เรื่องราวของคน4 คู่ 4 วัย ที่ต่างใช้ชีวิตลอยคว้างอยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่แล้ววันนึง ความรักก็มาทำให้พวกเขาป่วน ! มาทำให้เขาป่วย ! จนชีวิตต้องวายป่วง ! อีกคู่ที่ความรักไม่รู้จงลงเอยยังไงดี โจ(ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) สาว มหา ลัย ใจหิน ที่เธอคิดเสมอว่าความรักไม่จำเป็นต่อชีวิต แต่วันนึงเธอดันมาตกหลุมรัก ฟอง (เลโอ โซสเซย์ (สมาชิก วง B.O.Y.) หนุ่มต่างคณะที่มาจีบรุ่นน้องนางเอกละครของเธอเข้าเต็มเปา สิ่งที่เธอเลือกทำเพื่อแก้ปัญหานี้คือ การกระทำซึนเดเระใส่เขาเพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้รักไม่ได้อะไรกับเขาจริงๆ
ฉากนี้ถ่ายทำกันที่ ห้องแสดงดนตรี มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในเรื่องคือโจ ( ยิปซี ) เป็นผู้กำกับละครเวที ที่ต้องทำละครธีซิสตัวสุดท้ายก่อนจบ เธอเลือก ฟอง (เลโอ )หนุ่มต่างคณะเล่นเป็นพระเอก โดยจริง ๆแล้ว โจแอบชอบฟองอยู่ แต่ฟองดันมาชอบ นางเอกละครในเรื่องที่เป็นรุ่นน้อง โจ กลบเกลื่อนความรักเธอด้วยการทำตัวแบบมืออาชีพกับหน้าที่ผู้กำกับละครเวที ที่ทำแต่งานไม่แคร์ความ รู้สึกของหัวใจ แต่ทุกครั้งที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันเป็นภาพบาดตาเธอมาก เธอเลยแกล้งทำซึนเดเระประชดประชันใส่ฟองมาตลอด แต่ยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จนเธอทนไม่ได้และตัดสินใจจะจบความสัมพันธ์ด้วยการนัดฟองมาซ้อมละคร และจะไล่ฟองออกจากการแสดงโดยที่ฟองไม่รู้ตัวมาก่อน
ถึงเวลา ผู้กำกับ “ปุ๊ก พันธุ์ธัมม์” มาที่มาร์คของห้องที่ถ่ายทำ และเล่าให้นักแสดง ได้เข้าใจในสถานการณ์ความรู้สึกของตัวละคร เพราะเป็นฉากสำคัญที่มีความซับซ้อนของความรู้สึกตัวละคร ซึ่งได้อธิบายฉากนี้ให้ทั้ง 2 นักแสดงฟัง ทั้งคู่ต่างดูหน้าตาเคร่งเครียดกับงานในฉากนี้เอามากๆ ต่างก็หามุมหลบซ้อมบทของตัวเอง
พอทุกอย่างพร้อม ผู้กำกับก็สั่งแอ็คชั่น โจ (ยิปซี) กำลังคิดที่จะหาทางบอกฟอง (เลโอ) ว่าให้ออกจากการแสดงละครเวทีครั้งนี้ไปซะ เลโอที่รับบทฟองถอดเสื้อเดินข้ามา หลังจากไปทำตามคำสั่งโจ ก็เพราะอยากให้โจ(ยิปซี) เห็นว่าตัวเองผิวเค้าคล้ำขึ้นแล้ว เหตุก็เพราะโจ เคยบอกฟองว่าตัวฟองปกติตัวขาวไป มันจะดูไม่สมบทบาทของละครที่ต้องเป็นหนุ่มบ้านนอก ( ซึ่ง โจ เอาเรื่องเพื่อนแพงของหนังเก่า คุณเชิด ทรงศรี มาดัดแปลง ซึ่งเล่นบทเดียวกับที่สรพงษ์เคยเล่นไว้ ) โจเลยบอกให้ฟองไปทำตัวให้คล้ำขึ้น เช่นไปถอดเสื้อวิ่งในมหาลัย ฟองก็ทำตามโจสั่งโดยไม่รู้ว่า จริงๆ คำสั่งนั้นเป็นแค่การแกล้งฟอง เพื่อหลอกตัวเองของโจเท่านั้น ฉากนี้ดูเหมือนจะไม่ยากแต่ค่อนข้างต้องใช้พลัง เพราะว่าเหมือนง่าย แต่ช่วงที่สำคัญที่สุด พอโจจะพูดบอกให้เขาเลิกเล่น ฟองดันมาชวนโจซ้อมพูดบทสำคัญ ในบทที่นางเอกแอบรักพระเอกและซ้ำร้ายพระเอกยังไม่เชื่อเลยอยากฟังความจริงจากปากนางเอก ซึ่งดันมีใจความตรงกับชีวิตรักของโจ งานก็เลยเข้าผู้กำกับหญิง พอฟองเริ่มต่อบท โจเลยรู้สึกอึดอัดกับบทที่เหมือนตัวเองจะต้องเผยความในใจให้ฟองรู้ว่าเธอแอบรักเขา พอเริ่มเล่น สังเกตจากหน้ามอนิเตอร์ ที่ พี่ปุ๊ก ผู้กำกับนั่งดูอย่างไม่กระพริบตา เห็นฝั่งยิปซีที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่เก็บกด อัดอั้นที่แอบรักเค้า ด้วยสีหน้าแววตา ผ่านแว่นสายตาอันใหญ่ ยิปซีค่อยๆ พูดออกมาทีละคำ ทีละประโยค พอจะพูดบทสารภาพรักแม้จะเป็นการซ้อมละคร ใจหนึ่งก็ไม่อยากพูดเพราะมันเหมือนการยอมรับว่าเธอรักเขา แต่อีกใจก็อยากปลดปล่อยความรู้สึก ได้แอบบอกให้ฟองรู้ผ่านการซ้อมว่าเธอรักเขา ส่วนหนุ่มเลโอ นั้นมาแบบไม่รู้เลยว่าโจแอบรักเขาอยู่ เขาก็แค่ต้องการซ้อมบทเพื่อแสดงให้โจเห็นว่าเค้าทุ่มเทและเข้าใจบทนี้เอามากๆ แม้โจจะต่อบทแบบมาเต็มและอินเอามากๆ แต่ฟองก็แค่คิดว่าโจแสดงเก่ง ทั้งคู่เรียกได้ว่า รับ ส่ง ในการแสดงกับการเล่นละครซ้อนหนังได้อย่างได้อารมณ์เลยทีเดียว เทคหนึ่งผ่านไป สอง สาม สี่ ตัดรับหน้ายิปซีบ้าง เลโอบ้าง เล่นไปเล่นมาก็ปาไปครึ่งค่อนวัน กว่าจะได้ภาพและอารมณ์ที่สมใจ ผู้กำกับ ฝีมือดี
“สรุปแล้วฉากนี้ใช้เวลาครึ่งวัน เกือบ 5ชั่วโมง ได้ สำหรับฉากที่ คน 2 คน พูดกันแค่ 2-3 นาที นี้ เพราะอย่างที่บอกเป็นฉากแตกหักเราเลยต้องการถ่ายหลายมุมในการแสดงที่ยากเพราะต้องเล่นดราม่า ลึกแต่เรียบ จึงต้องประคองความรู้สึกตัวละครให้อินตลอด5 ชั่วโมง นั้น แต่นักแสดงทั้งคู่ทำได้ดีมาก จริงๆแล้วความสำคัญของฉากนี้อยู่ที่คนสองคนที่ต้องแสดงออกต่อกัน ซึ่งตัวโจที่ยิปซีเล่นพูดบอกรักตัวฟอง (เลโอ ) จริงๆ แล้วในตัวหนัง ในเรื่องไม่มีอะไรที่ต้องถอดเสื้อ เป็นฉากที่ฝ่ายชายต้องสวมเสื้อเสร็จแล้ว แต่เหตุผลที่ต้องถอดเสื้อในฉากก่อนหน้าเมื่อเข้ามาในห้อง หลังจากที่ฝ่ายผู้หญิงสั่งเขาไปถอดเสื้อวิ่งมา อ้างนู้นนี่นั่นว่าเขาขาวไปไม่เหมาะกับบท แต่ผมอยากให้เลโอที่ต้องซ้อมฉากนี้ โดยไม่ใส่เสื้อเพื่อให้การซ้อมดูน่าเคอะเขินกว่าเวลาที่ต้องแสดงจริง และเพื่อเร้าความรู้สึกชายหญิงของทั้งคู่ ทั้งของ ยิปซีและเลโอ ออกมาในการซ้อม เพื่อหวังว่าในการแสดงจริงทั้งคู่จะเกิดเคมีเหมือนตัวละครในเรื่องออกมา และมันก็ได้ผลจริงๆ อยากให้ไปดูในหนังกับฉากสำคัญฉากนี้ครับ” ผู้กำกับ “ปุ๊ก พันธุ์ธัมม์” เล่า หลังจากกำกับการแสดงฉากสำคัญฉากนี้เสร็จสิ้น
10 ตุลาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์
“Love Syndrome รักโง่ๆ”
บันทึกภาพ: ประชาสัมพันธ์