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์เพราะมีลูกเป็น แรงบันดาลใจ เผยว่า “ดิฉันเข้ามาทำธุรกิจนี้เพราะชอบในสินค้าอาวียองซ์ และใช้สินค้าอยู่ถึง 2 ปี เพราะใช้ดีจึงบอกต่อ ลูกชายคนโตจึงมาทักว่า แม่ใช้สินค้าและบอกให้คนนั้นคนนี้ใช้ ถ้าแม่ทำจริงๆ ผมว่าแม่ก็ต้องได้ไปต่างประเทศเหมือนกัน เพราะคำพูดของลูกชายจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์นี้ แม้ว่าในตอนนั้นเขายังเด็ก ยังไม่สามารถทำธุรกิจได้ แต่เขาเอาคู่มือมาศึกษาและมาเล่า มาวางแผนการทำธุรกิจให้แม่ จึงทำให้แม่สามารถพิชิตทริปท่องเที่ยวแรกได้เดินทางไปอังกฤษกันทั้งครอบครัวร่วมกับลูกชายคนเล็ก จนเมื่อถึงวัยที่เขาสามารถทำธุรกิจ จึงได้ให้เขามาเป็นรหัสธุรกิจร่วม และฝึกฝนไปพร้อมๆ กันทั้งแม่และลูกด้วยการเข้ามาเรียนรู้ที่อาวียองซ์ อะคาเดมี ทุกครั้ง ต้องบอกว่าเขาเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีมากๆ ไปไหนเราไปด้วยกัน ออกบูธเขาก็เป็นผู้สาธิตแนะนำสินค้า เพราะเป็นซิงเกิลมัมเขาจึงได้เห็นการทำงานของเราตลอด ตั้งแต่ทำร้านเสริมสวยก่อนจะหันมาจับธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ เขาจะคอยช่วยเหลือ คอยดูแล มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว อยากขอบคุณธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ เพราะเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แข็งแกร่ง ทำให้แม่และ
ยังมีลูกเป็นผู้ชาย ได้ใกล้ชิด ไร้ซึ่งปัญหาความไม่เข้าใจ ทำให้ลูกได้เห็นการทำงานของแม่ว่า ทุกสิ่งที่แม่ทำ ก็ทำเพื่อเขา โดยที่แม่เองก็มีเขาเป็นกำลังใจเช่นกัน”
ในขณะที่ลูกชาย บุญสิทธิ์ รางแรม Executive Business Associate เผยว่า “ก่อนที่แม่จะเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ แม่ทำร้านเสริมสวยอยู่ที่บ้าน แต่พอแม่เริ่มทำธุรกิจ ก็จะกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ซึ่งในตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าแม่หายไปไหน ไปทำอะไร แต่พอเมื่อได้มีโอกาสทำธุรกิจร่วมกับแม่ ทำให้ได้เห็นถึงการทำงานที่ต้องออกไปพบปะพูดคุยกับลูกค้าอยู่เสมอ หรือบางทีก็ต้องเข้าอบรมเพื่อเรียนรู้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับทางบริษัท ธุรกิจนี้ยังทำให้ผมได้เห็นความสามารถของแม่ เดิมแม่เป็นผู้หญิงเก่งในสายตาผมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ได้เห็นแม่เป็นคนเก่งยิ่งกว่า ที่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ หลายๆ เรื่อง ในเวลาเดียวกันได้ ยิ่งทำให้ผมเข้าใจแม่ และรักแม่มากยิ่งขึ้นครับ”
และแม่ลูกคู่สุดท้ายที่มาบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่น่ารัก โดยลูกสาวเป็นผู้ค้นพบในธุรกิจแห่งความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ ก่อนที่จะส่งต่อความสำเร็จนี้มาสู่คุณแม่ มณฑิยา แดงเจย์ Executive Business Associate ลูกสาวคนเก่งเผยว่า “เพราะเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ถึงได้รู้จักกับอาวียองซ์ และได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีคนทักคนถามมากขึ้น จึงเริ่มมองเห็นว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและสร้างรายได้อย่างแน่นอน พร้อมกับแนะนำให้แม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จนคนแถวๆ บ้านก็เริ่มทักเริ่มถาม ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แม่ดูสวยขึ้น และเป็นจังหวะที่ตัวเองได้ขึ้นตำแหน่ง ด้วยความที่คุณแม่กลัวว่าลูกสาวจะถูกหลอก จึงตามขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาแอบดู จึงได้เข้าใจ และมองเห็นโอกาสเช่นกัน คุณแม่ตัดสินใจสมัครร่วมทำธุรกิจทันที ตั้งแต่เด็กจนโต ตัวเองจะถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่า คุณลุง คุณป้า เพราะแม่จะต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลา จึงทำให้ความสนิทสนมค่อนข้างห่างเหิน ยิ่งพอโตและต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ โทรศัพท์คุยกันกับแม่แค่เดือนละหนึ่งครั้งหรือ 2 ครั้งเท่านั้น แต่ตั้งแต่เรามาทำธุรกิจด้วยกัน ทำให้มีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น ตอนนี้กลายเป็นว่าคุยกันทุกวัน เพื่อปรึกษาหารือวางแผนเรื่องของการทำธุรกิจ แม้ว่าตอนนี้ตัวเองเพิ่งเรียนจบ และยังทำงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในขณะที่คุณแม่อาศัยอยู่ในจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ยังลุยทำธุรกิจด้วยการออกไปพบลูกค้าเป็นประจำ ทุกครั้งที่คุยกันทางโทรศัพท์ คำพูดประจำที่จะบอกคุณแม่อยู่เสมอคือ แม่ระวังตัวด้วยนะ อย่ากลับดึก อย่าออกไปไหนเป็นเวลาเดิมๆ รู้ว่าแม่เป็นผู้หญิงเก่ง หนักเบาเอาสู้ แต่พอมาทำธุรกิจด้วยกัน แม่ยังคงเป็นผู้หญิงที่ขยัน เก่งและแกร่งเหมือนเดิม แต่ที่นอกเหนือจากนั้นแม่ยังดูสาวขึ้น และสวยขึ้นด้วยค่ะ”
ด้านคุณแม่ ปริศนา แดงเจย์ Group Executive Business Associate เสริมว่า “จริงอยู่ที่ในครั้งแรกชื่นชอบในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แต่ในใจของคนเป็นแม่อยากให้ลูกเรียนหนังสือให้จบ และไม่เข้าใจว่าลูกกำลังทำอะไร ทำไมถึงได้มีรายได้ และอะไรคือการขึ้นตำแหน่ง จึงตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ตามมาแอบดูลูกสาว เพราะกลัวว่าเขาจะถูกหลอก แต่กลับเป็นตัวเองที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ และตัดสินใจสมัครเป็นดาวน์ไลน์ของลูกสาวทันที ทั้งที่มีอาชีพค้าขายขนม ทอดกล้วยแขก อยู่ในปัตตานี แค่ 3 เดือนแรกที่แม่ได้มาทำธุรกิจ รับรายได้ 30,000 บาท จึงตัดสินใจเลือกอาชีพค้าขายที่ทำมานานหลายปีทันที และมุ่งหน้าทำธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น โดยมีลูกสาวเป็นกุนซืออัพไลน์คนสำคัญ ที่ทั้งวางแผนการทำงาน ให้กำลังใจตลอด ตั้งแต่มาทำธุรกิจด้วยกัน ทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของลูกสาวคนนี้ ที่เป็นคนมีความรับผิดชอบ เขาทำธุรกิจนี้และส่งเสียตัวเองเรียนจนจบโดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ แม่รู้สึกภูมิใจในตัวเขามากๆ เพราะถ้าไม่มีธุรกิจนี้ แม่คงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนน้อยมากที่เราจะได้คุยกัน แต่ตอนนี้คุยกันบ่อยมากยิ่งขึ้น และแม่อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกมุมหนึ่งของลูกที่เป็นคนรับผิดชอบ มีเป้าหมายและลงมือทำอย่างจริงจัง และเพราะลูกคนนี้อีกนั่นล่ะ ที่ทำให้พ่อและแม่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันทั้งครอบครัวแล้วถึง 4 ประเทศ ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เดินทางไป คนเป็นแม่คงไม่มีความภูมิใจไหนจะยิ่งใหญ่เท่าได้เห็นลูกของตัวเองประสพความสำเร็จ”
อิ่มเอมใจกับสายสัมพันธ์แห่งรักที่มีให้กันและกันของทั้ง 3 คู่แม่ลูก นักธุรกิจคนเก่งแห่งอาวียองซ์ ……
บันทึกภาพ: บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด