ทำความรู้จักกับ 2 ทาเลนต์ที่โชว์พลังความสามารถบวกกับความ “กล้าได้อีก ทำได้อีก” อย่าง “น้องเท็น-ทายานันท์ พงษ์ศิริ”หนูน้อยเจ้าของโชว์กายกรรมบนผืนผ้าสุดหวาดเสียว และ “ทีม UD Town Breakbeat” ผู้มาพร้อมกับการเต้นบีบอยขั้นเทพผสานบีทบ็อกซ์และความเป็นตัวตนอย่างความเป็นลูกอีสาน จนสามารถพิชิตใจคนไทยทั้งประเทศและ 4 กรรมการและผ่านเข้าสู่รอบไฟนอลในรายการประกวดพรสวรรค์ระดับโลกอย่าง “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 4-4D: กล้าได้อีก ทำได้อีกกับเรโซนา” ได้สำเร็จ!
น้องเท็น-ทายานันท์ สาวน้อยผู้หลงใหลในโชว์กายกรรม
Q: จุดเริ่มต้นของโชว์ในรอบเซมิไฟนอลนี้คืออะไร
A: การผสมผสานระหว่างสองสิ่งที่หนูรักอย่างการแสดงกายกรรมบนผืนผ้าและคนที่หนูรักอย่างคุณพ่อคุณแม่ซึ่งมีความผูกพันกับวัฒนธรรมอีสานและเพลงกล่อมเด็กของชาวอีสาน จนกลายมาเป็นโชว์ที่หนูภูมิใจมากที่สุดโชว์หนึ่งในชีวิตค่ะ
Q: ทำไมถึงเลือกใช้ผ้ามาโชว์ในรอบเซมิไฟนอล แทนที่จะเป็นห่วงเหมือนรอบออดิชั่น
A: เพราะผ้าคืออุปกรณ์อย่างแรกที่หนูเห็นและตัดสินใจจะเริ่มเล่นตอนเริ่มเรียนกายกรรม กายกรรมบนผืนผ้าจึงเปรียบเสมือนเพื่อนและครูคนแรกที่ทำให้หนูได้รู้จักและสนุกกับกายกรรมจนถึงวันนี้ค่ะ
Q: อุปสรรคและความท้าทายของการโชว์กายกรรมบนผืนผ้า
A: ก็มีเจ็บตัวและได้แผลมาบ้าง เวลาเราพลาดตอนซ้อม และก็มีเจ็บใจเหมือนกันที่บางครั้งหนูทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่หนูก็มีเคยย่อท้อค่ะ เพราะหนูมีเคล็ดลับดีๆ จากคุณพ่อซึ่งคือการรวบรวมความกล้า สติ และสมาธิให้เป็นหนึ่งกับตัวของเราและจดจ่อไปกับสิ่งที่เรากำลังจะทำค่ะ
Q: ความใฝ่ฝันของน้องเท็นในอนาคต และแรงบันดาลใจสำคัญในการโชว์กายกรรม
A: ความใฝ่ฝันของหนูคือการได้เป็นนักกายกรรมหญิงมืออาชีพระดับโลก เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกค่ะ ส่วนแรงบันดาลใจสำคัญของหนูในการโชว์กายกรรมนั้นคือคุณพ่อ และครูเล้ง ราชนิกรแก้วดีที่ทำให้หนูกล้าและมั่นใจทุกครั้งในการเล่นกายกรรมค่ะ
Q: นิยามความกล้าในแบบฉบับของน้องเท็น
A: การที่เรากล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่เรารัก โดยไม่ต้องกลัวต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น
“UD Town Breakbeat” ทีมบีบอยเด็กแนวลูกอีสาน
Q: จุดเริ่มต้นของโชว์ในรอบเซมิไฟนอลคืออะไร
A: ความยากลำบากของชาวนาในการผลิตข้าวซึ่งเป็นอาหารเลี้ยงคนทั้งชาติ รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญมากมายทั้งความร้อน ความแห้งแล้ง ปัญหาหนี้สินและความยากจน
Q: ความพิเศษของโชว์ในรอบนี้คืออะไร
A:การที่พวกเราได้ใส่ความเป็นตัวตนของตัวเองที่พวกเราภาคภูมิใจอย่างความเป็นคนอีสานเข้าไป เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักกับเรามากยิ่งขึ้น และยังเป็นโชว์แรกของโลกที่รวมเอาทั้งการบีทบ็อกซ์และการเต้นบีบอยเข้าด้วยกันอีกด้วย
Q: ความท้าทายของโชว์นี้คืออะไร
A: การนั่งไล่จังหวะของบีทบ็อกซ์ให้ตรงจังหวะกับการเต้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากมากและใช้เวลาซ้อมกันอย่างหนักวันละเกือบ 9 ชั่วโมง ตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็น ถึงราวๆ ตี 3 แม้จะมีการบาดเจ็บบ้างจากการซ้อม แต่เราก็หยุดซ้อมไม่ได้ เพราะถ้าหากหยุดซ้อมไปเพียงแค่วันเดียว เสียงบีทบ็อกซ์หรือการเต้นก็อาจจะเพี้ยน เพราะมันไม่เหมือนกับการเต้นแล้วเปิดเพลงทั่วไป เราจึงต้องอาศัยทั้งความกล้าและความสามัคคีในโชว์นี้กันอย่างเต็มที่ซึ่งวันนี้มันคุ้มค่ามากครับ
Q: ความใฝ่ฝันของทีม UD Town Breakbeat ในอนาคต
A: การได้โชว์บีทบ็อกซ์และบีบอยในสไตล์อีสานที่ได้ให้คนทั่วโลกได้เห็นถึงความเจ๋งของลูกอีสานครับ
Q: นิยามความกล้าในแบบฉบับของทีม UD Town Breakbeat
A: กล้าคิด กล้าทำในแบบที่คนอื่นทำไม่ได้
เกาะติดหน้าจอ รอเชียร์และโหวตอีก 6 ทีมเจ๋งกันต่อในรอบเซมิไฟนอล ประจำสัปดาห์ที่ 5 ได้ในรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 4-4D: กล้าได้อีก ทำได้อีกกับเรโซนา” วันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.นี้ เวลา 17.00-19.30 น.รายละเอียดเพิ่มเติมทาง facebook.com/thailandsgotalent
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์