“From Vegas to Macau โคตรเซียนมาเก๊าเขย่าเวกัส”

แชร์ข่าวนี้

เรื่องย่อ

นักพนันอันเลื่องชื่อนามว่า “เคน” (โจวเหวินฟะ) ได้เดินทางกลับมาจากลาสเวกัส หลังจากการทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาให้กับระบบรักษาความปลอดภัยของคาสิโนในลาสเวกัส ลูกศิษย์ต่างยินดีและจัดงานต้อนรับการกลับมาของเคน  ในขณะเดียวกัน “คูล” (เซี๊ยะถิงฟง) สุดยอดมือแฮกเกอร์ ที่ต้องการสานต่อตำนานอันเลื่องชื่อของเคน จึงเสนอตัวเองเป็นลูกศิษย์เคน  แต่เคนไม่คิดที่จะรับใครเป็นลูกศิษย์ง่ายๆ เคนได้เสนอคูลว่า ถ้าหากคูลสามารถโกงเขาได้และชนะได้เพียงแค่ครั้งเดียว เคนถึงจะยอมรับคูลเป็นลูกศิษย์

เกี่ยวกับงานสร้าง

ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายปีก่อนภาพยนตร์อย่าง God of Gamblers (คนตัดคน) ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์กระแสหลักของเกาะฮ่องกง ภาพยนตร์เรื่องนั้นได้ยกมาตราฐานและรสนิยมของผู้ดูหนังไม่ใช่เพียงแค่ฮ่องกงเท่านั้น    แต่ส่งผลกระทบไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านและแถบเอเซีย  จนกลายมาเป็นภาพยนตร์กระแสใหม่ ทำให้มีภาพยนตร์ภาคต่อและหนังที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อ และ การพนันเกิดขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน นักแสดงโด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โจวเหวินฟะ หลิวเต๋อหัว รวมไปถึง โจวซิงฉือ

ผู้ที่ก่อร่างสร้างภาพยนตร์แนวนี้ให้กลายมาเป็นกระแส คือ  ผู้กำกับที่ชื่อว่า หวังจิง ที่ฝากผลงานอย่าง “คนตัดคน” โดยมีนักแสดงที่ได้กลายมาเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่าง โจวเหวินฟะ และ หลิวเต๋อหัว ร่วมทัพ และได้เกิดตัวละครเซียนไพ่อันเลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้อย่าง “เกาจิ้ง” เซียนนักตัดไพ่ที่หาตัวจับยาก จนได้มีภาคต่อหลายภาคและมันก็ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เมื่อผ่านยุคสมัยหนึ่งไป   ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันได้เริ่มลดความนิยมลง หวัง จิง ก็ได้หันหน้าไปทำภาพยนตร์แนวอื่นและรอวันที่เขาจะได้สร้างภาพยนตร์ในแนวที่เขารักอีกครั้ง

ในช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Tycoon (เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย) ซึ่งเป็นการทั้งสองได้มาทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่าง โจวเหวินฟะและหวังจิง  ในช่วงเวลาที่พักก่อนและทานข้าวกันอยู่นั้น พวกเขาก็รำลึกความหลังและโจวเหวินฟะก็พูดมาประโยคหนึ่ง “ผมคิดถึงช่วงเวลาเกาจิ้ง” ประโยคนั้นเองที่ทำให้ หวังจิง เริ่มกลับมาทบทวนภาพยนตร์ “คนตัดคน” อีกครั้ง เขายอมรับว่าในช่วงที่เขากำกับอยู่นั้น คำพูดของของโจวเหวินฟะ ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากที่จะไปทำหนังเซียนตัดไพ่อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อภาพยนตร์เรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ได้ปิดกล้องลง เขาเริ่มลงมือเขียนบทหนังใหม่ของเขาทันที โดยที่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า โจวเหวินฟะ จะยอมมากลับมารับบท “เกาจิ้ง” ได้หรือไม่

ดังนั้นเมื่อบทหนังที่เขาเขียนขึ้นมาเสร็จนั้นอาจจะมี  หรืออาจจะไม่มีโจวเหวินฟะกลับมารับบทหรือไม่ เพราะเขาได้สร้างตัวละครชื่อใหม่แต่ลักษณะนิสัย ความเก่งกาจเหมือนกับเกาจิ้งทุกประการ โดยเขาได้เปิดให้ทุกคนตั้งคำถามว่าสรุปแล้ว ตัวละครที่เล่าเรื่องนั้นใช่เกาจิ้งหรือไม่   ส่วนนี้จึงได้กลายมาเป็นจุดเด็ดในการขายของเขา   เพราะมันสามารถดึงฐานแฟนเก่าของเกาจิ้งให้กลับมาดูได้ และยังสามารถดึงคนดูหนังกลุ่มใหม่ที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยชมผลงานอย่างหนังเซียนตัดไพ่ให้ดูสนุกได้ไอเดียแรกที่หวังจิง คิดไว้คือ “เซียนไพ่ที่ต้องการหาคนมาสานต่อตำนาน” เขาจึงได้เริ่มที่การสร้างตัวละครตัวใหม่ที่จะมาเป็นลูกศิษย์ ตัวละครนั้นจะต้องเก่งกาจไม่แพ้กันหรืออาจจะเก่งในเรื่องบางเรื่อง หรือมีความพิเศษอะไรบางอย่างในตัวละครเพื่อที่จะมาทำให้คนดูหลงรักและได้กลายมาเป็นผู้สืบทอดตำนานคนใหม่ หวังจิง ไม่ได้ใช้เวลามากนักในการเลือกนักแสดงที่พิเศษคนนั้น และเขาก็มั่นใจมากว่านี่คือนักแสดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถและสามารถสืบทอดตำนานบทนี้ต่อไปได้นั่นก็คือ”เซี๊ยะถิงฟง” เขามีความหล่อ เท่ และโด่งดังมาก “ผมเห็นบางอย่างในตัวเขาที่มีความคล้ายกับโจวเหวินฟะ” หวังจิง กล่าว และเมื่อทางทีมงานได้ติดต่อไปเซี๊ยะถิงฟง และเมื่อเขาได้อ่านบทหนังเรื่องนี้จบ เขาแทบจะตอบรับในทันที

เมื่อบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว สิ่งถัดไปที่ทีมงานต้องทำคือการหานักแสดง นักแสดงคนถัดไปที่ได้   คือ ฟิลลิป อิง (Philip Ng)   ที่จะมารับบท ลีโอเนล ญาติของ คูล ที่จะมาเป็นตัวประสานเรื่องราวและที่สำคัญเขาเล่นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ฉะนั้นฉากแอคชั่นที่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว จำต้องใช้นักแสดงที่มีความรู้ ความสามารถในด้านศิลปะการป้องกันตัว และในช่วงนั้นเองที่ทีมงานและผู้กำกับ หวังจิง ได้พบกับนักแสดงหน้าใหม่อย่าง ฟิลลิป อิง ในตอนนั้นเขากำลังจะเล่นในภาพยนตร์เรื่อง Once Upon a Time in Shanghai ที่หวังจิงเขียนบท ทั้งคู่จึงได้ร่วมงานกันอีกครั้ง

แต่ความท้าทายทีมงานมากที่สุดคือการที่เขาจะทำอย่างไรให้ โจวเหวินฟะ กลับมาร่วมงานอีกครั้ง  เพราะเขาเคยปฏิเสธหวังจิงไปเมื่อหลายปีก่อน สาเหตุมาจากที่เขาติดถ่ายทำให้กับภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง และบทมีแต่ความซ้ำซาก แต่เมื่อเขาได้อ่านบทร่างนี้เขาเห็นถึงความตั้งใจของหวังจิง  “ผมสนุกกับมันมากๆ”  โจวเหวินฟะกล่าวหลังจาก อ่านบทจบ “ในบทนี้ผมจะได้ทำอะไรหลายๆอย่าง บางทีผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำได้ด้วยซ้ำ แต่มันทำให้ผมอยากลองดูอีกสักครั้ง” และในที่สุดนักแสดงระดับคุณภาพและมีชื่อเสียงได้รวมตัวกันอย่างคับคั่งจนทำให้โปรเจคต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กลายมาเป็นที่สนใจในเวทีซื้อขายต่างชาติได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

เกี่ยวกับผู้กำกับและผู้เขียนบท – หวัง จิง

หวัง จิง ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงได้เป็นอย่างดี เขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของเกาะฮ่องกงทั้งจำนวนภาพยนตร์ที่เขามีส่วนร่วมในการสร้างและยอดรายได้ที่ภาพยนตร์ของเขาได้รับภายหลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนประจำฮ่องกงในช่วงปี 1978 เขาได้เริ่มสายงานอาชีพในด้านโทรทัศน์โดยเริ่มจากการเป็นผู้เขียนบทรายการให้กับสถานีช่อง Television Broadcasts Limited (TVB) ในช่วงที่เขาทำงานอยู่นั้นเขาได้แสดงความสามารถในการเขียนบทละครหลายเรื่องจนคนฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มติดใจในผลงานของเขานับตั้งแต่ปี 80 เป็นต้นมา เขาเริ่มที่จะทุ่มเทตนเองให้กับวงการภาพยนตร์ และนับจากนั้นเป็นต้นมาเขาได้ก่อกำเนิดเทรนด์ในการดูหนังในรูปแบบใหม่ สืบเนื่องมากจากที่หนังของเขาหลายๆเรื่องประสบความสำเร็จในบ็อกออฟฟิศฮ่องกงอย่างถล่มทลาย ตั้งแต่ The Romancing Star (ยกเครื่องเรื่องจุ๊), God of Gamblers (คนตัดคน), Young and Dangerous (กู๋หว่าไจ๋) เขาได้กลายมาเป็นผู้กำกับ นักแสดงและโปรดิวเซอร์ระดับแนวหน้าของเกาะฮ่องกงด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี และภาพยนตร์ ละครกว่า 100 เรื่อง และได้กลายมาเป็นผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์ที่ทำรายได้ในบ็อกออฟฟิศสูงที่สุดในช่วงระหว่างปี 1985 – 2005

เกี่ยวกับผู้ควบคุมงานสร้าง – แอนดริว เหลา

เหลา เป็นผู้กำกับ / โปรดิวเซอร์ / ผู้กำกับภาพ ที่โด่งดังมากที่สุดของเกาะฮ่องกง เขาเริ่มหลงไหลการถ่ายภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เข้าจบการเรียนชั้นมัธยมเขาก็ได้เลือกสายอาชีพในด้านภาพยนตร์     ด้วยการเข้าไปร่วมกับสตูดิโอชื่อดัง ชอว์บราเทอร์ส   และได้เริ่มเป็นตากล้องตั้งแต่ปี 1985 ภายหลังจากนั้นสิบปีเขาได้เริ่มร่วมงานกับหวัง จิง เป็นครั้งแรกในฐานะโปรดิวเซอร์ในภาพยนตร์เรื่อง “กู๋หว่าไจ๋” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในฮ่องกงและทั่วโลก

ในปี 2002 แอนดริว, อลัน มัค และ ฟีลิกซ์ ฉ่อง ได้ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “สองคนสองคม” โดยแอนดริวรับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย ผลคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งทางรายได้และทางสายวิจารณ์ ภาพยนตร์ได้รับการเสนอเข้าชิงและชนะเลิศในหลายเวที ทั้งจากเวทีตุ๊กตาทองฮ่องกงและโกลเด้น ฮอร์ส อวอร์ดส ภาพยนตร์เรื่อง Infernal Affair (สองคนสองคม) ได้ถูกนำไปสร้างใหม่โดยฮอลลีวูดโดยผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี

เกี่ยวกับนักแสดง

โจว เหวินฟะ รับบท  “เคน”

ในเรื่อง From Vegas to Macau เขาได้รับบทเป็นชายที่โด่งดังในการเล่นไพ่และการพนัน เขาได้รับให้ไปเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาเรื่องการวางระบบการรักษาความปลอดภัยให้กับคาสิโนในลาสเวกัส เขามีฉายานามว่า “มือตัดเซียน” หรือบางคนอาจจะเรียกเขาว่า “มือเทวดา” เคนเป็นคนที่มีเสน่ห์ เท่ และดูดี แม้จะอยู่ในช่วงสูงวัยแล้วก็ตาม

เขาเป็นดาราฮ่องกงที่โด่งดังไปทั่วโลก ในช่วงยุคทองวงการโทรทัศน์ฮ่องกงในช่วงปี 1970 เขาได้ร่วมแสดงในละครหลายเรื่อง เขาเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในช่วงปี 1980 เขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกในเรื่อ”โหด เลว ดี” ( A Better Tomorrow) และเรื่อง “อาหลาง” (All about Ah-Long) และภาพยนตร์อย่าง “คนตัดคน” (God of Gamblers) ในบท “เกาจิ้ง” ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ในตัวของเขา ในปี 1998 เป็นต้นมาเขาเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดในเรื่อง The Replacement Killer และในปี 2000 เขาได้ร่วมแสดงในหนังของผู้กำกับชื่อดัง “อังลี่” ในภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon ซึ่งได้รับรางวัลตุ๊กตาทองในสาขาภาพยนตร์ต่างชาติยอดเยี่ยม ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

เซี๊ยะถิงฟง รับบท  “คูล”

ในเรื่อง From Vegas to Macau เขารับบทเป็น คูล ชายหนุ่มที่มีความอัจฉริยะในด้านการแฮคคอมพิวเตอร์ เขามีความสุขุมและสุภาพ คูลต้องการที่จะเป็นลูกศิษย์ของเคน เขาต้องการได้กลเม็ดในการเล่นไพ่และวิธีการเหนือชั้นต่างๆจากเคน แต่การที่จะได้มาเป็นลูกศิษย์เคนนั้น เขาจำต้องผ่านบททดสอบอย่างมากมายและเขาก็ไม่ผ่านมันในทุกครั้งแต่โชคยังดีที่เสน่ห์ของเขาทำให้ลูกสาวของเคนหลงรัก เธอจึงช่วยเขาและทำให้เขาผ่านบททดสอบนี้ไปได้ในที่สุด

เขาเป็นดาราที่โด่งดังในฮ่องกง เขาเริ่มอาชีพการแสดงตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาชื่นชอบเพลงร็อคและใฝ่ฝันจะได้เป็นนักแต่งและนักร้องเพลงร็อค เขาแสดงในภาพยนตร์แอคชั่นและภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนหลายต่อหลายเรื่อง สิ่งที่ทำให้เขาน่ายกย่องก็คือเขามักจะยอมเสี่ยงตายรับบทฉากแอคชั่นเสียเองทั้งหมด โดยที่เขาเอ่ยปากว่าเขาจะไม่ใช้สตั้นท์แมนเลย

ผลงานเรื่องแรกของเขาคือ “กำเนิด กู๋ หว่าไจ๋” (Young and Dangerous: The Prequel) ในปี 1998 ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในฮ่องกงฟิล์ม อวอร์ดส์ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ในภาพยนตร์เรื่อง “5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น” (Bodyguards & Assassins) ในเวทีตุ๊กตาทองฮ่องกง และอีกหนึ่งปีให้หลังเขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจาก “ดี เลว เดือด กระแทกเลือนคม” (The Stool Pigeon)

ตู้ เหวินเจ๋อ รับบท  “คาร์ล”

คาร์ลเป็นลูกพี่ลูกน้องของคูล เขามักจะคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แต่ความเป็นจริงแล้วเขากลับเป็นตรงกันข้ามเสมอ เขาสามารถนำอารมณ์ขันมาสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายได้อยู่เสมอ ความตลกของเขาคือเขามักจะชอบผู้หญิงคนเดียวกับคูลอยู่เสมอ และลูกสาวของเคนก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามตามจีบเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็สนใจเพียงแค่คูลเท่านั้น

ตู้ เหวินเจ๋อ เริ่มการแสดงในละครทีวีตั้งแต่ปี 1994 ด้วยความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์ เขาได้รับบทในภาพยนตร์เรื่อง “ภูติพิทักษ์ดูดวิญญาณ” (My Date with a Vampire) ที่ทำให้เขามีชื่อเสียง แต่ภาพยนตร์ที่ทำให้เขาได้กลายมาเป็นนักแสดงที่โด่งดังอย่างสุดขีดนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง “สองคนสองคม” (Infernal Affairs) รับบทเป็นลูกน้องที่มีความจงรักภักดีต่อหัวหน้าและนำมาความตลกและความบันเทิงมาขั้นกลางในบทที่มีความตรึงเครียดได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งเขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนั้น

จิง เถียน รับบท “ลอร์เรน”

ตำรวจจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาตามจับองค์กรโกงข้ามชาติ เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งแต่ในขณะเดียวกันก็มีความสุภาพและนุ่มนวล เธอทำงานร่วมกับลีโอเนล ลูกพี่ลูกน้องของคูลอีกคนหนึ่งเพื่อไล่ล่าตัวคนร้าย แต่ลีโอเนลพลาดท่าทำให้เธอต้องไปขอความช่วยเหลือของ เคน เพื่อที่จะไล่ล่าตัวคนร้าย

จิน เถียน จบการศึกษาที่โรงเรียนสอนการแสดงประจำกรุงปักกิ่ง เธอมีผลงานการแสดงมาแล้วสองเรื่องใน My Beauty Boss และ The Warring States และภาพยนตร์เรื่อง From Vegas to Macau นี้จะเป็นการแสดงความสวย เสน่ห์และความน่าหลงไหลต่อตัวเธอ

คิมมี่ ถง รับบท  “เรนโบว์”

เรนโบว์เป็นลูกสาวคนเดียวของเคน เธอสวยและเก่ง เธอมีทักษะในการเล่นกีฬาห้อยโหยตัวจากยางยืด และเหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เธอได้รับความเฉลี่ยวฉลาดและทักษะจากเคนมาตั้งแต่ยังเล็ก จุดอ่อนเดียวของเธอคือการที่เธอตกหลุมรักคูล ซึ่งทำให้เธอต้องช่วยเหลือคูลเพื่อที่คูลจะได้เป็นลูกศิษย์พ่อของเธอ

นักแสดงสัญชาติจีนศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เธอเล่นภาพยนตร์มาหลายเรื่อง แต่เรื่องทำให้เธอโด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย” (The Last Tycoon) ซึ่งเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างเธอกับโจวเหวินฟะ

ที่มา:  โมโนฟิล์ม
บันทึกภาพ:  โมโนฟิล์ม
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง