“ถึงใจ–หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น” คุยไปยิ้มไป ในสไตล์“พันธมิตร”กับ “มาริโอ้ซิงฉือ” วาดลีลาวาทะจีบหญิง ทะเล้นฮาแบบสุดทีนกับการพลิกบทบาทชนิดสาวๆ ต้องอ้าปากค้างและหลงรักโดยไม่รู้ตัว

แชร์ข่าวนี้

Q. ทราบมาว่ากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ ที่แฟนๆ จะไม่เคยเห็นมาริโอ้ เมาเร่อในบทแบบนี้มาก่อน “หนุ่มหล่อสุดเจ้าชู้ แถมจีบสาวไปทั่ว”

O. (หัวเราะ) ครับ ผม มาริโอ้ เมาเร่อ นะครับ  ก็ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของโอ้นะครับ “รักสุดทีน” ผมรับบทเป็น เอกชัยครับ ฉายา “ถึงใจ” ก็จะมีสโลแกนประจำตัวด้วยครับคือ “หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น” เป็นคาแรคเตอร์ที่โอ้เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกครับ สำหรับคาแรคเตอร์ของถึงใจก็จะเป็นคนน่าตาดีค่อนข้างไปทางรูปหล่อ อาชีพหลักของเขาคือเป็นคนขายกางเกงยีนส์อยู่ที่ใต้สะพานพุทธครับ แล้วก็เป็นคนที่เรียกว่าได้ว่าจีบผู้หญิงไปทั่ว ประมาณว่าจริงใจกับผู้หญิงทุกคนเลย ไม่ว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาเยอะแค่ไหน ถึงใจก็จะจริงใจกับเขาหมด แต่ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครเลย เป็นคนที่ไม่รู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไรหรือพูดง่ายๆ ว่ารักใครไม่เป็น

Q. เห็นบทครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง

O. ก็ตอนที่ได้บทของถึงใจมาครั้งแรกโอ้ก็รู้สึกว่ามันเป็นบทที่พิสดารนะ (หัวเราะ) แล้วก็ไม่คิดว่าเราจะได้บทแบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นบทที่น่าสนใจมากๆ เพราะว่าตัวคาแรคเตอร์ของถึงใจมีอะไรให้เล่นเยอะครับ แต่โอ้คิดว่ามันยากตรงที่เราจะเล่นออกมาเป็นธรรมชาติรึเปล่าต่างหาก หรือเราจะเล่นออกมาแล้วดูเหมือนว่าเราตั้งใจให้มันเป็นตัวนี้เกินไปมั้ย ก็เลยพยายามที่จะหาคาแรคเตอร์คือจินตนาการแรกตอนที่อ่านบทถึงใจเสร็จแล้ว รู้สึกเลยว่า เขาต้องเป็นคนที่กวนตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อยู่กับเพื่อนสองคน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนเองก็ดูท่าทางไม่ปกติธรรมดาอยู่แล้ว คนหนึ่งเป็นตุ๊ด แต่ต้องแอ๊บแมน (รับบทโดยดีเจจั๊ด) อีกคนหนึ่งก็เป็นคนขายยีนส์ผมเพ้าฟูเป็น AFRO เลย แล้วก็ยังต้องใส่แว่นตลอดเวลาอีก เวลาไปไหนมาไหน แม้แต่ตอนกลางคืนก็ยังใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาอีก เออไอ้นี้ไม่ธรรมดา (รับบทโดยพล่ากุ้งมาเจนต้า)  ยิ่งคาแรคเตอร์ของถึงใจเป็นคนเจ้าชู้ด้วย ผมก็เลยจินตนาการว่าตัวนี้ต้องเป็นคนพูดเก่ง เวลาเจอผู้หญิงหรือเจออะไรก็ต้องแซวตลอด คือต้องเป็นคนไม่เงียบแน่นอน อยู่ด้วยแล้วต้องมีความสุข หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วต้องสนุกไปด้วย และที่สำคัญคือต้องมีเสน่ห์คารมดี เหมือนว่าเวลาเราเห็นผู้ชายที่จีบผู้หญิงเก่งๆ จะเป็นพวกคารมดีใช่มั้ยครับ แล้วผมว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เองน่าจะชอบคนที่ตลก เพราะฉะนั้นภาพถึงใจเข้ามาในหัวตั้งแต่ตอนที่อ่านบทแล้วว่า ตัวละครนี้ต้องเป็นคนตลกด้วย

Q. คนดูจะได้เห็นถึงความแตกต่างอะไรในบทบาท“ถึงใจ” จากการแสดงของ “มาริโอ้” บ้าง

O. ผมว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นแน่นอนครับ เพราะว่าอย่างสาระแนที่เคยรับมานี่ก็คนละขั้วอยู่แล้ว อย่างนั้นก็จะเป็นตุ้งติ้งหน่อย (สาระแนสิบล้อ) และก็มีแมนๆ (สาระแนเห็นผี) แต่อันนี้รักสุดทีนเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุก และก็เป็นคนทะเล้นๆ ตลอด ก็จะมีอย่างช็อตเต้นๆ ด้วยครับ เพราะถึงใจเขาจะเป็นคนที่ไปเที่ยวกลางคืนบ่อย ก็ไปหาผู้หญิงอะไรอย่างนี้ ก็จะมีแบบไปเข้าผับไปเต้นไปโยก ก็จะมีท่าที่ค่อนข้างแว๊นซ์ๆ หน่อย เพราะในเรื่องก็ต้องขี่มอเตอร์ไซด์อยู่แล้วแถมอยู่กับเพื่อนแต่ละคนก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ (หัวเราะ) ด้วยความเป็นหนุ่มเจ้าชู้ก็จะทำให้ตัวถึงใจแตกต่างจากบทเรื่องอื่นๆ ที่เคยแสดงมาโดยเฉพาะเรื่องจีบสาวครับ เพราะว่าเรื่องนี้ต้องจีบสาวเยอะมากๆ ใครเดินผ่านนี้ไม่ได้เลยเป็นอันต้องแซว ใครจะมาซื้อกางเกงยีนส์ก็พ่วงถลาไปถึงตัวของน้องเขาตลอด แล้วก็เป็นคนที่กล้าพูด คือแซวหมดใครเดินผ่านหน้าร้านเป็นอันต้องแซว คือใครอย่าได้หน้าตาดีหน่อยเลย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเป็นกระเทยหรือเป็นอะไรก็แซวด้วย นอกจากนี้สิ่งที่ผมคิดว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็คือนอกจากความสนุกสนานของตัวคาแรคเตอร์นี้แล้ว ก็ยังมีอารมณ์แบบซึ้งๆ ด้วย เพราะปกติบางเรื่องเราก็เล่นซึ้งไปเลย แต่เรื่องนี้มันจะมีทั้งในเรื่องของความทะเล้นแล้วก็มีในส่วนของความซึ้งกับตัวนางเอกด้วย รวมไปถึงการเล่นกับอารมณ์สีหน้าแววตาต่างในเรื่องด้วย

Q. เสน่ห์ความน่าสนใจของคาแรคเตอร์ “ถึงใจ” ในมุมมองของ “มาริโอ้”

O. เป็นประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ที่โอ้อ่านบทแล้วรู้สึกชอบตรงนี้เลยคือในบท แม้ว่าถึงใจจะเป็นหนุ่มเจ้าชู้จีบสาวไม่เลือกก็คือชอบผู้หญิงคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย คุยไปหมด แต่พอมาเจอกับนางเอก เจอผู้หญิงคนนี้แล้วเกิดความคิดที่ว่า เอ๊ะสวรรค์ส่งลงมา หรือเป็นพรหมลิขิตอะไรรึเปล่า คือภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเจอผู้หญิงคนเดียวกันถึง 3 ครั้ง เจอครั้งแรกก็ยังไม่พอ เจอครั้งที่ 2 อีก ครั้งที่ 2 ไม่พอเจออีกเป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านขายกางเกงยีนส์ของเขาเอง ลองคิดดูว่าผู้ชายอย่างถึงใจที่เจอผู้หญิงมาเยอะมาก แต่มาสะดุดกับผู้หญิงคนนี้ก็เลยตกหลุมรัก แสดงว่าต้องสวยมากๆ เห็นแล้วตกหลุมรักจริงๆ เลย คืออยากมอบหัวใจของถึงใจให้เขา และพร้อมที่จะทำทุกอย่างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อยากทำทุกอย่างให้กับผู้หญิงคนนี้

Q. ภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

O. ภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อถึงใจ เป็นคนขายกางเกงยีนส์ มีเพื่อนซี้สองคนคือเต็มสูบ กับ จัดให้ครับ  จัดให้เป็นตุ๊ด เต็มสูบเป็นคนแปลกๆ สามคนนี้ขายกางเกงยีนส์อยู่ใต้สะพานพุทธ  ส่วนตัวของถึงใจกับเต็มสูบเป็นคนที่ขี้หลี เจอผู้หญิงที่ไหนก็จะทักจะแซวตลอด  แล้วก็เป็นคนที่รักใครไม่เป็น แต่ว่าจีบไปหมดคุยไปหมด แล้วก็เป็นคนเจ้าชู้  จนกระทั่งวันหนึ่งถึงใจได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า มินท์ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ถึงใจ ถึงกับต้องหันขวับ เดินผ่านนิดเดียวก็หันขวับแล้ว แต่นี่เจอผู้หญิงคนเดียวถึง 3 ครั้งในเวลาแค่ 48 ชั่วโมง ทำให้ถึงใจเกิดความรู้สึกว่าเอ๊ะผู้หญิงคนนี้ฟ้าหรือสวรรค์ส่งลงมารึเปล่าคือเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และการเจอกันครั้งนี้นำไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของถึงใจจากก่อนหน้านี้ไม่เคยรักใครเลย เจอใครก็จีบไปหมด แต่กับผู้หญิงคนนี้ทำให้ถึงใจถึงกลับยอมเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นคนเจ้าชู้ เป็นพวกขี้หลี  กลายเป็นคนที่อยากจะทำตัวดี กลับไปเรียนหนังสือ เป็นคนดี ยอมและอยากทำอะไรทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้

Q. เสน่ห์หรือจุดเด่นของหนังเรื่อง “รักสุดทีน” ในความคิดของมาริโอ้

O. สิ่งที่เป็นเสน่ห์หลักเลยที่ตัวผมเองชอบมาก และผมว่าคนดูต้องชอบมากๆ คือเรื่องของผู้กำกับเลยครับ รวมถึงสไตล์การกำกับ มุกแก๊กต่างๆ ในสไตล์หนังที่เราเคยชอบมาของพันธมิตรนะครับ พูดได้ว่าในหนังเรื่องนี้จะมีเสน่ห์ของพันธมิตรแทรกซึมอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก่อนเราเคยเห็นแต่ทีมผู้กำกับพากย์หนังมาตลอด แต่ว่าเรื่องนี้พี่โต๊ะจะมากำกับหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  แล้วจับตาดูให้ดีจะมีพี่นักพากย์ที่เราเคยได้ยินแต่เสียงไม่เคยเจอตัวจริงของเขา แต่สำหรับเรื่องนี้เขาจะมาเล่นให้ดูด้วย ผมว่าสิ่งที่พี่โต๊ะใส่เข้าไปก็คือเรื่องของความเป็นธรรมชาติ  อย่างในหนังจะมีฉากที่ตัวโอ้แบบตกใจ หรือเรากลัวอะไร เป็นของจริงทั้งนั้นครับ (หัวเราะ) ก็คือเราไม่ได้ตั้งใจให้ตกใจหรืออะไรอย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่โอ้ตกใจจริงๆ ครับ โดยเฉพาะฉากที่เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียว ก็คือผมค่อนข้างกลัวน่ะครับ (หัวเราะ) และที่สำคัญเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือตัวนักแสดงหลักๆ ที่มาร่วมสร้างสีสัน โดยเฉพาะที่ขาดไม่ได้เลยคือ พี่จั๊ดแล้วก็พี่พล่ากุ้งด้วย  สองคนนี้ฮามาก ตลกมาก แล้วใครเป็นแฟนคลับของน้องตี๋บ๊วยหรือน้องหมูฉึกฉึก เรื่องนี้เขามีอยู่ ต้องไปดูสองคนนี้ฮามากๆ ผมว่าหนังเรื่องนี้ทั้งตลกทั้งฮา แล้วก็มีเรื่องของมุม จุดเปลี่ยนของคนที่หลายใจ เจ้าชู้  ต้องมาดูเรื่องนี้ฮะ ยังครับยังไม่หมด (หัวเราะ) ในเรื่องนี้นอกจากพันธมิตรที่รับประกันในเรื่องของความฮาความสนุกแล้ว ก็มีกลิ่นของความซึ้งๆ ด้วย มีเรื่องของอารมณ์ด้วย อย่างในเรื่องจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมากเลยก็คือฉากที่ถึงใจต้องไปสารภาพรักที่ห้องเรียนครับ ท่ามกลางคนเป็นร้อยเลย

Q. พูดถึงผู้กำกับ “พี่โต๊ะพันธมิตร” เจ้าของประโยค “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร”

O. สำหรับโอ้นะครับ โอ้ว่าคนไทยที่เป็นแฟนพันธมิตรเนี่ยะมีเยอะมากครับ แล้วก็สืบหาว่าใครนะที่เป็นคนพูดว่า “พากย์เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” เพราะโอ้เองก็เคยอยากรู้อยากเห็นว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร และไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาทำงานกับพี่เขาน่ะครับ โอ้จำได้ว่า โอ้เคยเจอพี่โต๊ะแบบแว๊บนึงตอนเด็กๆ คือเขาไปออกรายการรู้สึกว่าจะเป็นชิงร้อยชิงล้านพี่โต๊ะมาพากย์เสียง แล้วผมรู้สึกว่า เออเขาสุดยอดเพราะทุกเรื่องที่เขาพากย์ไม่ว่าจะเป็นโจวซิงฉือ,เฉินหลง,หลิวเต๋อหัวเพิ่งมารู้ว่าจริงๆ แล้วพี่โต๊ะพากย์เป็นหลายตัวมาก แล้วทีมพันธมิตรก็ไม่ได้มีกันน้อยๆ มีกันเยอะมากแล้วก็มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย มีพี่ๆ หลายคน พอเราฟังแล้วเราคิดถึงตัวละครที่อยู่ในหนังที่เราเคยดูน่ะครับ มันก็เลยทำให้ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอกับพี่ๆ เขา ยิ่งเจอพี่โต๊ะยิ่งเหมือนได้เจอโจวซิงฉือ  โดยเฉพาะตอนถ่ายหนังมันจะตลกมาก มันจะรู้สึกเออ โจวซิงฉือเขามารึเปล่า (หัวเราะ) อะไรแบบเนี่ยะฮะ แบบว่าบรีฟด้วย แบบ (ทำเสียงหล่อ) “เอ่อ โอ้ เดี๋ยว พอดีพี่ว่าแบบนี้ดีกว่านะ เดี่ยวโอ้ขับรถเข้ามานะ  อ่า เอ่อ เบรคตรงนี้นะ  แล้วเดี๋ยวลงมาคุยกับน้องเขา” อะไรแบบเนี้ยะ ครับ (หัวเราะ) มันก็โอ้โห้ นี่มัน โจวซิงฉือนี่  ชอบ ฮะ แล้วก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ได้ทำงานกับพี่ๆ เขา แล้วยิ่งได้มาทำงานกับพี่เขาแล้วรู้สึกว่าพี่เขาไม่ได้ตลกแค่ในจอในเสียงพากย์ของเขา ตัวจริงนี่พี่เขาก็ฮาแล้วก็ตลกตลอด แล้วก็เป็นผู้กำกับที่น่ารักมากๆ  ดีใจมากที่ได้ทำงานกับพี่โต๊ะแล้วก็พี่ทีมงานทุกคนครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของพี่โต๊ะ แต่พี่เขาก็ยังพิถีพิถันในทุกๆ รายละเอียดของเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุก ของจังหวะในการพูดจาของตัวละครด้วยครับ เพราะว่าเรื่องการพูดเนี่ยะพี่โต๊ะเขาจะมีจังหวะเว้นวรรคของเขาที่เป็นเสน่ห์ของพี่โต๊ะอยู่แล้ว พี่โต๊ะเขาก็เอามาใส่ในตัวของถึงใจด้วยครับ พี่โต๊ะเขาจะบอกเวลาโอ้อ่านบทมา โอ้ตีความมาว่าเป็นแบบนี้  พี่โต๊ะเขาก็จะบอกว่าเออพี่ว่าแบบนี้ดีกว่า อันนี้น่าจะฮากว่า พี่โต๊ะก็จะช่วยในเรื่องของมุกในเรื่องของอะไรหลายๆ อย่างด้วยครับรวมถึงแอ็คติ้งด้วยครับ ถึงเขาจะพากย์หนังมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเรื่อง แต่นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่พี่โต๊ะได้ทำ แต่รู้สึกว่าพี่โต๊ะเขาจะดูละเอียดมาก ละเอียดไม่ใช่แค่ตัวถึงใจ คือทุกตัวเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น เต็มสูบ, จัดให้ ด้วยฮะ

Q. จากที่เคยเป็นนักแสดงหน้าใหม่ใน “รักแห่งสยาม” 5 ปีผ่านไปตอนนี้กลายมาเป็นนักแสดงรุ่นพี่แล้ว และในเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับนางเอกน้องใหม่อย่าง “น้องไอซ์ อามีนา กูล” ด้วย

O. นางเอกใหม่ก็คือน้องไอซ์ อามีนา กูลรับบทเป็น มินท์ ครับ คือไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วว่าน้องไอซ์ต้องสวยสะดุดตาแน่นอน คือในเรื่องถือว่าเป็นโจทย์ตั้งแต่ตอนพี่โต๊ะแคสท์ติ้งตัวละครตัวนี้เลยว่าต้องเป็นตัวละครที่ทำให้ถึงใจที่เคยจีบสาวมานักต่อนักเห็นมินท์แล้วต้องหันขวับตั้งแต่แรกเห็นเลย แล้วตัวน้องเขาเองเป็นถึงมิสมอเตอร์โชว์มาก่อน เห็นน้องแล้วก็ทำให้โอ้คิดถึงตอนเล่นหนังเรื่องแรกเหมือนกัน คือเราเล่นหนังเรื่องแรกเราก็จะแบบยังใหม่ อาจจะยังไม่รู้มุมกล้อง ไม่รู้เรื่องของแอ็คติ้งอะไรซึ่งมันก็ต้องใช้ประสบการณ์ โอ้ก็พยายามช่วยน้องเขา แบบบางทีกล้องไม่ได้รับหน้าเรา แต่โอ้รู้ว่าถ้าน้องเขาเข้าฉากมองแค่มือของผู้ช่วย หรือแค่ให้เล่นกับกล้องหรือมองผ่านกล้อง หรือแม้แต่ให้มองต้นไม้ ฯลฯ น้องเขาก็จะค่อนข้างจินตนาการยาก โอ้ก็จะพยายามช่วยน้องเขา นั่นคือสิ่งที่เราช่วยได้อาจจะไปช่วยต่อบทในคัทที่ไม่มีเรา แต่ต้องยอมรับว่าตัวน้องเขาเองก็มีความตั้งใจ และเราเองเห็นถึงความพยายามของน้องเขา แล้วพูดได้เลยว่าถึงเป็นเรื่องแรกของน้องเขา แต่บทมินท์ก็ถือว่าเป็นบทที่หินเหมือนกัน เพราะว่ามันต้องสื่อสารแสดงออกทางความรู้สึกผ่านทั้งสีหน้าแววตา และแสดงออกทางอารมณ์ซึ่งต้องแสดงออกมาค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน บางทีก็ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านทางคำพูด เรียกว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้ถึงใจเปลี่ยนตัวเองเลยครับ เพราะปกติแล้วเขาก็เป็นเหมือนเพลย์บอย คุยกับผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที  คุยวันละแปดเก้าคน แต่พอเจอมินท์แล้วรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนน่ะครับ แล้วก็เลิกนิสัยเดิม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับน้องไอซ์ที่ต้องแสดงออกมาให้ได้ ซึ่งผมว่าน้องเขาทำได้ดีมากครับ  ผมว่าบทเนี่ยะโหดแล้วก็หินสำหรับน้องไอซ์มากๆ แล้วที่สำคัญน้องเขาก็ต้องมาเสี่ยงชีวิตกับโอ้ (หัวเราะ) ในฉากที่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์ด้วย เพราะว่าโอ้ต้องขี่มอเตอร์ไซด์พาน้องเขาซ้อนทั่วประเทศไทยเลยฮะ (หัวเราะ) ก็จะมีหลายที่เลยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด

Q. แท็คทีมกับ ดีเจจั๊ดและ พล่ากุ้งมาเจนต้า เป็นประสบการณ์การทำงานที่สุดทีนมากๆ ได้ข่าวว่ารั่วกันสุดๆ

O. รั่วกันมากครับเวลาสามคนมารวมกัน โดยเฉพาะเวลาร่วมงานกับพี่พล่ากุ้ง และก็พี่จั๊ด คือแบบจัดเต็มตลอดฮะ อย่างพี่จั๊ดเนี่ยะตอนเช้าเขาก็มานิ่งๆ เงียบๆ ก่อน แต่พอเข้าฉากเมื่อไหร่ โอ้โห! ตกใจเลยครับ เขาเล่นแบบสุดยอดเลยครับ แล้วก็พี่กุ้งนี่ เรียกเขาพี่กุ้งไม่ได้นะ ต้องเรียกพล่ากุ้ง พี่พล่ากุ้งจะคอยแบบส่งใส่มุกตลอดเวลา แล้วก็เวลาเล่นคือตัวคาแรกเตอร์ของพล่ากุ้งเนี่ยะ ไม่ถอดแว่นเลยนะ  สร้างความลำบากให้ทีมงานมากๆ ครับ เพราะว่าทีมงานต้องเอารีเฟล็คซ์หลบแว่นเขา หลบไม่ได้ยังไงก็เห็น (หัวเราะ) แต่ก็สนุกครับ ดีใจมากๆ ที่ได้ทำงานกับพี่ๆ ทั้งสองคน ต้องบอกเลยว่าเราจะขาดสองคนนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาดเพราะว่าเขาจะทำให้หนังเรื่องนี้มีสีสันให้สนุกขึ้นเยอะมากครับ ทั้งพี่จั๊ดแล้วก็พี่พล่ากุ้งเนี่ยะ เหมือนเขาจะคิดมุกมาจากบ้าน  คิดมาให้พี่โต๊ะผู้กำกับแล้วก็มาเสนอ แบบพี่ครับแบบนี้ๆ วันนี้จะเป็นมุกแบบนี้  อะไรอย่างนี้น่ะครับ คือโดยธรรมชาติที่พี่ๆ เขาทั้งสองคนเป็นคนตลกอยู่แล้วด้วย พอมาอยู่ในเรื่องนี้มารวมกันสองคนกับถึงใจไปด้วยเป็นสามคนนี่ไปกันใหญ่เลยครับ โอ้โห คือแซวทุกคนจริงๆน่ะครับ คือเข้าไปในผับ คุยกับผู้หญิง เขาคุยดีๆ ด้วยก็แซวเขา เขายังไม่ทันทำอะไรก็แซวเขาตลอด ซึ่งก็สนุกมากๆเลยครับ ในเรื่องสมาชิกแก๊งสุดทีนของ “ถึงใจ” ที่สำคัญฉายาของถึงใจ ก็ได้มาจากเพื่อนสองคนนี้ คือ เต็มสูบ (พล่ากุ้ง) กับ จัดให้ (ดีเจจั๊ด) ก็คือ สามคนนี้ต้องมาด้วยกัน ขายกางเกงยีนส์อยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ไปไหนก็จะขี่มอเตอร์ไซด์ไปด้วยกันตลอด ไปเที่ยวผับกลางคืน ไปขายยีนส์ แล้วมอเตอร์ไซด์แต่ละคันก็จะสื่อให้เห็นคาแรคเตอร์ของแต่ละคนด้วยครับ อย่างถึงใจก็เป็นแบบเข้มๆ หน่อยกวนๆ นิ่งๆ แต่ถ้าเป็นของเต็มสูบก็จะเป็นแบบ รั่วๆ หน่อย แล้วก็จะเป็นคนที่ไม่ค่อยปกติหน่อย  แต่ถ้าเป็นของจัดให้ก็จะเป็นแบบสาวๆ หวานๆ ขี่มอเตอร์ไซด์นะครับ แต่ว่ามีขนมิงค์ติดอยู่ สีชมพูอะไรอย่างนี้ ก็สนุกเฮฮาดีครับ

Q. อย่างนี้ก็เข้าล็อคถูกใจมาริโอ้เลยซิ เห็นว่าไลฟ์สไตล์ส่วนตัวก็ชื่นชอบมอเตอร์ไซด์อยู่แล้ว

O. คือโดยส่วนตัวแล้วโอ้เป็นคนชอบเกี่ยวกับรถยนต์มากกว่า ก็จะชอบพวกรถโบราณอะไรอย่างนี้ แต่มอเตอร์ไซด์ก็เป็นความสนใจอย่างหนึ่งที่ชอบรองลงมาจากรถนะครับ ผู้ชายก็มีแค่นี้ละครับ รถหรือมอเตอร์ไซด์ หรือไม่ก็พระเครื่อง (หัวเราะ) แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละครโอ้ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซด์เยอะๆ เลยครับ เท่าที่เคยขี่มาก็เป็นเรื่องสาระแนเห็นผีครับซึ่งไม่เยอะ และก็เป็นคันจิ๋วมาก แต่ว่าเรื่องนี้ต้องขี่บิ๊กไบค์ตลอด ก็คือซูปเปอร์โฟร์เป็นรถฮอนด้าคันค่อนข้างใหญ่มาก ก็ยากเหมือนกัน  เพราะในเรื่องเราต้องขี่จริง แล้วมันเป็นมอเตอร์ไซด์ที่มีคลัทช์แล้วก็มีเกียร์ด้วย ซึ่งมันก็ไม่ใช่ว่าง่ายเพราะเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา บางทีเราก็ต้องออกถนนใหญ่ด้วย ที่ยากเวลาขี่มอเตอร์ไซด์ในหนังเนี่ยะ เขาก็ต้องตั้งกล้องไว้ในรถอีกคัน รถก็ต้องขับ ตามถ่าย แล้วเราก็ต้องดูไลน์ ดูทางกล้องให้ดีครับ แล้วก็ต้องคอยดูรถบนถนน ต้องดูสัญญาณมือให้ดีด้วยน่ะครับ ไม่งั้นก็อาจจะชนได้ อย่างตอนถ่ายเรื่องรักสุดทีนก็มีเกือบไปเหมือนกันครับ เกือบเจ็บหนักไปเหมือนกัน ก็มีฉากหนึ่งในเรื่องที่โอ้อ่านบทมาแล้วจินตนาการว่าตัวคาแรคเตอร์ต้องขึ้นมอเตอร์ไซด์คู่ใจแล้วก็บิดออกไปเลยอย่างรวดเร็ว ที่นี้พอถึงเวลาถ่ายโอ้ก็บิดออกไปอย่างเร็ว แล้วลืมคิดไปว่ามอเตอร์ไซด์มันก็อันตราย มันรถสองล้อน่ะครับ พอไปถึงก็เจอเหล็กที่กั้นของยามครับ แล้วโอ้ก็เบรกหน้าเอาไว้ เกือบชนครับ เบรกเอี๊ยดดด ทีมงานทุกคนก็แบบ เฮ้ออออ… แล้วผมก็บอก พี่ผมอ่านมาแล้วว่ามันน่าจะเร็ว ผมเพิ่งมารู้ทีหลังจากพี่ผู้กำกับภาพว่าโอ้จริงๆ โอ้ขับแค่ 30 ก็พอ เดี๋ยวพี่ทำให้เร็วได้ ไม่ต้องทำขับเร็วขนาดนั้นมันอันตราย มันก็มีเทคนิค มีอะไรที่ทำได้ แต่ว่าผมยังไม่รู้ฮะ เกือบไปเหมือนกัน แล้วเรื่องนี้อย่างที่บอกคือขี่ทั้งเรื่องเลยครับ ฝนตกก็ขี่ผู้หญิงซ้อนก็ขี่อะไรแบบนี้ครับมีทุกอย่างแล้วก็ไม่ใช่เป็นริก (Rig) ลากด้วยส่วนใหญ่จะเป็นขี่จริงแต่ริกลากก็มีบ้างครับ เพราะเป็นเรื่องของภาพ  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขี่จริงๆ ครับ แต่ถ้าพูดถึงส่วนตัวโอ้เองก็มีเก็บมอเตอร์ไซด์ไว้บ้าง อย่างตัวที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เลยก็เป็นตัว สกู๊ปปี้ออกแบบเองเลย ก็เก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็มีตัวเก่าๆ ที่ได้มา มีรุ่นพี่ให้มา และก็ทุกวันนี้ยังสตาร์ตไม่ติด  จอดน้ำมันแห้งใยแมงมุมขึ้น (หัวเราะ)

Q. เรื่องนี้ต้องเล่นเองไม่มีสแตนอิน

O. ใช่ครับเพราะอย่างปรกติบางเรื่องเขาอาจจะใช้สแตนอินในเรื่องของความปลอดภัยครับ แต่ว่าในเรื่องของรักสุดทีน นี่เราไม่มีสแตนอินครับ เราจัดเต็มครับนักแสดงเราต้องขับจริงครับ ทุกที่เลยไม่ว่าจะเป็น นครปฐมหรือว่าเป็นที่แถวสุวรรณภูมิหรือว่าอีกหลายๆ ที่ครับเลียบทางด่วนรามอินทรา เราก็ขับจริงกันหมดเลย แม้แต่ริมชายหาดพัทยาโอ้ก็ต้องขับซ้อนน้องไอซ์ครับ ลมนี้โกรก มาแทบจะล้มเลยครับ ก็สนุกดีครับ

Q. เห็นว่าเรื่องนี้มี 2 ซุปตาร์ที่โอ้ต้องเข้าฉากร่วมด้วย

O. ครับ (หัวเราะ) ก็ฮอตจริงๆ ครับ และผมรับประกันเลยครับว่าสองคนนี้นะครับไม่ธรรมดา ทั้งน้องภีมม์ หรือน้องตี๋บ๊วยนะฮะ และก็น้องลิซซี่หรือน้องหมูฉึกฉึกครับ สองคนนี้เรียกว่าเป็นน้องที่ไม่คาดคิด ไม่คาดฝัน ตลอดเวลา ทำงานกับน้องคือแบบมีมุกอะไรที่ผู้กำกับไม่ได้ใส่แต่เขาก็ใส่มาเอง  แล้วก็เป็นเด็กก็รู้อยู่แล้วว่ามีความเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็ไร้เดียงสา ก็น่ารักตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าน้องลิซซี่อยู่ในกองก็คือแบบจะฮามาก แล้วก็เขาจะเขินมากๆ เป็นอะไรไม่รู้ จะไปจับตัวเขาไม่ได้เลยนะ เขาจะแบบ เอร้ย (ทำท่าเขิน) เขินตลอด เขินพี่โอ้ตลอด

Q. มีฉากไหนที่ประทับใจบ้าง

O. จริงๆ มีหลายฉากครับ ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของหนังจะออกมาเป็นหนังตลกสนุกสนาน แต่ก็มีฉากโรแมนติคซึ้งๆ อยู่หลายฉาก อย่างมีอยู่ฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมาก เป็นฉากที่ไดอะล็อคยาวมากแล้วมีการถ่ายทำเป็นแบบ ลองเทค  (Long take) ซึ่งนักแสดงทุกคนต้องเล่นยาวโดยที่ห้ามเทค คือถ้าเทคทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ซึ่งการถ่ายทำจะเริ่มตั้งแต่โอ้ต้องขี่มอเตอร์ไซด์มาหน้าโบสถ์ที่จัดงานแต่งงาน แล้วต้องลงจากมอเตอร์ไซด์เปิดประตูเข้าไปในระหว่างที่ทุกคนกำลังทำพิธีกัน คนก็จะนั่งกันเต็มโบสถ์ แล้วเป็นฉากที่ต้องเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ทั้งพระเอกนางเอก และทุกตัวละครที่เกี่ยวข้องกัน โดยที่ผู้กำกับภาพต้องแบกกล้องแฮนด์เฮลล์เดินตามโอ้มาตั้งแต่มอเตอร์ไซด์เลย ตัวผกก.ภาพเองก็ตามคอยกำกับและจับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไปพร้อมกับโคลสอัพไปที่ตัวละครทุกตัว เพื่อรับสีหน้า แววตาคำพูดของตัวโอ้ที่บุกเข้ามากลางงานแต่งงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องรับภาพของตัวละครที่คุยกับโอ้ รับสีหน้า แววตา แม้กระทั่งน้ำตาของนางเอก ยากครับ ทุกคนต้องรู้จังหวะและต้องสัมพันธ์กัน แล้วต้องเล่นกับอารมณ์ด้วย อย่างน้องไอซ์เข้าอยู่ในฉากแล้ว โอ้ก็ต้องเดินเข้าไปพูดด้วย กล้องก็ต้องตาม ผมก็คิดว่ามันยากมากๆ ครับ ตอนทำออกมาเราก็ไม่คิดว่าเราจะทำได้ ตอนนั้นผมแค่คิดเชื่อมั่นอย่างเดียวเลยว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นนะ และต้องมีสมาธิว่าตัวละครตัวนั้นกำลังเจออะไรอยู่ พอเข้าไปก็ยาวเลย ก็ดีใจกับตัวเองครับว่าเราไม่ได้ไปกังวลกับมันมากจนเกินไป แล้วก็ทำมันออกมาได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจของตัวเราเองครับ ก็ชอบครับ  แต่ตอนถ่ายก็มีอุปสรรคที่ทำให้ต้องถ่ายใหม่ ตอนเล่นบังเอิญก็มีนักแสดงสมทบ (เอ็กซ์ตร้า) ในฉากเขาลืมปิดมือถือ เสียงโทรศัพท์ก็เลยดังขึ้นมาแต่โอ้มองว่าเขาคงไม่ได้คิดนะครับว่าจะมีคนโทรเข้ามาตอนนั้น แล้วก็แบบเป็นช็อตที่ยาวมากก็เลยต้องถ่ายใหม่  แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ซีนนี้เป็นอะไรที่ยาก ละเอียดอ่อนและเป็นไฮไลท์ของเรื่องด้วยนะครับ

Q. ถ้าให้นิยามคำว่า “รักสุดทีน”

O. ถ้าให้โอ้บอกนิยามของหนังเรื่องรักสุดทีนนะครับ คำว่ารักสุดทีนเนี่ยะ ผมว่าเป็นอะไรที่วัยรุ่นที่สุดครับ แล้วก็แบบเสียใจที่สุด ดีใจที่สุด เซอร์ไพรส์ที่สุดด้วยฮะ คือที่สุดของทุกอย่างน่ะครับ ก็เลยกลายเป็นรักสุดทีนครับ

Q. ในชีวิตที่ผ่านมาเคยทำอะไรที่มันสุดทีนไหม โดยเฉพาะเรื่องของความรัก

O. สำหรับโอ้เองเคยครับ ทำอะไรเกี่ยวกับความรักในแบบสุดทีน ก็เป็นเหตุการณ์ตอนวันเกิดคนที่เรารัก  เราก็ทำให้แบบสุดทีนไปเลยทุกอย่างแบบจัดเต็มครับเ หมือนเราก็คิดมาก่อนไม่ใช่ว่าเรามาคิดอะไรใกล้ๆ วันเกิดเขา คิดมาก่อนว่าเราจะทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้เขามีความสุขที่สุด เพราะว่าเรารักใคร เราก็อยากให้เห็นเขามีความสุขใช่ไหมครับ ตัวโอ้เองก็เลยอยากลองทำดูว่าเออเห็นเขามีความสุขที่สุดจะเป็นยังไง อยากให้เขาเซอร์ไพรส์ที่สุดแฮปปี้ที่สุดน่ะครับ โอ้ก็ไปคิดมาก่อนว่าเขาชอบกินอาหารประเภทไหนก็เลยไปหาร้านอาหารที่เขาชอบแล้วก็ไปแอบสั่งเค้กไว้  สั่งเค้กไว้เสร็จ ผมรู้เลยว่าผู้หญิงเขาที่สุดอยู่แล้วเรื่องการเซอร์ไพรส์ ผู้หญิงชอบการเซอร์ไพรส์  เราก็เลยเซอร์ไพรส์ทุกที่เลย พอขึ้นรถเราก็มีลูกโป่งมาให้ เราก็จะซื้อของขวัญให้อะไรอย่างงี้ด้วย แล้วเราก็ไม่บอกเขา เราก็ต้องเซอร์ไพรส์อีกชั้นหนึ่ง เราก็ต้องไม่บอกเขาว่าเราพาไปไหน  เราก็บอกแค่ว่าอ๋อเดี๋ยวเราพาไปหาเพื่อน อะไรแบบนี้ฮะ แต่พอไปก็เป็นร้านอาหารที่แบบที่เขาอยากกิน มีเค้กมาให้แล้วก็มีของขวัญอีก มีลูกโป่งเต็มรถ ดีมันไม่ระเบิด (หัวเราะ) ถามว่าแล้วคนที่ได้รับหลังจากที่โอ้ทำไปแล้วเขารู้สึกอย่างไรก็แฮปปี้ดีครับ ชอบครับ แฮะๆ  (เขิน)

Q. มาจนถึงวันนี้แล้วจากหนังเรื่องแรกในชีวิต “รักแห่งสยาม”  “หนัง” เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของมาริโอ้ เมาเร่อแค่ไหนอย่างไร

O. ครับจาก 5 ปี จากรักแห่งสยามนะครับ หนัง สำหรับโอ้แล้วพูดได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของชีวิตโอ้เลยครับเพราะว่าแทบจะทุกวันที่โอ้ได้ออกกองได้ไปทำงานมันทั้งสนุกแล้วก็ได้ประสบการณ์ที่เราไม่มีทางได้จากห้องเรียน ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราได้โตขึ้นด้วย  ได้โตไปกับพี่ๆ ทีมงาน ที่ทำให้เราได้เล่นหนังดีๆ คือนอกจากได้เล่นหนังดีๆ มันยังได้เรื่องของบทสอนข้อคิดดีๆ ถ่ายทอดไปให้กับวัยรุ่นด้วย  ผมว่ามันได้หลายต่อ แล้วตัวโอ้เองโอ้ว่ามันได้เยอะมากได้ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ด้วย แล้วตอนเล่นหนังทุกเรื่องเราได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ มันตื่นเต้นทุกวัน อย่างบางทีบางเดือนเล่นสามเรื่อง ตอนเช้ามีบางวันเป็นสองคาแรคเตอร์  ตอนเช้าเป็นคนกวนๆ ตอนเย็นเป็นคนตุ้งติ้งอะไรแบบเนี้ยะครับ ซึ่งเราก็ต้องแบ่งพาร์ทของตัวเราเองให้ดี ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่ซื้อไม่ได้  แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่จะจดจำในหัวสมองผมอีกต่อไปตลอดชีวิตเลยครับ  ก็ดีใจครับที่ได้เล่นหนังหลายๆ เรื่องแล้วก็ได้เล่นหนังดีๆ แบบนี้

Q. หลายคนอยากรู้แล้วตัวโอ้เองมีหลักเกณฑ์ในการเลือกเล่นหนังอย่างไรบ้าง

O. สำหรับโอ้เอง โอ้ก็จะเลือกจากบทที่โอ้เชื่อน่ะครับ โอ้ว่าสิ่งแรกที่นักแสดงอ่านบทแล้วเชื่อในตัวบทก็จะถ่ายทอดออกมาได้นะครับ ก็คือถ้าเราอ่านบทแล้วเราไม่เชื่อหรือว่าเราคิดว่าเราถ่ายทอดออกไปไม่ได้เนี่ยะ ผมว่ามันก็ไม่ดี เพราะว่าสิ่งแรกผมว่าน่าจะอยู่ที่ตัวเราเอง มุมมองของตัวเราเองมากกว่า

Q. จากบทเด็กมัธยมใสๆ ที่มีแง่มุมดราม่าใน “รักแห่งสยาม” จนมาถึง บทหนุ่มเจ้าชู้จีบสาวไปเรื่อยรักใครไม่เป็นอย่างใน “รักสุดทีน” แฟนๆ จะมีโอกาสได้เห็นบทบาททางการแสดงที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของมาริโอ้อีกไหม

O. จากนี้ไปก็จะมีครับ คืออย่างก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็จะมีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ได้ทดลองกับผู้กำกับหลายๆ คน ได้ลองคาแรคเตอร์หลายๆแบบ จากนี้ไปผมก็จะได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ไปเรื่อยๆ อย่างเรื่องนี้จะกวน กวนถึงขีดสุดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเหมืนกัน เจ้าชู้ จีบหญิง ซึ่งก็จะเป็นครั้งแรกเหมือนกัน  หรืออย่างที่ผ่านมาก็ได้เล่นอุโมงค์ผาเมือง ก็จะได้เป็นพระในยุคเมือ 500 ปีที่แล้ว ก็คือได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ไปแบบฉีกตลอดเลยฮะ ต่อไปก็จะมีเรื่องสิ่งเล็กๆ 2 มีหนังต่างประเทศเป็นหนังจีนซึ่งไปถ่ายทำที่เมืองจีนแล้วโอ้ก็ต้องพูดภาษาจีนด้วย ก็คงจะได้เห็นผลงานที่แตกต่างและบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปครับ แล้วก็มีหนังอีกเรื่องหนึ่งนะครับที่ท้าทายที่สุดสำหรับตัวโอ้เอง เป็นหนังของหม่อมน้อยนะครับ แต่ว่าต้องขออุบไว้ก่อนนะครับ (ยิ้ม)

Q. อัพเดทชีวิตช่วงนี้กันหน่อย

O. อัพเดทชีวิตโอ้กันนะครับ 7 วันช่วงนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากถ่ายละครแล้วก็มีเดินสายโปรโมหนังเรื่องนี้ครับ “รักสุดทีน” แล้วก็มีเตรียมตัว เวิร์คช็อปหนังใหม่ของหม่อมน้อยด้วยครับ ตอนนี้มีเวลาว่างก็จะอ่านบท มีเรื่องของซ้อมเต้น ซ้อมร้อง เพลงเรื่องของคอนเสิร์ตสี่บวกหนึ่ง ครับ แล้วก็จะมีละครเรื่องใหม่ของโอ้ด้วยครับ เรื่องรักเกิดในตลาดสดครับ

Q. ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับแฟนๆ ของเรา

O. สิ่งที่โอ้อยากพูดกับแฟนๆ ที่ติดตามผลงานโอ้อยากบอกว่าขอบคุณมากๆ นะครับที่ติดตามผลงานโอ้มาโดยตลอดคืออยากจะบอกกับพวกคุณว่าพวกคุณเป็นกำลังใจให้โอ้มากๆ แล้วทำให้โอ้ได้มีกำลัง แล้วก็มีพลังที่จะไปทำหนังใหม่ ไปเล่นละคร หรือ เปลี่ยนคาแรคเตอร์ แฟนคลับทุกคนเป็นกำลังใจ ให้โอ้มากๆ ครับ ถ้าไม่มีแฟนคลับทุกคนก็คงไม่มีโอ้วันนี้ครับ ยังไงก็ฝากให้แฟนๆ นะครับอย่าลืมปีห้าห้านี้โอ้มีหนังสนุกๆ อย่าง รักสุดทีน ครับ อย่าลืมมาดูนะครับ ก็เป็นอีกคาแรคเตอร์หนึ่งของโอ้ซึ่งฉีกออกไป แล้วก็ใครที่เป็นแฟนของพันธมิตรก็อย่าลืมดูหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะว่าเราอาจจะเคยฟังแต่เขาพากย์แต่ไม่เคยดูเขากำกับหนังก็อยากให้มาดูกันครับ 1 มี.ค. นี้ ขอบคุณครับ


 

ที่มา:  สหมงคลฟิล์ม
บันทึกภาพ:  สหมงคลฟิล์ม
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง