4 สมาคมอุตสาหกรรมช่างผมไทยจับมือตั้งสมาพันธ์ช่างผมไทย ยกระดับมาตรฐานสู่สากล

แชร์ข่าวนี้

4 สมาคมอุตสาหกรรมช่างผมไทย สมาคมเสริมสวยแห่งประเทศไทย สมาคมช่างผมเสริมสวยแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมเสริมความงามประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมช่างผมไทยสู่สากลจับมือ ก่อตั้ง สมาพันธ์ช่างผมไทย ผลักดันให้อุตสาหกรรมช่างผมไทยสู่สากล รองรับการเปิดการค้าเสรี พร้อมเปิดรับสมาคมต่างๆในอุตสาหกรรมช่างผมไทย และที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาพันธ์ฯเพิ่ม

ดร.ศิริฉัตร   ฉัตรแก้วประธานสมาพันธ์ช่างผมไทย  เปิดเผยว่า  ในขณะนี้ 4 สมาคมอุตสาหกรรมช่างผมไทย ประกอบด้วยสมาคมเสริมสวยแห่งประเทศไทย สมาคมช่างผมเสริมสวยแห่งประเทศไทย  สมาคมส่งเสริมเสริมความงามประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมช่างผมไทยสู่สากล ได้ร่วมมือในการก่อตั้งสมาพันธ์ช่างผมไทย ภายใต้วัตถุประสงค์คือ ร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมช่างผมไทยสู่สากล โดยการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงสมาคมในธุรกิจการออกแบบตัดแต่งทรงผมเข้าด้วยกัน และเป็นกลไกในการผลักดันกิจกรรมต่าง ๆอย่างต่อเนื่อง ด้านการออกแบบตัดแต่งทรงผมให้ได้ผลตามนโยบายของภาครัฐ และตามความต้องการของภาคเอกชนตั้งแต่ระดับประเทศ และระดับสากล ตลอดจนเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม

ดร.ศิริฉัตร   กล่าวว่า “ ทิศทางวิชาชีพช่างผมไทยในปัจจุบันคงต้องปรับตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอนาคตข้างหน้าจะมีการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC) จำเป็นอย่างยิ่งที่ช่างผมไทยจะต้องยกระดับมาตรฐาน โดยมีเป้าหมายที่จะให้วงการช่างผมไทยกลายเป็นแหล่งรวมแฟชั้นแถวหน้าในเอเชีย ซึ่งจะต้องเน้นคุณภาพทั้งผู้ให้บริการ จนถึงการดูแลป้องกันรักษาชีวิตสุขภาพร่างกายของผู้ใช้บริการให้ดียิ่งขึ้น”

“ในช่วงแรกนี้ 4 สมาคมในอุตสาหกรรมช่างผมไทยได้จับมือกัน เราพร้อมที่จะเรียนเชิญสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมช่างผมไทย ซึ่งมีหลายสมาคม เข้ามาเป็นสมาชิกในสมาพันธ์ช่างผมไทย เพื่อรวมกันเป็นหนึ่ง แสดงความสามัคคีเพื่อที่เราจะได้ดูแล ปกป้องเพื่อนในวิชาชีพให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนดูแลผู้ใช้บริการให้มีความประทับใจถึงการให้บริการของช่างผมระดับมืออาชีพ มาตรฐานสากล และสามารถที่จะก้าวสู่ตลาดการให้บริการระดับสากล” ดร.ศิริฉัตรกล่าว

นางจิณณา  สืบสายไทย  เลขาธิการสมาพันธ์ช่างผมไทย กล่าวว่าจากการทำวิจัยประมาณการรายได้ในแต่ละปีในอุตสาหกรรมช่างผมในไทย สามารถทำรายได้มากกว่า 57,000 ล้าน ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากผลิตภัณฑ์ครีมเปลี่ยนสีผมที่มียอดจำหน่ายในปีพ.ศ.2554จำนวน 2,400 ล้านบาท และในปีพ.ศ.2555 สูงถึง 2,500 ล้านบาท  จะพบว่าต้นทุนครีมเปลี่ยนสีผมหนึ่งหลอดมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่300 บาท คิดค่าบริการเปลี่ยนสีผมได้ประมาณ 3,000 บาทนั้น สามารถทำรายได้ปีละประมาณ 25,000 ล้านบาท หากนับรวมค่าตัดผมต่อปีต่อคนอีกประมาณ 500 บาท ประชากรไทยทั้งประเทศ 65 ล้านคนจะเท่ากับ 32,500 ล้าน

“ ตัวเลขรายได้จากอุตสาหกรรมช่างผมที่มีวงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสูง ซึ่งถือว่าในแวดวงอาชีพดังกล่าวนี้สามารถสร้างรายได้ ในขณะที่ต่างประเทศ เช่น อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น  มีทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนกับอุตสาหกรรมนี้ จนสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลก  อย่างไรก็ตาม จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐได้มีโอกาสสนับสนุน และส่งเสริมอาชีพดังกล่าวมีส่วนผลักดันให้ธุรกิจของประเทศขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีด้วย ”

“ และในอนาคตจะมีการเปิดการค้าเสรีทำให้อุตสาหกรรมช่างผมไทย  ต้องมีการปรับตัวทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยการเพิ่มขีดความสามารถด้านต่างๆ  ที่ต้องก้าวให้ทันการเปิดเสรีทางการค้าภาคบริการทั้ง 4 โหมด ได้แก่ โหมดที่ 1 การให้บริการข้ามพรมแดนโดยอาศัยสื่ออิเล็คโทรนิกส์ โหมดที่ 2 การใช้บริการข้ามแดน โหมดที่ 3 การจัดตั้งหน่วยธุรกิจเพื่อให้บริการในต่างประเทศ และในโหมดที่ 4 การเคลื่อนย้ายแรงงานช่างผมไทยออกไปทำงานยังต่างประเทศ การผลักดันให้เกิดการประกอบการในเชิงรุกสู่ตลาดโลกจึงสามารถทำได้ในทุกโหมดหากภาครัฐให้การสนับสนุน ” นางจิณณา   กล่าว

 

ที่มา:  บริษัท เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
บันทึกภาพ:  บริษัท เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง