Q. มาพูดถึงผลงานล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ เป็นไงมาไงถึงได้กลายมาเป็นนางเอกในหนังรักเรื่องล่าสุดที่ พี่อุ๋ย นนทรีย์ กำกับได้
T. คนติดต่อมาทางพี่ผู้จัดการค่ะพอรู้ว่าเรื่อง Timeline เอาจริงๆ ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องคือตอนนั้นมันมีข่าวนิดๆ หน่อยว่าได้น้องเจมส์มาเป็นพระเอกนะแต่เอาจริงๆ เต้ยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เต้ยก็จริงเหรอก็ดีใจแล้วจนกระทั่งเต้ยก็แอบ search ดูในเน็ตจริงๆ แล้วเต้ยไม่ได้เข้าไปดูตั้งแต่แรก คือคุณแม่บอกก่อนว่าเป็นน้องเจมส์นะ เป็นรูปพี่อุ๋ยถ่ายรูปกับน้องเจมส์ แล้วก็ผ่านไปพอพี่เขาส่งบทมาให้อ่านเต้ยก็นั่งอ่านบทจำได้ว่าตอนนั้นไปถ่ายละครอยู่ที่ต่างจังหวัดก็มีช่วงว่างพอดี ก็เลยนั่งอ่านบทอ่านไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็อ่านก็เพลินแล้วตอนท้ายๆ น้ำตาไหลพรากออกมาเองด้วยไม่ทันตั้งตัวเลยค่ะ คือเหมือนโดนแกล้ง น้ำตาไหลแล้วต้องไปถ่ายละครต่อคือมันเป็นการร้องไห้ที่อิ่มจังเลย ที่อ่านบทตอนแรกก็รับเลย จนกระทั่งพี่อุ๋ยนัดเข้าไปคุยร้านหนึ่งเจอน้องเจมส์ด้วยครั้งแรก ตอนนั้นก็ยังสงสัยจะได้เล่นจริงๆ เหรอเขาอาจจะเปลี่ยนตัวก็ได้นะอาจจะเรียกมาคุยเฉยๆ แล้วพอวันบวงสรวงค่อยรู้สึกว่าเป็นเต้ยจริงๆ แล้วแหละ
Q. ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าแค่ได้อ่านบทก็ทำให้เต้ยรู้สึกอินได้เลย บทนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวใกล้ตัวเรามั้ย
T. ก็ไม่ถึงกับใกล้สักทีเดียว คือมันเป็นบทผู้หญิงแอบชอบคนๆ หนึ่ง แต่จะก็จะเอามาปรับให้เข้ากับความที่เป็นตัวเต้ยด้วยคือแอบชอบ แต่ทำตัวเฉยๆ เต้ยก็ว่ามีความใกล้นะคะกับคาแรคเตอร์ตัวละครตัวนี้ เพราะที่ผ่านมาถ้าเป็นหนังเต้ยเล่นมา 3 เรื่อง เรื่องนี้ก็มีความใกล้เคียงถ้ากับหนังก็จะใกล้ตัวมีความมีเหตุมีผล และก็ไม่ใช่แบบเป็นคนที่แฮปปี้ตลอดเวลาคือเขาก็จะมีมุมความเป็นคนดังนั้นก็จะเข้าถึงตัวละครตัวนี้ได้ง่ายและก็รักเขา รักตัวละครตัวนี้ค่ะแต่ถ้าในละครที่เต้ยเล่นมาเหมือนกันทุกเรื่อง คาแรคเตอร์ใกล้เคียงกันตลอดทุกเรื่องเลยมันก็ไม่ค่อยมีความแตกต่างแต่ถ้าเป็นเกี่ยวกับภาพยนตร์จะไม่เหมือนกันเลยสักเรื่องค่ะ
Q. ตอนที่ได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่อง TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ ครั้งแรกอะไรเป็นความประทับใจที่เรารู้สึกได้กับบทภาพยนตร์เรื่องนี้
T. ตอนที่เต้ยอ่านเต้ยประทับใจในพาร์ทของแม่ลูกค่ะ ตรงที่เขามีปมอะไรบางอย่างด้วยกันบางทีคนเราใกล้กันมันอาจจะมองไม่เห็นแก้ไขอะไรไม่ได้ และก็ประทับใจบทจูนที่ เหมือนมาช่วยเหลือทั้งแทนและก็แม่แทนด้วย เหมือนจูนเป็นกุญแจสำคัญบางอย่าง (เหมือนกับชื่อ “จูน”) เหมือนจูนให้เข้ากัน (ซึ่งจริงๆ พี่อุ๋ยตั้งใจตั้งแต่การตั้งชื่อทุกตัวละครไมว่าจะเป็น แม่มัท (ป๊อก ปิยธิดา), แทน (เจมส์) เต้ยรู้แต่ว่าจูนเหมือนเป็นกุญแจที่ไขเรื่องต่างๆ แม้กระทั้งเรื่องของตัวเอง
Q. ในการที่จะต้องถ่ายทอดบทบาทตัวละครจูนให้มีชีวิตต้องมีการเตรียมตัวเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง
T. ก็จะต้องมีการเวิร์คช็อปกันซึ่งเต้ยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ ตั้งแต่แรกที่เราไปเวิร์คช็อปกันก็จะให้เราเหมือนละลายพฤติกรรมก่อนค่ะ แล้วเข้ามาสู่พาร์ทตัวละคร คือเราต้องมาเขียนภูมิหลังเราต้องเขียนลักษณะของเขา เพราะว่าเขาไม่ใช่เราบางทีการที่เราต้องเล่นเป็นตัวละครตัวหนึ่ง เราต้องรู้ว่าตลอดเวลา 20 ปีของจูนเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เขาเป็นคนยังไงเขามีปมชีวิตตรงไหน ถ้าเขาเจอเรื่องแบบนี้เขาจะตอบยังไงการเวิร์คช็อปเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับตัวละครค่ะ และก็การเข้าใจบทเข้าใจไดอะล็อกต่างๆ ต้องบอกก่อนว่าหนัง 2 เรื่องที่เต้ยเคยเล่นถ่ายเรียงเรื่องทั้ งหมดคืออารมณ์ก็จะต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่เรื่องนี้ถ่ายข้ามไปข้ามมาไม่ได้เรียงเรื่องอยู่ดีๆ ซีนนี้แฮปปี้มีความสุข ซีนต่อไปร้องไห้มันก็มีความยากตรงนี้ค่ะที่จะต้อง continue กับอารมณ์ความรู้สึกกับซีนกับบทของตัวละครให้ถูกต้องค่ะ”
Q. ตอนที่เริ่มต้นศึกษาทำความรู้จักและพยายามเข้าใจตัวละคร “จูน” ที่เราจะต้องถ่ายทอดเต้ย รู้สึกอย่างไรบ้างกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
T. ตอนแรกเต้ยไม่ค่อยห่วงนะคะ ตอนอ่านบทรู้สึกว่าอายุก็ไม่ค่อยได้ไกลกันมากถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ปี 1 แต่ก็ถือว่าตัวคาแรคเตอร์ไม่ไกลจากตัวเองค่ะแต่ที่ห่วงอย่างที่บอกมันจะมี ดราม่า มี mood ของการคอนทินิวท์อารมณ์ที่สำคัญมาก ถ้าเราทำตรงนี้ไม่ดี ตัวละครเราอยู่ดีๆ ถึงซีนที่ต้องเศร้า แต่ไม่เศร้าก็ไม่ได้มันคือความยากความท้าทายที่เต้ยไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับการเล่นหนัง มันทดสอบความสามารถทางด้านการแสดงจริงๆ ค่ะ เพราะเต้ยตั้งใจที่จะเรียนรู้กับคนๆ นี้เป็นพิเศษ และเต้ยก็จะรักตัวละครตัวนี้ถ้าเกิดเป็นเรื่องแรกก็อาจจะไม่ค่อยรักเขามากขนาดนี้
Q. สำหรับบทจูนในภาพยนตร์เรื่อง TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ ถือได้ว่าบทนี้เป็นบทที่ท้าทายความสามารถของตัวเองมากน้อยแค่ไหนอย่างไรบ้าง
T. จริงๆ การใกล้ตัวเองแล้วเล่นยังไงไม่ซ้ำกับที่มันเคยเป็นมาค่ะเต้ยว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทาย และก็ยิ่งบทจูนนี่จริงๆ แล้วเขามีหลายอารมณ์ เขาก็เป็นคนที่สดใสร่าเริง แต่จากการที่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยคาดหวังอะไรเท่าไหร่ และมีความคาดหวังบางอย่าง ต้องรับมือกับความคาดหวัง อาจจะไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง มีผิดหวัง มีเสียใจบ้าง เหมือนกับว่าไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ แล้วก็มีซีนที่ต้องเล่นคนเดียว เต้ยว่ามันต้องอาศัยเรื่องที่อยู่ในสมองเราค่ะ เต้ยรู้สึกว่าเต้ยรักจูน อินกับจูนดังนั้นเวลาสมมติว่าอยู่คนเดียวอ่านข้อความ มันก็จะมีเรื่องให้เราคิดได้เรื่อยๆ ค่ะ หรือสมมติพิมพ์หาแทนก็จะคิดไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะหนูจิตนาการหนูเพ้อเจ้อมั่ง (หัวเราะ) คิดว่าจูนกับแทนต้องเคยทำอย่างนี้ด้วยกันนะมันก็จะมีแบบยิ้มๆ แต่เขาใกล้นะแต่ไกลจังเลยเลยรู้สึกเศร้าก็เล่นไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่เรารู้สึกตามตัวละครที่เรารู้สึก
Q. คงต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าบุคลิกบทบาทและคาแรคเตอร์จูนของเต้ยเป็นอย่างไรบ้าง
T. จูนเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีความสุขได้ด้วยเรื่องอะไรค่ะ เป็นคนที่จัดการกับความสุขความทุกข์ได้ค่อนข้างดีมากๆ เลย และก็เป็นผู้หญิงที่ลุยๆ ไปไหนไปกัน อยากจะไปดูคอนเสิร์ตก็ไปเลยไม่ต้องรอใคร จูนเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ก็เข้าใจปล่อยให้จูนมีชีวิตที่มีความสุขของตัวเอง จนกระทั่งมาเจอแทน เป็นคนๆ หนึ่งที่จูนห่วงเหลือเกินผู้ชายคนนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขามาจากต่างจังหวัดไม่รู้อะไรเลย คือชอบที่เขาเป็นคนสบายๆ ง่ายๆ เป็นคนที่จิตใจดี ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์กับแทนจูนกับแทนเป็นเพื่อนกันค่ะจูนเหมือนค่อยเป็นห่วงเป็นใยเวลาอยู่ด้วยกัน จูนจะเป็นผู้นำค่ะ แม้แต่กระทั่งแทนมีความฝันอะไรอย่างที่บอก จูนก็ไปเป็นห่วงคนๆ นี้อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ อยากให้เขาทำตามความฝันในสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขาเป็นจริงๆ มันก็มีความสุข ในขณะเดียวกันแทนเองก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับจูน เหมือนสองคนนี้เขาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันค่ะ ให้จูนลุกขึ้นมาทำอะไรหลายๆ อย่างที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำค่ะ
Q. คิดว่าเสน่ห์ของตัวละครตัวนี้อยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
T. เต้ยชอบจูนตรงที่ไม่ต้องห่วงอะไรมากค่ะ เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจัดการความสุขของตัวเองได้ดีค่ะ อะไรที่เป็นความทุกข์เขาก็พยายามเข้าใจมัน แล้วก็ออกจากมัน และเสน่ห์ตรงที่เป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้เต้ยชอบแบบนี้ด้วย เต้ยว่าจูนอยู่บนโลกใบนี้ก็เพราะต้องมาทำอะไรกับเรื่องแบบนี้ เขามีความสุขกับชีวิตของเขา แต่จริงๆ แล้ว จูนเป็นคนที่ขาดความรักเหมือนกัน ชอบอยู่คนเดียวแล้วก็ขาดตรงนี้เหมือนกันเลยเข้าใจในความรู้สึกของแทน เหมือนจูนเป็นคนที่ขาดแต่ชอบที่จะเติมเต็มให้กับคนอื่นทำให้คนที่เขารักคนที่เขาห่วงใยมีความสุขได้นั้นก็คือความสุขของจูนแล้ว ถ้าถามว่าเสน่ห์คู่ของเต้ยที่เล่นเป็นจูนกับแทนที่เจมส์เล่นเสน่ห์ของคู่นี้อยู่ตรงที่ต่างคนต่างเติมเต็มให้กันโดยที่ไม่รู้ตัว จูนคิดว่าความสัมพันธ์แบบคู่รักคงไม่มีหรอกในโลกนี้เขาก็ใช้ชีวิตแบบแฮปปี้ของเขาไป อยู่ดีๆวันหนึ่งจูนมีความรู้สึกชอบใครบางคนขึ้นมาก็เป็นการเติมเต็มในส่วนที่จูนก็คงต้องการจริงๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆ ทุกคนแหละที่ชอบให้ใครสักคนหนึ่งอยู่รอบๆ ตัวเราอยู่แล้ว
Q. เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังรักที่เรามักได้พบเห็นกันคือการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของตัวละครโดยมักมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยที่ผูกโยงกันให้คนรู้สึกและสัมผัสกับตัวละครได้แล้วสำหรับ TIMELINE ละ
T. สัญลักษณ์ของแทนกับจูนคือจักรยานค่ะ คือแทนกับจูน เป็นคนที่ชอบขี่จักรยาน ไปไหนก็คือขี่จักรยานไปด้วยกันเวลามีความสุขก็มีความสุขด้วยกันเหมือนเป็นเพื่อนขี่จักรยานแบบนี้ค่ะ แต่จริงๆ แล้วในภาพยนตร์ก็จะมีความสัมพันธ์หลายๆ อย่างหรือสัญลักษณ์หลายๆ อย่างที่เชื่อมกันระหว่างแทนกับจูน และระหว่างตัวละครทุกๆ ตัวในเรื่องนี้ด้วย ต้นบ๊วยเป็นสัญลักษณ์บางอย่างของเรื่องนี้มันเหมือนเป็นการส่งต่อความทรงจำบางอย่างที่ส่งมาเป็นทอดๆ แล้วก็ ผัดฟักแม้ วอาหารที่พ่อของแทน ทำให้แม่ของแทนกิน แม่ของแทนก็ทำให้แทนทานซึ่ งมันก็เลยเหมือนเป็นแรงบันดาลใจต่างๆ ทำให้คนที่เรารู้สึกดีด้วย รู้สึกชอบก็มันก็ต่อๆ กันมา แล้วก็จะมีอีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญมากระหว่างจูนกับแทน เป็นสุนัขตัวหนึ่งที่จูนกับแทนเจอพร้อมๆ กันและก็จูนได้เห็นความน่ารักของแทนที่ไปช่วยไอ้เจ้ากระป๋องนี่ค่ะ”
Q. TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
T. เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่ลูกคู่หนึ่งเป็นพี่ป๊อกกับน้องเจมส์ ตั้งแต่เด็กๆ เลยถึงได้ชื่อว่าแทน เหมือนกับแม่วางกรอบให้เดินแล้วเรียบร้อยว่าอยากให้เป็นแบบนี้ จนวันหนึ่งตัวแทนก็คงทนไม่ไหวก็อยากมีชีวิตของเขา และก็ได้มาอยู่กรุงเทพได้เจอกับจูนสองคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ จูนได้เห็นมุมมองความน่ารักความธรรมชาติ ความมีเสน่ห์บางอย่างที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรของแทนจริงๆ แล้วจูนแอบชอบแทนก็อยากที่จะรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นก็เลยพยายามเข้าไปในชีวิตของผู้ชายคนนี้เมื่อเข้าไปแล้วก็รู้สึกดีเหลือเกินได้ทำอะไรในสิ่งที่จูนไม่เคยทำสุดท้ายแล้วทั้ง3ตัวละครแทนเขาจะเดินทางไปตามจุดมุ่งหมายหรือความฝันเขายังไง แล้วจูนละจะเป็นอย่างไรแม่ของแทนที่ยึดอยู่กับความทรงจำเก่าๆ สุดท้ายจะเป็นอย่างไรโดยเรื่องราวทั้งหมดก็จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้คนในยุคนี้ทั้ง Line, Timeline Facebook หรืออะไรต่างๆ
Q. ร่วมงานกับพระเอกหนุ่มซูปเปอร์สตาร์สุดฮอตของเมืองไทยอย่างเจมส์ จิรายุเป็นอย่างไรบ้าง
T. ตอนแรกเต้ยก็ไม่รู้ว่าน้องเจมส์จะเป็นคนยังไงค่ะ แต่ครั้งแรกที่เจอเขาก็น่ารักมากเลย เขาเป็นคนที่ร่วมงานด้วยง่ายมากเลยแล้วพอยิ่งมาทำงานด้วยกันมาถ่ายหนังด้วยกันเจอกันบ่อยๆ เล่นเป็นตัวแทนกับจูนก็ยิ่งทำให้อินไปกับตัวละครพอเจอน้องเจมส์คือมันจะแยกกันค่ะสมมติเต้ยกับน้องเจมส์ในแทนกับจูนน้องเจมส์เป็นแทนมากๆ เลยสำหรับเต้ย เต้ยก็จะอินมากคนนี้คือคนที่เราชอบคนนี้คือคนที่เราอยากทำอะไรให้คนนี้คือคนที่เรารู้สึกที่ไม่รู้ทำไมถึงเป็นคนนี้อย่างที่บอกแต่ถ้าเป็นพาร์ทเต้ยกับน้องเจมส์ในการเป็นเพื่อนร่วมงานก็จะรู้สึกน้องน่ารักมาเหมือนลูกลิงคือจะเป็นคนที่ไม่อยู่สุขจะเป็นคนที่สร้างสีสันให้กับที่กองตลอดเลยค่ะ
Q. ในการทำงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงหญิงคุณภาพอย่างพี่ป๊อก ปิยธิดาด้วย
T. พี่ป๊อกก็เป็นไอดอลเต้ยเหมือนกันค่ะ เต้ยชอบในการแสดงของพี่ป๊อกอยู่แล้ว พี่ป๊อกเป็นคนที่เก่ง และก็เป็นนักแสดงที่ดีมากๆ เลยค่ะ ในเรื่องนี้เต้ยมีโอกาสได้ร่วมซีนกับพี่ป๊อกน้อย ซีนที่ได้เจอกันได้ร่วมฉากด้วยกันก็เหมือนกับว่าสุดยอดมากเลยค่ะ คือเขาแค่เล่าเรื่องอะไรบางอย่างมาเราก็รู้สึกได้ว่าข้างในเขามีอะไรเต็มไปหมดเลยพอเขาเล่าเรื่องมาเท่านั้นเราก็อยู่ดีๆ ร้องไห้ตามเขาไปเลย
Q. มาจนถึงผู้กำกับระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่างพี่อุ๋ย นนทรีย์
T. เต้ยรู้สึกแบบว่านี่คือคนที่เคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ จะรู้สึกเกร็งๆ พอมาเจอจริงๆ แล้วพี่อุ๋ยไม่ดุเลย เป็นคนที่ทำงานด้วยแล้วสนุกค่ะ เหมือนกับว่างานนี่ไม่ใช่เป็นงานของเขาแค่คนเดียว เป็นคนที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมาสนุกกันในเรื่องๆ นี้ ดังนั้นเวลาที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สำเร็จออกมา เรื่องนี้จะไม่ใช่หนังของอุ๋ย นนทรีย์อย่างเดียวค่ะ แต่เป็นหนังของทุกๆ คนที่ได้มาร่วมช่วยกันทำ พี่อุ๋ยจะให้พื้นที่ในการแชร์ว่ารู้สึกยังไงบ้างคิดเขาค่อนข้างจะให้อิสระการเป็นตัวละคร อีกเรื่องหนึ่งพี่อุ๋ยเป็นคนทำงานเร็วมากสำหรับเต้ย เต้ยเคยเจอผู้กำกับแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าการเป็น professional ต้องเตรียมงานมาจากบ้านจริงๆ เราต้องทำการบ้านมาอย่างดีค่ะ พี่อุ๋ยจะไม่ได้ให้เรามาหลายๆ ครั้งค่ะ ถ้าเกิดเขาแฮปปี้เขาโอเคแล้วเขาก็เอาเลย เต้ยว่าพี่อุ๋ยเป็นคนที่มุมของความโรแมนติกค่ะ มีความละเอียดอ่อนในเรื่องของความคิด ความรู้สึกซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็สามารถบอกหรือสะท้อนในความเป็นตัวตนของพี่อุ๋ย ได้ส่งผลมาถึงตัวหนังนะค่ะเขาก็เอามาใส่อย่างในเรื่องของจักรยานพี่อุ๋ยก็เอามาใส่ซึ่งพี่อุ๋ยชอบมากก็เอามาใส่ในหนังเรื่องนี้เต้ยว่าหลายๆ เรื่องในเรื่องนี้ก็อาจจะมาจากตัวพี่อุ๋ยเองก็ได้นะแต่ก็จำได้ว่า 2499 ก็ไม่ใช่หนังรักแต่ว่าภาพยนตร์เรื่อง Timeline เป็นหนังรักเป็นหนังที่เกี่ยวกับเรื่องของความรักไม่ใช่ความรักแบบชู้สาวแต่เป็นความรักทั่วๆ ไปในโลกนี้ค่ะพี่อุ๋ยก็ทำออกมาได้ดีแล้วก็ไม่ประดิษฐ์คือเล่าออกมาอย่างตรงไปตรงมาเต้ยว่าทำได้ดีนะค่ะ”
Q. เป็นหนังรักที่มีการเดินทางไปถ่ายทำในหลากหลายโลเกชั่นมากถึงขึ้นเขาทะเลโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครจูนที่เต้ยได้รับทำให้ได้มีโอกาสไปถ่ายทำในทุกๆ โลเกชั่นเลยทีเดียว
T. ในภาพยนตร์ตัวจูนเป็นคนชอบเที่ยวค่ะจูนก็เลยได้ไปทุกที่เลยทั้งที่ญี่ปุ่นซึ่งไม่มีใครได้ไป (หัวเราะ) ซึ่งการเดินทางไปในแต่ละที่ก็จะมีความยากง่ายแตกต่างกันไป ถามว่าลำบากไหมเต้ยว่ามันไม่ลำบากเต้ยว่ามันสนุกมากกว่าแล้วก็ได้แอบคุยกับน้องเจมส์ด้วยน้องเจมส์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากเหมือนได้ไปพักผ่อนคือเราไปถ่ายหนังค่ะแต่มันไม่เหนื่อยเหมือนเป็นการไปสนุกไปเล่นเพราะเราไปเกาะสีชังเต้ยก็ไม่เคยไปมาก่อนและมันก็ไม่ได้มีซีนเต้ยตลอดเต้ยก็ไปนั่งชิวๆ ประมาณนั้นคือหนังที่เราถ่ายขี่จักรยานเล่นชมเมืองเราก็ได้ขี่จักรยานเล่นชมเมืองไปกับตัวละครด้วยทำให้เราไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือยากลำบากอะไรค่ะและก็มีไปเชียงใหม่ไปอ่างขางและก็ไปสะเมิงก็ไม่เหนื่อยนะค่ะก็สนุกดีแต่ในเรื่องก็คือจูนไปเที่ยวมันก็เลยไม่ได้มีซีนที่ต้องอยู่ที่นั้นเยอะเต้ยก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยจังเลยในความรู้สึกของเต้ยนะเต้ยว่ามันสนุกมากกว่า
Q.จุดขายส่วนใหญ่ในหนังรักนอกจากพระเอกนางเอกและเรื่องราวที่แสนโรแมนติคแล้วต้องมีเพลงเพราะภาพสวย TIMELINE เองเข้าข่ายดังกล่าวด้วยไหม
T. ต้องบอกอย่างนี้ค่ะในภาพว่าสวยแล้วของจริงยิ่งสวยกว่าค่ะ ยิ่งไร่ต้นบ๋วยที่เต้ยไปมานี่มันเขียวไปหมดเลยและให้บรรยากาศที่โรแมนติกมากมีความสุขรู้สึกสบายเกาะสีชังก็เป็นทะเลที่ไปง่ายๆ อาจจะไม่ได้สวยมากขนาดนั้นแต่ก็ไปเที่ยวได้แบบสนุกๆ อย่างที่บอกค่ะว่าไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นการสนองความต้องการของพี่อุ๋ยทั้งหมดก็ได้ค่ะ (หัวเราะ) มันจะมีสถานที่เก่าๆ คลาสสิคที่พี่อุ๋ยให้ตัวละครแทนกับจูนไปขี่จักรยานด้วยกัน มันก็ได้เห็นเสน่ห์ของกรุงเทพอีกแบบหนึ่งเรื่องนี้จะได้เห็นเสน่ห์ของกรุงเทพทั้งแบบเก่าและแบบใหม่และเชียงใหม่แบบโรแมนติก และเกาะสีชังที่ไปเที่ยวแบบสนุกๆ แบบพักผ่อน”
Q.คิดว่าเสน่ห์ของหนังรักเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
T. มันเป็นเรื่องราวที่ใกล้ชิดกับปัจจุบันมากๆ ในแง่มุมของแม่ลูกบางทีลูกๆก็อาจจะลืมความสำคัญของคนที่อยู่ข้างหลังเราไปทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาอยู่กับเราตลอดเวลามันใกล้เคียงมากกับแม่ลูกแล้วก็เรื่องเกี่ยวกับ social network ด้วย มันก็น่าจะเป็นอะไรที่คนดูเข้าใจมันได้ง่าย เต้ยคิดว่าคนดูต้องได้อะไรกลับไปแน่ๆ ประสบการณ์ร่วมที่ต่างคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะได้เรื่องพ่อแม่ บางคนอาจะได้เรื่องเกี่ยวกับเพื่อน บางคนอาจะได้เรื่องเกี่ยวกับความฝันมันเป็นชีวิตดี เสน่ห์ของ TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องนี้เกี่ยวกับ 3 เรื่องคือความรัก ความฝัน ความทรงจำ ความรักในเรื่องนี้เขาจะพูดเกี่ยวกับว่าความรักที่มากเกินไป และน้อยเกินไป อาจจะไปทำร้ายใครบางคนทำลายอะไรบางอย่าง มันก็เป็นเรื่องที่ใกล้กับชีวิตคน เป็นเรื่องการตามหาความฝันของแทน ของแม่แทน และก็ของจูนด้วย เป็นการตามหาความฝันที่เจอแล้วกับยังไม่เจอก็จะได้ดูตรงนี้ด้วย เต้ยเชื่อว่าคนที่ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้วก็จะยิ่งมุ่งตรงไปสู่จุดหมายคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรกลับไปนั่งทบทวนกับตัวเองว่าจริงๆ แล้วชอบอะไรกันแน่ความทรงจำในเรื่องนี้เป็นการกำเนิดเรื่องทั้งหมดให้เกิดขึ้นมา ทั้งความทรงจำที่ดี และความทรงจำที่ไม่ดีในเรื่องนี้จะเป็นความทรงจำที่ฝังมาจากในอดีต ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคน แต่ละตัวละครนั้นจะเอาความทรงจำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข หรือมีความทุกข์กับความทรงจำเหล่านั้นกันแน่
Q.ที่บอกว่าในภาพยนตร์จะต้องมีการขี่จักรยานด้วยแล้วเต้ยจรินทร์พรกับจักรยานสนิทสนมกันมากน้อยขนาดไหนอย่างไร
T. ในชีวิตจริงไม่ค่อยได้ขี่จักรยานเท่าไหร่ พอมาถ่ายเรื่องนี้ทำให้ได้เห็นเสน่ห์ของจักรยานมากขึ้น มันเป็นอะไรที่สนุก และสบายยิ่งช่วงนี้อากาสเย็น ก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่เลย และประกอบกับหนังเรื่องนี้ต้องขี่จักรยานตลอด จูนต้องเป็นคนที่รักจักรยาน แทนก็ชอบเหมือนกันมั นก็เลยเหมือนเป็นเรื่องที่เขาคุยกันได้จักรยานแต่ละคันที่ใช้ในเรื่องนี้ก็ไม่เบา ในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีการใช้สแตนอินแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการขี่ลงเขาเองมันจะเป็นแบบทางลาดมากเลย เวลาลงเขาเต้ยก็ไม่เคยขี่จักรยานลงเขามาก่อน ก็มีทีมงานทุกคนจะช่วยเซฟ ถามว่ายากมั้ยก็ไม่ยากค่ะ แต่มันมีความกลัวในการขี่จักรยานลงเขา มันมีความกลัวตั้งต้นแต่เมื่อไหร่ที่เราเอาชนะความกลัวได้ มันก็สนุกแล้วค่ะ
Q. ท้ายนี้แล้วอยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆ กับภาพยนตร์รักโรแมนติคเต็มๆ ตัวของเต้ยจรินทร์พรที่คิดว่าทุกคนรอชมกันมากที่สุด TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ
T. เต้ยรู้สึกแฮปปี้มากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ เต้ยรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ พูดได้เต็มปากเลยว่ามาดูกันนะอยากให้ดูจริงๆ เพราะว่าดูแล้วน่าจะอิ่มค่ะ เต้ยอ่านบทเต้ยก็รู้สึกอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ มันก็ไม่ได้เศร้านะเหมือนมันอิ่มใจแล้วมันก็ร้องไห้ยิ้มทั้งน้ำตา มีความสุขในการแสดงด้วยการที่เล่นเป็นตัวละครตัวนี้ด้วยถ่ายทอดออกมายังไงและก็มีความสุขกับกองภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยค่ะไปทำงานทุกครั้งมีความสุขทุกครั้งเหมือนไปพักผ่อนเหมือนไปเล่นกันแฮปปี้ เต้ยว่า TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ เป็นหนังของคน พ.ศ. นี้ค่ะหลายคนอาจจะคิดว่าหนังรักอะไร มันจะเลี่ยนหรือเปล่ามันจะเป็นหนังรักอะไรยังไงอย่างนี้เต้ยคิดว่าอย่าเพิ่งคาดหวังอะไรกับหนังรักที่คิดว่ามันมีความโรงแมนติกสูงมากความรักมันมีได้หลายแบบในโลกนี้ รักพ่อแม่รักการทำงานรักอะไรก็ตามแต่เชื่อว่าหนังรักเรื่องนี้จะอยู่ในใจคนไทยไปได้แน่นอนค่ะเพราะมันเป็นหนังรักที่ค่อนข้างเข้ากับยุคสมัยที่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ค่ะไม่ไกลตัวแน่นอนคือดูแล้วยังไงก็เข้าใจอยู่แล้วค่ะ 13 ก.พ. นี้นะคะ
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์มฯ