ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และ ลีวายส์® นำสาวกเสื้อผ้าวินเทจร่วมเดินทางย้อนเวลาไปยังต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคตื่นทองกับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ยีนส์อเมริกันอันล้ำค่า Levi’s® Vintage Clothing (LVC) และสินค้ารุ่นพรีเมี่ยม Levi’s® Made and Crafted™ (LMC) ที่ออกแบบตัดเย็บด้วยกรรมวิธีพิเศษอย่างพิถีพิถัน มาให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ร้านลีวายส์® สาขาโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพฯ
Levi’s® Vintage Clothing (LVC)
ลีวายส์® คัดสรรกางเกงยีนส์ยอดฮิตสุดเก๋าจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 124 ปีของลีวายส์® 501® มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่เคยทำเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในแบบย้อนยุคให้เหมือนเก่าทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยคุณภาพการผลิตและเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยลีวายส์® เลือกหยิบกางเกงยีนส์ 501® ในตำนานที่ผลิตในช่วงยุคสมัยคริสตศักราชต่างๆ มาผลิตใหม่ทั้งสิ้น 10 รุ่นคริสตศักราช
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1890 เป็นปีแรกที่ลีวายส์®ใช้ตัวเลข “501” เป็นรหัสรุ่นของกางเกงยีนส์ โดยในยุคนั้นตัวเลข “5” จะถูกใช้เป็นรหัสนำหน้าของสินค้าลีวายส์® ที่ผลิตจากวัสดุที่ดีที่สุด
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1922 เพิ่มรูร้อยเข็มขัดตรงขอบกางเกงยีนส์ครั้งแรก แต่ยังคงมีกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) และสายปรับกระชับ (Back buckle belt)
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1933 เป็นรุ่นสุดท้ายที่มีสายปรับประชับ (back buckle belt) และกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) จุดสำคัญที่สุดของรุ่นนี้ คือ ป้ายสีขาวเล็กๆ พิมพ์รูปนกอินทรีสีฟ้าและตัวอักษร “NRA” (National Recovery Act) ที่อยู่บริเวณป้ายหนัง นอกจากนี้ป้าย Guarantee Ticket ได้ถูกเปลี่ยนจากคำว่า ‘This is a pair of them’ เป็น ‘This is a pair of Levi’s®’ ทรงกระบอกใหญ่ ขาตรง
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1937 มีการเย็บป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) เข้ากับกระเป๋าหลังด้านขวาของกางเกงเป็นครั้งแรกเพื่อสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นให้แบรนด์ลีวายส์® และซ่อนหมุดย้ำโลหะในการเย็บกระเป๋าหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนเวลานั่ง
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1944 (World War II) ในสถานการณ์ขาดแคลนในสภาวะสงคราม ลีวายส์® ต้องตัดการตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยได้ตัดหมุดย้ำโลหะตรงเป้าด้านหน้าและสายปรับกระชับ (back buckle belt) ออก เส้นโค้งปีกนกบนกระเป๋าหลังถูกใช้วิธีการเพ้นท์สีแทนการเย็บด้วยเส้นด้าย กระดุมหน้าแบบโดนัท และกระดุมด้านบนเป็นรูปช่อมะกอก
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1947 เป็นแม่แบบของกางเกงยีนส์ 501® ในปัจจุบัน ด้วยการตัดเย็บที่มีรูปทรงแบบสลิมเข้ารูปยิ่งขึ้น ใช้การเดินเส้นด้ายตรงกระเป๋าหลังแบบโค้งปีกนกด้วยจักรเป็นเส้นคู่ และเป็นช่วงที่คนยุคใหม่เริ่มหันมาใส่ยีนส์
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1954 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ใช้ซิปที่เป้ากางเกง และป้ายหนังมีการพิมพ์รหัส “501Z”
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1955 เริ่มใช้ป้ายปะเก็นกระดาษแบบยุคปัจจุบันครั้งแรก โดยเป็นช่วงที่มีการใช้คำว่า Jeans แทนคำว่า Overall
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1966 เริ่มใช้ Bar Tack แทนการตอกหมุดโลหะบนกระเป๋าหลังด้วยตะขอยึด เนื่องจากเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน หมุดโลหะมักจะทะลุเนื้อผ้ายีนส์ออกมา และนี่เป็นช่วงปลายของการใช้ Big E บนป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) ส่วนกระเป๋าหลังโค้งคู่ปีกนกมีความโค้งน้อยกว่าปกติ
กางเกงยีนส์ 501® รุ่นปี 1978 มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโลโก้สัญลักษณ์ลีวายส์® บนป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) จาก LEVI’S® เป็น Levi’s® ทำให้เกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ของความเป็น ‘Big E’ และ ‘Little e’
พิเศษกับคอลเลคชั่น LVC ออเร้นแท็ป (Orange Tab) รุ่นปี 1960 ที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในสหรัฐฯ เป็นการใช้ป้ายออเร้นแท็ป (Orange Tab) บ่งบอกสัญลักษณ์ลีวายส์® แทนการใช้ป้ายเร้ดแท็ป® (Red Tab®) สำหรับไอเท็มต่างๆ ทั้งกางเกงยีนส์เข้ารูป เสื้อสวมหัว เสื้อยืด เสื้อเชิ้ตเดนิม และเสื้อแจ็คเก็ตเดนิม ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ถือเป็นการปฏิวัติยีนส์คลาสสิคอเมริกันสู่ยุคเจเนเรชั่นใหม่ ทุกวันนี้ ออเร้นแท็ป (Orange Tab) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคเสรีอันแสนจะเรียบง่าย
Levi’s® Made and Crafted™ (LMC)
เมื่อ 141 ปีที่แล้ว นายลีวายส์ สเตร้าส์ ได้คิดค้นกางเกงยีนส์เฉดสีครามเข้มที่พลิกโฉมการแต่งตัวของชาวอเมริกาและคนทั่วโลกไปตลอดกาลมาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ลีวายส์® ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับวงการยีนส์ ทั้งเทคนิคการฟอก งานฝีมือตัดเย็บที่พิถีพิถันที่ต้องอาศัยความชำนาญในการทอและเลือกสรรวัสดุที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เพื่อให้ Levi’s® Made and Crafted™ (LMC) กลายเป็นไอเท็มดีไซน์สุดล้ำที่จะมาสร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ในอนาคต อีกทั้งให้ความรู้สึกในการสวมใส่ที่เบาสบายยิ่งขึ้น ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อแจ็คเก็ต กระโปรง ชุดเดรส กางเกงยีนส์ และกางเกงสกินนี่ เป็นต้น
ผ้าเดนิมสีฟ้าครามยังคงเป็นตัวเอกดังเดิมด้วยการนำผ้าเดนิมสีครามจากแหล่งที่ดีที่สุดของโลก มาตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีตให้คุณได้สัมผัสถึงความนุ่มนวล นอกจากนี้ ในแต่ละซีซั่น ลีวายส์® ร่วมกับโรงทอผ้าที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอิตาลี่ ค้นคว้าและพัฒนาผ้าเดนิมคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ตลอดจนวัสดุอย่างหนังแว็กซ์มือจากอิตาลี่ ผ้าขนสัตว์และผ้าไหมที่ถักทอกับฝ้ายและวูลล์เพื่อผืนผ้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม พร้อมให้ความรู้สึกบางเบาสวมใส่สบายยิ่งขึ้น
เสื้อผ้าทุกชิ้นตัดเย็บด้วยกรรมวิธีที่ดีที่สุด นอกจากความประณีตพิถีพิถัน ยังต้องอาศัยความชำนาญของช่าง ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เสื้อผ้าบางชิ้นอาศัยระยะเวลาในการตัดเย็บกว่า 2-3 วัน แม้กระทั่งดีเทลการตัดเย็บด้านในก็สวยงามเหมือนด้านนอกอย่างไม่มีที่ติ เช่นการตัดเย็บเสื้อเชิ้ตด้วยมือโดยเทคนิคการเดินเข็มเดียวอย่างประณีตพร้อมเก็บรายละเอียดด้านในอย่างเรียบร้อย
การคัดสรรวัสดุสุดพิเศษเพื่อสัมผัสที่เหนือกว่า เช่น กระดุมผ้าฝ้ายอัด กระดุมกระดูก และกระดุมไม้ ใช้สีย้อมผ้าสีฟ้าครามและสีอื่นๆ จากธรรมชาติ ตลอดจนการปักลายปีกนกบนด้านหลังกระเป๋าซึ่งจะค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นเวลาสวมใส่ ถือเป็นซิกเนเจอร์ที่จะรู้ทันทีว่านี่คือลีวายส์®
เพื่อต้อนรับลีวายส์® รุ่น LVC และ LMC สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย ลีวายส์® นำไอเท็มระดับตำนานมาให้ทุกคนได้สัมผัส คือ เสื้อทักซิโด้ในตำนาน ‘Crosby Tuxedo’ อันมีประวัติยาวนานที่ได้ปฏิวัติการสวมใส่ยีนส์ในปี 1951 จากเรื่องราวของ บิง ครอสบี้ (Bing Crosby) ศิลปินผู้โด่งดังของอเมริกา ที่ไม่สามารถใส่ยีนส์เข้าโรงแรมได้ จนในที่สุดลีวายส์® ได้พัฒนารูปแบบทำให้เขาสามารถสวมใส่ยีนส์ตัวเก่งก้าวเข้าสู่โรงแรมได้อย่างภาคภูมิและนั่นคือตำนานความเป็นมาของเสื้อทักซิโด้ ‘Crosby Tuxedo’ นั่นเอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.levisthailand.com
บันทึกภาพ: เกรลิ่ง ไทยแลนด์