การกลับมาของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี” เรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย เข้มข้นทั้งแอ็คชั่นกับภาพฉากศึกสงคราม เรื่องราวของภาพเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์สำคัญ ไปจนถึงการปะทะบทบาทเชือดเฉือนในทางอารมณ์ความรู้สึกของทุกตัวละค ทั้งในฝั่งอโยธยาและหงสาวดี ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงกำกับ และร้อยเรียงเรื่องราว ให้ตรึงผู้ชมตั้งแต่ต้นเรื่อง ก่อนที่จะไปฟินกันสุดๆ ในฉากไคลแม็กซ์ที่เป็นหัวใจของภาพยนตร์นั่นคือ “ยุทธหัตถี” มหาศึกแห่งแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกหนึ่งฉากสงคราม ที่ได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อพระเจ้านันทบุเรง ทรงคุมทัพหลวงไล่เกณฑ์ไพร่พลพม่าเรือนแสน บุกประชิดขอบประตูเมืองหมายบดขยี้อยุธยาด้วยพระองค์เอง
สิ่งที่ท่านมุ้ยทรงตั้งใจนำเสนอ เฉพาะฉากนี้ฉากเดียวที่สืบเนื่องให้เห็น เฉพาะช่วงปลายศึกนันทบุเรง ทรงถ่ายทำเกือบครึ่งปี เป็นฉากสงครามใหญ่ที่ให้เห็นถึงศักยภาพในการรบ รวมไปถึงยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกระดมมาใช้ หมายพิชิตศึกในครั้งนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเจ้านันทบุเรง โดยท่านมุ้ยเลือกการใช้ “ไฟ” ในการนำเสนอผ่านภาพของเพลิงสงคราม ที่เต็มไปด้วยความสูญเสียได้อย่างสมจริง และยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดในเบื้องหลังการถ่ายทำ โดยทีมนักแสดงซึ่งประกอบไปด้วย ต้น-จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ (พระเจ้านันทบุเรง), ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม (พระมหาอุปราชา), หนึ่ง-ชลัฏ ณ สงขลา (มังจาปะโร) เรียกได้ว่าทุ่มเท และเสี่ยงชีวิตในการถ่ายทำกันเลยทีเดียว โดยเป็นฉากสำคัญๆ ที่นักแสดงทั้งฝั่งไทย และพม่าทุกคนล้วนเข้าฉากหมด ซึ่งตั๊ก นภัสกร ได้เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังในการถ่ายทำฉากนี้
“ศึกนันทบุเรงในทางประวัติศาสตร์ ได้รับการบันทึกว่าเป็นศึกสำคัญ ไม่แพ้ศึกที่พระเจ้าบุเรงนองเคยยกมา เบื้องหลังการถ่ายทำก็ต้องบอกว่าเซ็ทกันหฤโหดพอสมควร ทั้งควัน และไฟ เพราะนันทบุเรงโดนไฟลวก ซึ่งเป็นจุดพลิกผันอีกฉากหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของมหาอุปราชต้องเปลี่ยน มันเป็นฉากรบที่ฝั่งกรุงศรียิงปืนใหญ่เข้ามา นันทบุเรง-พระบิดาต้องพระแสงปืนใหญ่ ทำให้ไฟลุกท่วมตัว จำได้ว่าตอนที่ถ่ายทำต้องวิ่งเข้าไปอุ้มพระบิดาบนเชิงเทิน ก็ทุลักทุเลกันแล้วยังต้องวิ่งผ่านไฟตามเต็นท์ต่างๆ ในค่ายอีก อันนั้นร้อนจริงนะครับ มีบางสะเก็ดไฟกระเด็นมาโดนพวกเราจริงๆ ด้วย อย่างหนึ่ง-ชลัฏที่วิ่งตามหลังมาเสื้อไหม้เลย ต้องไปดับกันนอกฉาก..สุดยอด ทั้งไฟปะทุ ทั้งอากาศร้อนสุด แค่วิ่งผ่านเฉยๆ ก็ระอุมากแล้ว ยังต้องวิ่งโดยมีพระบิดาถูกห่ออยู่ในเสื่อที่เราอุ้มกันไว้หกคน ก็วิ่งพร้อมกันสุดชีวิต“ตอนถ่ายทำไฟไหม้จริงๆ แล้วไฟแรงมาก ในขณะที่กล้องอยู่ในนั้น ทีมงานหิ้วกล้องหนีออกมาได้ แต่ต้องยอมปล่อยให้เครนไหม้ไป แต่ท่านมุ้ยก็ไม่ได้ปล่อยให้โอกาสนั้นเสียไป ทรงตั้งกล้องถ่ายเลย ถ่ายไฟที่มันลุกหอคอยอยู่ เพราะฉะนั้นภาพที่เราเห็นในหนังนั้นมันเป็นไฟไหม้จริง”
ขณะที่ ต้น จักรกฤษณ์ ที่ต้องเข้าฉากท่ามกลางความร้อนระอุของเปลวเพลิง ได้กล่าวชื่นชมถึง ตั๊ก นภัสกร ที่รับบทเป็นพระมหาอุปราชา ซึ่งต้องเผชิญกับหลากหลายอุปสรรค ที่พร้อมจะทำลายสมาธิทางการแสดงในฉากนี้ แต่กลับสวมบทบาทและถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ
“ตอนที่ผมโดนไฟไหม้ ไม้หล่นทับไฟลุกท่วม ตั๊ก, หนึ่ง เขาก็จะมาช่วยกันยกตั๊กเขาก็จะพ่อๆ!!! โดยวิธีเราทำงาน มันเยอะมา กเรามีหลายช็อตหลายคัท แล้วเราต้องแบกน้ำหนักเสื้อเกราะที่ใส่ ในฉากมีไฟไหม้มีบรรดากองทหารแล้วไหนจะเหงื่อไคล ตั๊กกับไพร่พลเขาก็จะวิ่งมา เฮ้ยพ่อๆ ถ้าหากสมมุติตัวละครตั๊ก ตัวผมไม่ได้คิดว่า นี้พ่อนี่ลูก โอ้โหทำยากนะแล้วเวลาที่เกิดขึ้นในการถ่ายทำ มันจะมารอบิ้วไม่ได้ เพราะหนังเล่นเป็นคัททุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ผมถึงกล้าบอกว่าตั๊กสุดยอดในการสื่อสาร มันต้องชัดมากพอในเวลาตัดต่อจริงมันอาจจะเหลือโมเมนท์นี้เพียงแค่วินาที เพราะฉะนั้นในเวลาที่สั้นมากๆ 1-2-3 ประโยคมันต้องสื่อสารให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเลย ว่าเป็นห่วงพ่อยังไง ตัวละครตั๊กจะค่อนข้างต่างกับนันทบุเรง จะเป็นลูกที่รักพ่อและพยายามที่จะทำให้พ่อถูกใจ ถึงแม้ว่าจะมีความน้อยใจที่โดนพ่อต่อว่าเสมอ”
เข้มข้นขนาดนี้ 29 พ.ค. ประจักษ์ทุกสายตาด้วยตัวคุณเองกับมหาศึกที่คนไทยรักชาติทุกคนรอคอย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี”
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์ม