Scrubb: Clean บางทีนี่อาจจะเป็นงานที่ ‘สะอาด’ และ ‘ผ่อนคลาย’ ที่สุดของวงสครับบ!

แชร์ข่าวนี้

สครับบ คือวงดูโอขวัญใจคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความแตกต่าง สมาชิกของวงประกอบไปด้วยสองหนุ่มคือ บอล–ต่อพงศ์ จันทบุบผา รับหน้าที่เล่นกีตาร์และดูแลงานด้านดนตรี กับ เมื่อย–ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ ซึ่งเป็นนักแต่งเพลงและร้องนำ โดยมีโปรดิวเซอร์คนเก่ง ฟั่น–โกมล บุญเพียรผล เป็นโปรดิวเซอร์คู่ใจมาตั้งแต่อัลบั้มแรกเมื่อราว 10 กว่าปีก่อน

ในอัลบั้มล่าสุด พวกเขาเริ่มทำเพลงสะสมกันมาตอนคอนเสิร์ต Scrubb Nude ช่วงตุลาคมปี 2012 แล้ว บอลกับเมื่อยค่อยๆ ชักชวนเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่ามาร่วมทำงานด้วยกัน ทำให้ได้สีสันใหม่ๆ หลายอย่าง อาทิเช่น การได้ น้องเพลง-ต้องตา จิตดี แห่งวง Plastic Plastic มาร้องประสานและเล่นดนตรีในหลายเพลง หรือการได้ ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร มาช่วยวาดภาพปก เป็นต้น รวมเวลาที่สครับบบันทึกเสียงในห้องอัดและทำงานชุดนี้อยู่นานถึง 9 เดือน

เมื่อยและบอลตั้งชื่อชุดง่ายๆ ว่า Clean เป็นคำที่ทั้ง‘สะอาด’ แต่ ‘ผ่อนคลาย’ และยังดู ‘สบายๆ’ อีกด้วย คำๆ นี้เป็นตัวแทนของบทเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม ซึ่งไล่เรียงตั้งแต่ต้นจนจบตามลำดับได้ดังนี้

1. Good Morning

เริ่มต้นด้วยเพลงบรรเลงน่ารักๆ ที่เป็นเหมือนการทักทายแฟนเพลง เป็นการปลุกให้ทุกคนตื่นพร้อมกับคำกล่าวอรุณสวัสดิ์ด้วยรอยยิ้ม ในเพลงนี้มีการใช้เสียงกีตาร์ไฟฟ้าเป็นท่วงทำนองหลัก ผสมผสานกับเครื่องดนตรีคลาสสิกหลากหลาย มาร่วมกันบรรเลงเพลงจังหวะกลางๆ เพลงนี้ในรูปแบบที่สครับบไม่เคยทำมาก่อน เบื้องหลังการทำงานเพลงนี้มีแกนหลักคือบอล และได้ กล้วย-ศิวัช หอมขำ กับ ชู-นภดล แซ่เอียด ซึ่งเล่นดนตรีกับสครับบอยู่แล้วมาช่วยทำดนตรี แถมด้วยน้องเพลงจาก Plastic Plastic ก็มาช่วยเรียบเรียงดนตรีด้วยอีกคน ทำให้ได้ส่วนผสมอันลงตัวระหว่างความเท่และความน่ารัก

“เพลงนี้เป็นอะไรที่ไม่ใช่การบรรเลงเต็มวง (Full band) แต่มีความเป็นกีตาร์อยู่ด้วย ซึ่งทุกวันนี้เราก็เริ่มเอาไปเล่นเป็นเพลงเปิดเวลาแสดงคอนเสิร์ต มันก็สามารถเอาไปใช้จริงๆ ในการแสดงด้วย จำได้ว่าตอนทำเพลงนี้เสร็จก็เป็นตอนดึกๆ นะครับ ตอนแรกบอกเมื่อยว่าจะใช้คำว่า Clean เลย แต่ตอนเอากลับมาฟังเช็กมันก็เหมือนอะไรที่เราไม่เคยได้ยินเลย พอฟังตอนเช้ามันแบบ ‘เฮ้ย เช้าแล้วนะ’ แล้วผมก็ส่งเมลไปให้เมื่อยตอนเช้ามา คือส่งไปบอกว่าเสร็จแล้วนะ แล้วผมก็พิมพ์ไปบอกว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ ผมก็นึกถึงที่เคยคุยกับเมื่อยว่าการทำเพลงมันคือบันทึกความทรงจำของเราแบบหนึ่ง เพลงนี้ก็ทำเสร็จสมบูรณ์ตอนเช้านะ แล้วคำว่า Good Morning ในมุมของผม มันเป็นคำทักทายชนิดนึงที่ ใช้ Say Hi และเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ได้กระแดะมาก ดูเป็นคำทักทายที่ดี เหมือนเสียงนาฬิกาปลุกหรืออะไรที่เราเอาไว้ฟังตอนตื่นก็ได้ ผมก็เลยมีนิมิตหมายอันดีที่เราจะเอาไว้ใช้เป็นเพลงเปิดครับ” – บอล

2. เข้าใจ feat. สิงโต นำโชค

นี่คือเพลงจังหวะเนิบๆ สบายๆ สไตล์สครับบอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่เป็นของใหม่อย่างชัดเจนคือเนื้อเพลงซึ่งเขียนโดย กอล์ฟ-ประภพ ชมถาวร แห่งวง Superbaker นั้นสื่อสารถึงมุมมองที่เข้าอกเข้าใจชีวิตมากขึ้น ต่างจากความเป็นเด็กหนุ่มช่างคิดช่างสงสัยในอดีต ท่อนฮุกที่ร้องว่า “อะไรไม่ดีก็วางเอาไว้ที่ข้างทาง อาจมีบางครั้งพบกับความเหงาและเสียใจ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แค่เราสองคนจับมือยอมรับและเข้าใจ ถ้าเธอและฉันร่วมทางต่อจากนี้ไป คงถึงเวลาของเรา” นั้นให้ความรู้สึกที่คลี่คลายและเติบโต แถมการได้ สิงโต นำโชค มาร้องช่วงสั้นๆ กลางเพลงก็คล้ายกับการได้สนทนากับเพื่อนที่มานั่งลงคุยกันเรื่องชีวิตแบบสบายๆ และมีรอยยิ้มให้กัน เพลง เข้าใจ จึงเป็นการเพลงร้องเพลงแรกในอัลบั้มที่บอกกับผู้ฟังว่าสครับบกลับมาแล้ว พวกเขายังเป็นสครับบวงเดิม เพียงแต่เติบโตขึ้น และพร้อมจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้นแล้วล่ะ

“จริง ๆ พี่โน้ต (อุดม แต้พานิช) อยากได้เพลงประจำโชว์ เดี่ยวฯ เขาก็ลองให้เราทำให้ แต่ตอนหลังแกก็เอาไปปรับหลายอย่าง สุดท้ายแกเลยอยากเอาไปเปลี่ยนเนื้อเปลี่ยนอะไร แต่ตอนที่เราทำเราก็ชอบเพลงนี้แล้วเราก็กะจะเอาเพลงนี้ไปใช้ในอัลบั้มเราอยู่แล้ว แกก็ไม่มีปัญหา ก็เลยเอาเพลงมาใช้ในอัลบั้มเราจริงๆ เพลงนี้ในส่วนเนื้อเพลงก็อยากพูดอะไรกลางๆ แบบนี้อยู่แล้ว ส่วนใหญ่เวลาที่ผมทำทำนองแล้วให้คนเขียนเนื้อให้ผมก็จะถามเมื่อยก่อน ว่าเมื่อยโอเคหรือเปล่า เพราะปกติผมก็อยากให้เขาเป็นคนร้องในแบบที่เป็นเขาหรือในสิ่งที่เขาพูดได้ ซึ่งพอดีเขาโอเคครับ แล้วเพลงนี้พี่ฟั่นก็เลือกให้เป็นเพลงร้องเพลงแรกของอัลบั้ม เพราะมันเหมาะกับการบอกเล่าถึงพวกเราในวันนี้ครับ” – บอล

3. ลาลา

‘ความแตกต่าง’ ดูจะเป็นประเด็นที่ถูกนำมาพูดถึงกันเยอะมากๆ ในสังคมไทยวันนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่เมื่อยและบอลอยากนำเสนอเรื่องความแตกต่างในมุมมองของสครับบบ้าง พวกเขานำเสนอด้วยจังหวะกลางเนิบๆ แต่ดนตรีแรงขึ้นมาอีกระดับ จนกลายเป็นสไตล์ฟังก์ร็อกในแบบของสครับบไปเลย เนื้อหาพูดถึงคนที่เคยร่วมทางกันมาจนวันหนึ่งกลับพบว่ามีความแตกต่างกันในมุมมองเกิดขึ้น ทำให้ต้องตัดสินใจทิ้งระยะห่างระหว่างกันเอาไว้ แต่สครับบยังมองในแง่ดีว่า “ทุกทุกคำว่าห่าง อาจเพียงเส้นทางที่มันต่าง ทุกทุกระยะทาง เพื่อเราจะเจอตรงกลาง” ซึ่งนี่ก็คือมุมมองที่เข้าใจความเป็นไปในชีวิต แต่ยังมีแง่คิดบวกๆ ในแบบของเมื่อยกับบอลนั่นเอง

“คือผมชอบสนุกกับเรื่องความแตกต่างของคน คือแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แล้วก็มันอาจจะไม่มีหรอกไอ้คำที่ว่า ‘เราคบกันเราต้องมองเหมือนกัน‘ หรืออะไรแบบนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็เหมือนการทำงานกลุ่มที่ดี ที่สมมุติมีคน 5 คนแต่ 5 คนนี้ไม่เหมือนกันเลย แล้วพยามทำมันออกมาได้ เหมือนวงกลมหลายวงที่มันซ้อนกัน ก็หาพื้นที่ตรงที่ซ้อนกันให้ได้ ถ้ามันได้ตรงนั้นมาก็จะทำงานได้ดีครับ เหมือนสครับบมันก็จะทำงาน 3 คนเป็นหลัก เราก็ใช้จุดร่วมระหว่างวงกลมของเรา แล้วก็มักจะได้การทำงานที่สนุกนะครับ” – เมื่อย

4. รอยยิ้ม

นี่คือเพลงที่เสร็จเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มเพลงนี้ เป็นเพลงจังหวะกลาง เพราะๆ เบาสบาย ในแบบของสครับบ เจือด้วยอารมณ์ของดนตรีโซลให้เป็นเสน่ห์ใหม่ๆ ทั้งเนื้อร้อง-ทำนองเป็นการร่วมกันทำงานของบอลและเมื่อย (ปกติจะแบ่งหน้าที่กัน แต่เพลงนี้ทำร่วมกันทั้งหมด) โดยมี กอล์ฟ ซูเปอร์เบเกอร์ มาช่วยเรื่องเนื้อเพลงอีกเล็กน้อย แค่อินโทรกีตาร์หวานๆ ในเพลงนี้ก็อาจชวนให้คนฟังเคลิ้มตามได้ไม่ยาก แต่เนื้อหาที่ร้องในท่อนแรกว่า “รอยยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ทำให้ฉันลืมเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา” และท่อนฮุกที่ร้องว่า “ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน เพียงชั่วคราว หากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดาย เท่าเดิม” กลับชวนให้คิดว่านี่เป็นเพลงรักที่กำลังเล่าถึงสถานการณ์ไม่ธรรมดาเลย อาจจะเป็นห้วงเวลาสั้นๆ ก่อนการเปลี่ยนแปลง เป็นห้วงเวลาแห่งการตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ แต่เรื่องที่สำคัญคือ ในห้วงเวลาแบบนี้ เรายังมีรอยยิ้มให้กันได้อยู่ใช่ไหม?

“ปกติสครับบจะทำดนตรีแนวโมเดิร์นร็อกมากกว่า แต่การดึงดนตรีโซลป๊อปมาทำอะไรกับกีตาร์แบนด์แบบวงเราก็พยายามคิดว่าจะเอาแค่กลิ่นนะครับ เพราะเราไม่ได้เป็นคนโซลแท้ๆ อยู่แล้ว สุดท้ายเราก็ต้องร้องในแบบเมื่อย เล่นกีตาร์ก็เล่นในแบบผมนี่แหละ มันก็เลยได้กลิ่นกลางๆ ที่ไม่ได้โซลจ๋าเกินไป อย่างท่อนโซโล่ ถ้าเป็นสายดนตรีโซลแท้ๆ เขาก็จะออกโหยหวน มีโซโล่มีอะไรเก๋ๆ เท่ๆ แต่ท่อนโซโล่เรากลายเป็นเราผ่อนอารมณ์ลงมากลายเป็นฮิปฮอปนิดๆ ซึ่งมันก็เป็นกลิ่นเป็นวิธีการแบบสครับบอยู่ดี เป็นเพลงหนึ่งที่เราได้ทดลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำครับ” – บอล

5. ลึกลึก

ซิงเกิ้ลแรกที่ใช้เปิดตัวอัลบั้มนี้ เคยบันทึกอยู่ในอีพีของโปรเจกต์พิเศษชื่อ Popdub ของเมื่อย ซึ่งก่อนหน้านั้นเพลงนี้ก็คือเพลงที่ค้างมาจากตอนอัลบั้ม Kid แล้ว เสียงริฟฟ์กีตาร์สนุกๆ ของบอลกับเสียงร้องของเมื่อยบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ยืนยงผ่านกาลเวลา ผูกพันกันด้วยความรู้สึกในส่วนลึก และ ‘ความคุ้นเคยที่ยังคงล่องลอยวนอยู่’ เป็นเหมือนตัวแทนของบทเพลงสำหรับเพื่อนพ้อง มิตรสหาย ตลอดจนคู่รัก ที่จะใช้ฟังและร้องไปด้วยกันได้อย่างรื่นรมย์ และที่สำคัญ คือมันยังเป็นเพลงที่แทนความเป็นวงดูโอที่อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนานของสครับบอีกด้วย

“ผมจะชอบเจาะอารมณ์ที่พูดถึงการที่เราอยู่กันด้วยกัน ณ ตอนนี้ หรือการพูดว่าเวลา ณ ตรงนี้มันดีนะ  แล้วก็ขยายความต่อ แล้วผมชอบอารมณ์ที่อยู่กับเพื่อนแล้วมันไม่รู้มันเพราะอะไร แต่มันรู้สึกดีมาก ’เฮ้ย ทำไมอยู่กับแก๊งค์นี้แล้วมันดีจังเลย’ หรือ ‘อยู่กับโมเมนต์ตรงนี้แล้วมันดีจังเลย’ ก็พยายามจะเก็บอารมณ์แบบนี้ไว้ แล้วก็พูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ สรุปแล้วคือมันคงเพราะเราเจอกันมั้ง ทุกอย่างมันเลยเป็นอย่างนี้ มันไม่มีอะไรมาก แค่เคมีทุกคนที่อยู่ตรงนี้มันตรงกัน ทำให้ทุกอย่างมันลื่นไหล ทุกอย่างมันก็เลยส่งแรงบันดาลใจให้กันและกันได้นะครับ” – เมื่อย

6. ฟ้าครึ้มครึ้ม

เพลงหม่นเศร้าแต่งดงาม สมกับชื่อเพลง เป็นเพลงที่เมื่อยปล่อยให้บอลมาทำหน้าที่ร้องนำบ้าง ด้วยจังหวะช้าเหงา เสียงของบอลก็เข้ากันได้ดีกับอารมณ์เพลงที่พูดถึงห้วงคำนึงคนในถึงอดีต ในวันที่ฟ้าครึ้มหม่น ดนตรีในเพลงนี้ดูจะบางเบาเป็นพิเศษ แต่ในความบางเบาก็เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย สีสันบางๆ อย่างหนึ่งที่เป็นทั้งความแปลกใหม่และเป็นสเน่ห์ของเพลงนี้ก็คือเสียงร้องประสานที่คลออยู่เบาๆ ของน้องเพลง แห่ง Plastic Plastic ที่คล้ายเป็นดังเสียงของหญิงสาวในความทรงจำ ที่ดังสะท้อนอยู่ในใจของใครบางคนตลอดมา

“เพลงนี้เป็นผมร้อง เมื่อยเขียนเนื้อให้ ต้นเรื่องก็จะเป็นเมื่อยก็ขึ้นมาก่อน แต่ว่าท่อนกลาง มาถึงท่อนเปลี่ยนพวกคอรัส ท่อนกลาง หรือพวกเครื่องเป่า ก็ได้ก็ได้พีช (รักษ์พล รักขนาม วง Anything Else) มาช่วยเติม ส่วนใหญ่พาร์ทที่เป็นผมร้องมันจะเล่าเรื่องที่เป็นความเรียลลิสติกขึ้นมาอีกนิดนึง คือไม่ได้เป็นที่อยู่กับเรื่องของโมเมนต์เรื่องของเวลาแบบที่เมื่อยร้อง แต่ถ้าเป็นเพลงที่ผมร้องมักจะเป็นเรื่องของความจริง มีความชัดเจนขึ้นมาหน่อย” – บอล

7. สุดสัปดาห์

เพลงแห่งความสดใสเบิกบานที่แต่งเนื้อร้อง-ทำนองโดยเมื่อย เป็นเพลงจากโปรเจกต์พิเศษที่สครับบเคยปล่อยมาให้เราฟังมาแล้ว แต่สำหรับในอัลบั้มนี้พวกเขาจับเพลงนี้มาเรียงเรียงใหม่ เปลี่ยนการตีกลองเสียใหม่ เปลี่ยนจากริฟฟ์กีตาร์เป็นเสียงซินธิไซเซอร์กวนๆ เป็นเพลงที่พูดแทนใจหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งจะว่าไปก็แฟนๆ ของสครับบที่ติดตามกันมาแต่แรกก็น่าจะอยู่ในวัยนี้กันแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในเพลงนี้คือการเขียนเพลงของเมื่อยที่ใช้คำซ้ำๆ อย่างเช่น ‘อีกวัน อีกวัน อีกวัน’ ได้อย่างถูกที่ ถูกจังหวะ ก่อนจะมาชวนให้ปลดปล่อยหัวใจในท่อนฮุกที่ร้องว่า ‘ออกไปตามเสียงเพลง ที่ลอยมาแสนไกล ให้หัวใจที่เหนื่อยจนล้าได้พักผ่อน กับวันที่มีความหมาย’

“สุดสัปดาห์น่าจะเป็นสิ่งที่มีค่ากับคนทำงานมากที่สุด แล้วก็เราก็เป็นนักดนตรี ก็เลยอยากจะบอกว่า โอเค สุดสัปดาห์ก็มาเฮฮากับเสียงเพลงละกัน อยากจะไปเต้นที่ไหน ไปบันเทิงที่ไหนก็ว่ากันไป คือเราสมมุติตัวเองครับ เพราะผมก็ไม่ได้ทำงานประจำใช่ไหมครับ ก็เลยพยายามคิดแทนว่า ถ้าหนึ่งอาทิตย์มี 7 วัน 5 วันเราไปอยู่กับที่ทำงาน ทำยังไงให้คนที่ทำงานเหนื่อยๆ อยู่ฟังแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่เพลงนี้อยากบอกคือ เขายังมีวันที่มีค่ากับเขาคือสุดสัปดาห์นะ” – เมื่อย

8. ลม

อีกเพลงที่แสดงถึงมุมมองที่เติบโตขึ้นของสครับบ นับจากอินโทรสุดเพราะ ไปสู่ท่อนเนื้อร้องจากฝีมือของกอล์ฟที่เล่าเรื่องการค้นหาความหมายชีวิต ไล่ไปถึงท่อนฮุกอันแสนผ่อนคลายที่เปรียบเรื่องต่างๆ ในชีวิตกับสายลม ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่นานก็ผันเปลี่ยน วันนี้อาจจะยังไม่พบเจอ แต่วันข้างหน้าสายลมก็อาจนำสิ่งที่เราเฝ้ารอให้เข้ามาในชีวิตเอง เป็นเพลงที่เราจะได้ยินเสียงประสานใสๆ ของน้องเพลงในช่วงท้าย เป็นเหมือนคำปลอบโยนและส่งกำลังใจให้ผู้ฟังก้าวเดินกันต่อไป

“เคยคิดการบ้านกันไว้เล่นๆ กับพีชว่าอยากหาอะไรแปลกๆ เป็นเพลงจังหวะกลางแปลกๆ ทำเล่นกัน พอทำอัลบั้มก็เลยบอกเออจะทำละนะ เรามีโครงประมาณนี้ อยากลองเอาไปทำดูไหม เขาก็ไปเรียบเรียงให้ แล้วก็ทำเมโลดี้ทำอะไรเสร็จ เหลือเนื้อท่อนกลางอยู่ๆ คือพอฟังดนตรีเสร็จแล้วปุ๊บ มันก็แว้บขึ้นมาเองเป็นคำว่า ‘ให้มันผ่านไป พัดผ่านไปทุกอย่าง’ คือฟังเพลงแล้วรู้สึกมันเหมือนมันเป็นอะไรวิ่งๆ อะไรลมๆ อะไรอยู่ ก็เลยลองปรึกษากอล์ฟดู สุดท้ายมันเป็นเรื่องเล่าที่ไม่ใช่เพลงรัก แต่พูดถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ก็เลยเป็นที่มาของสัญลักษณ์ใช้คำว่าลมเป็นตัวเล่าเรื่อง แล้วเอาให้เมื่อยดู เมื่อยก็โอเค ผมว่าเพลงนี้มันก็จริงดีสำหรับคนที่เคยเจอเคยอะไรมาบางอย่าง รู้สึกเพลงนี้มันกระทบใจดี แล้วก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันสอนตัวเองดีด้วย” – บอล

9. เช้า

อีกเพลงที่แฟนๆ น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วจากการเป็นเพลงประกอบคอนเสิร์ต Scrubb Nude แต่ในอัลบั้มนี้สครับบก็เอามาเรียบเรียงใหม่ เป็นเวอร์ชันที่เรียกว่า Clean Edited ที่ชัดๆ คือมีการเพิ่มความแรงให้กับเสียงกีตาร์ เพื่อให้มีน้ำหนักเหมาะสมกับเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มด้วย เพลงนี้ได้ ปิยวัฒน์ มีเครือ หรือ ปู๋ จากวง 25 Hours มาร่วมเขียนเนื้อร้องกับเมื่อย เป็นเพลงสดใสตามสไตล์ของสครับบที่บรรยายห้วงเวลาหนึ่งที่น่าจดจำอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเวลาในยามเช้า และเป็นเช้าที่อันแสนอบอุ่นที่ทำให้เรานึกถึงใครสักคนที่คอยอยู่ข้างกัน

“ผมเขียนเพลงเหมือนบันทึกประจำวัน จำได้ว่าวันนั้นผมนั่งทำนู่นทำนี่จนเช้า แล้วเพลงนี้มันก็แว้บขึ้นมา ซึ่งนึกบรรยากาศตอนเช้ามันจะก็โล่งๆ เย็นๆ แล้วก็มีเสียงนกร้อง ก็เลยแว้บเพลงนี้ขึ้นมา ผมรู้สึกว่าตอนเช้ามันก็เหมือนการรีเซ็ตวันใหม่ เราทำอะไรมาก็ตาม เจอนั้นเจอนี่ สุดท้ายเรานอนตื่นมา สุดท้ายก็ต้องรีเซ็ตใหม่อยู่ดี” – เมื่อย

“เมื่อยเขียนเนื้อท่อนหลักๆ มาแล้ว แต่เหมือนเวิร์ส 2 กับเวิร์ส 3 ปู๋จะมาช่วยเติมให้ แล้วมันก็มีความจริงขึ้นมาหน่อย เมื่อยก็เลยบอกเป็นเพลงคอนเสิร์ตแล้วกัน แบ่งท่อนกันร้องละกัน สุดท้ายเวิร์ส 3 ก็ร้องร่วมกัน ก็กลับมาร้องด้วยกันอีกที เหมือนเราอยู่ด้วยกันมานาน โตกันมาด้วยกัน ก็เลยทำเป็นเพลงร้องร่วมกันสักหน่อย มีท่อนแบ่ง ให้ความหมายชัดขึ้นมาหน่อย” – บอล

10. เพลงนั้นยังอยู่

ใครบางคนบอกว่าบทเพลงเป็นเหมือนไทม์แมชีนชนิดหนึ่งที่พาเรากลับไปหาเวลาในอดีตได้ แต่เครื่องย้อนเวลาชนิดนี้มีความพิเศษตรงที่มันไม่ได้พาเรากลับไปสัมผัสสถานที่หรืออารมณ์เดิมๆ เสมอไป เพราะเมื่อชีวิตเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกต่อเหตุการณ์นั้นๆ อาจเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพลงอะคูสติกที่แทบจะมีแต่เสียงกีตาร์โปร่งของบอลกับเสียงร้องของเมื่อยเพลงนี้จะค่อยๆ พาเราย้อนความทรงจำไปสู่บทเพลงที่เคยอยู่ในหัวใจ แล้วกลับไปถามตัวเองว่าวันนี้เรายังคงรู้สึกต่อเพลงนั้นเหมือนเดิมหรือไม่

“ปกติเมื่อยจะส่งเดโมผมเป็นดนตรีอะคูสติกแบบนี้อยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะนำไปเรียบเรียงให้เป็นดนตรีเต็มวง แต่เพลงไหนที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นฟีลสำหรับอะคูสติกจริงๆ เราก็จะเก็บมันไว้แบบนั้น เพลงนี้ก็จะมีการเติมเสียงอื่นๆ เข้าไปบ้างนิดหน่อย มีแอ็คคอเดียน มีกีตาร์ไฟฟ้าคลอๆ อยู่ข้างหลังด้วย อยากให้มีกลิ่นเหงาๆ เหมือนเวลาฟังพวกเพลงสวีดิชป๊อป ที่มันแบบลอยๆ แล้วการเล่นกีตาร์ผมก็พยายามไม่ได้ไปจ่อไมค์ให้มันจริงจัง คือเข้าไปอยู่ในห้อง แต่เป็นห้องที่มีเสียงบรรยากาศ ตำแหน่งการอัดก็คือเหมือนนั่งเล่นกับเพื่อนอยู่ในหอ หรือนั่งเล่นอยู่ริมทะเล ให้มันดูมีบรรยากาศ ถ้าฟังจริงๆ ในหูมันก็จะแบบมีเสียงรบกวนบ้าง ไม่ได้แบบเป๊ะเนี้ยบ เหมือนคนนั่งเล่นแบบอะคูสติกแล้วร้องกัน” – บอล
11. ได้ยินไหม feat. Yaak Lab

            จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสครับบทำเพลงอิเล็กทรอนิกส์? …เพลงๆ นี้คือคำตอบ นี่คือเพลงที่พวกเขาชวนคนดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Yaak Lab มาร่วมสร้างเพลงด้วยกัน ด้วยกรรมวิธีที่แตกต่าง ด้วยวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เราได้ฟังเพลงที่เป็นการทดลองทางดนตรีเพลงนี้ในที่สุด และมันก็เป็นเพลงที่ทั้งเนื้อดนตรีและเนื้อร้องช่วยกันเอ่ยถามว่า เรา ‘ได้ยิน’ สิ่งที่ทั้งสครับบและ Yaak Lab อยากนำเสนอหรือไม่?

“เพลงนี้มันแค่มีเนื้อร้องที่เราไม่ได้อยากจะเน้นรายละเอียดมาก คือเนื้อเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งของเพลง สิ่งที่เราอยากได้คืออยากให้โน้ต (สุเมธ กิจธนโสภา หรือ Yaak Lab) มาสนุกกัน มาใส่อะไรกับดนตรี เพลงนี้เลยเน้นในเรื่องดนตรีหรือสีสันที่อยากจะใส่ลงไป คือตอนอัดตอนแรกก็เป็นกีตาร์ แต่เสียงกีตาร์ก็ถูกเอาไปบิด เอาไปใส่ซินธ์ใส่เอฟเฟกต์ สุดท้ายก็เลยออกมาเป็นดนตรีดิสโก้ เป็นดนตรีเต้นรำ แล้วตอนทำเพลงนี้มันเป็นช่วงปลายๆ ของการทำงานอัลบั้มนี้แล้ว เราก็เริ่มอยากซนแล้วล่ะ อยากทำอะไรที่มันไม่ค่อยได้ทำ ก็เลยกลายเป็นเพลงที่มีคนมาฟีเจอริ่งเป็นเพลงที่ 2 ในอัลบั้มนี้” – บอล

12. The Picnic Song

เพลงบรรเลงสั้นๆ แต่น่ารักมากๆ เพลงนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่างสองพี่น้องวง Plastic Plastic กับบอล เป็นเพลงที่มีการใช้เครื่องดนตรีคลาสสิกอย่างฟลุ๊ตเข้ามาสร้างสีสันอันแสนอบอุ่น ทิ้งท้ายอัลบั้ม Clean ด้วยอารมณ์สะอาดๆ สบายๆ หลังจากที่เริ่มต้นอรุณสวัสดิ์ในแทร็กแรก เพลงนี้ก็คล้ายการกล่าวราตรีสวัสดิ์ให้เราหลับฝันพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง หรือเป็นการกล่าวคำอำลาที่บอกว่า อีกไม่ช้าเราจะกลับมาเจอกันใหม่ และช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างเราจะยังมีอีกแน่นอน

“ตอนที่อัดเพลงนี้เสร็จแล้วเราก็บังเอิญไปญี่ปุ่นพอดี แล้วก็ไปเที่ยวเกียวโต แล้วก็ไปเจอแม่น้ำคาโมกาว่าที่เราชอบ ก็นึกถึงเพลงนี้อีก ผมก็เสิร์ชคำเล่นๆ ว่า Kamogawa แล้วก็คำว่า Picnic ก็ไปเจอคลิปๆ หนึ่งในยูทูบ ซึ่งเขาถ่ายภาพเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ริมแม่น้ำ ตะโกนเรียกกันไปเรียกกันมา แล้วก็มีเสียงน้ำ เสียงเด็กเล่น ผมก็อีเมลไปขอไฟล์คลิบเขามาลองใส่เข้าไปในเพลงดู ปรากฎว่าจังหวะที่ดนตรี

หยุด มันดันเป็นจังหวะที่มีเสียงเด็กตะโกนขึ้นมา แล้วมันแทรกกลายเป็นจังหวะที่มันเข้ากันได้พอดี ซึ่งมันฟลุ้กมาก คือกลายเป็นว่าไอ้เสียงคนปิกนิคกันหรือเสียงเด็กเล่นกัน มันก็สามารถเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งในเพลงนี้ด้วย มันก็เป็นสิ่งที่แฮพเพนนิ่งขึ้นมาโดยที่เราไม่ตั้งใจ แต่ว่ามันตรงกับเจตนาที่เราอยากได้นะครับ” – บอล
13. รักนิรันดร์

เพลงเก่าของ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ที่สครับบคัฟเวอร์มาใช้ในคอนเสิร์ตถูกนำมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้งแล้วใช้ปิดอัลบั้มชุดนี้ เป็นการผสมผสานความใหม่เข้ากับความเก่า โดยที่สครับบเองก็พยายามจะทำให้เป็นเพลงที่เด็กรุ่นใหม่ฟังได้ ในขณะที่คนฟังเพลงรุ่นผู้ใหญ่ที่ยังจำเวอร์ชันของพี่ปั่นได้ ก็น่าจะรับเพลงนี้ได้เช่นกัน บางทีเพลงรักบางเพลงก็อาจเป็นเพลงสำหรับ ‘รักนิรันดร์’ ที่ไม่ว่าจะผ่านคนกี่รุ่น กี่สมัย ก็ยังฟังกันได้อย่างเพลิดเพลิน และนี่ก็คือปลายทางที่วงสครับบอยากให้บทเพลงของพวกเขาเดินทางไปให้ถึงในสักวัน

“ตอนเด็กๆ เพลงนี้ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากค่ายเพลงหลักที่เขาฮิตๆ กัน มันมีความเป็นอินดี้เล็กๆ แล้วเราก็จะชอบฟังอะไรแบบนี้ โตมาอีกหน่อยก็มี ไฮดร้า และวงคล้ายๆ แบบนี้อีก คือมันเป็นเพลงป็อปดีๆ เลยนะ แล้วเราก็ดันไปประทับใจกับเพลงป็อปอะไรที่ไม่ได้อยู่ในค่ายใหญ่มาตั้งแต่ตอนนั้นอยู่แล้ว อย่างเพลงนี้ผมรู้สึกว่ามันเหนือกาลเวลาดีฮะ พอข้ามยุคมามันก็ยังเล่นยังร้องได้ ฟังตอนเด็กก็รู้สึกแบบทำไมเราจำได้จัง มันดูอบอุ่นดี ซึ่งแน่นอนเพลงนี้ไม่ใช่เมื่อยร้องแน่นอน (หัวเราะ) ก็ถือว่าเป็นการดึงเพลงของรุ่นพี่มาเรียบเรียงใหม่ เล่นใหม่ในแบบเราครับ” – บอล

ที่มา:  BEC-Tero music
บันทึกภาพ:  BEC-Tero music
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง