มูลนิธิหุ่นสายเสมา ศิลปะเพื่อสังคม ร่วมกับสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม “รวมเหล่าเยาวชนคนรักหุ่น” โดยมี ครูอ้าว/ เจ้าขุนทอง-เกียรติสุดา ภิรมย์ และคณะหุ่นสายเสมา เป็นวิทยากร เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมแม็กซ์ ถนนพระราม 9 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นทูตเยาวชนและร่วมเผยแพร่ศิลปะหุ่นของไทยใน เทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ 2014(Harmony World Puppet Carnival in Bangkok, Thailand 2014) ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 1 – 10 พฤศจิกายน ศกนี้ ณ บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยมีคณะหุ่น 125 คณะ จาก 74 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
“รวมเหล่าเยาวชนคนรักหุ่น” มีเป้าหมายในการสร้างและ พัฒนาเครือข่ายคณะหุ่นเยาวชนจากทั่วประเทศ เพื่ออนุรักษ์สืบสานศิลปะหุ่นไทยประเภทต่างๆ ที่เป็นมหรสพดั้งเดิมให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป พร้อมทั้งเผยแพร่สู่สาธารณะทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีเยาวชนและครูเข้าร่วมถึง 20 คณะ กว่า 180 คน ทั้งหุ่นสาย หุ่นเงา หุ่นกระบอก หุ่นมือ ฯลฯ ได้มาพัฒนาทักษะและแลกเลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันอย่างสนุกสนาน จากการที่แต่ละคณะมีความโดดเด่นและน่าสนใจแตกต่างกัน อาทิ
คณะหุ่นลูกไม้แม่ขาน แห่งศูนย์การศึกษา โจ๊ะมาโลลือหล่า โรงเรียนวิถีชีวิตบนดอยสูงที่อำเภอสะเมิง เชียงใหม่ สามารถนำการแสดงหุ่นของเด็กๆ ประกอบ “บทธา” หรือการขับลำนำเพลงและดนตรีพื้นบ้าน ให้มีบทบาทในการรณรงค์ประเด็นของท้องถิ่นอย่างเรื่องเขื่อนและป่า โดยเป็นเสียงสะท้อนปัญหาของชุมชนจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ส่วน คณะลูกขุนน้ำ นครศรีธรรมราช ก็มีการขับเคลื่อนที่คล้ายกัน แต่ต่างกันที่รูปแบบการแสดงที่เป็นแนวร่วมสมัย และหุ่นสายของ โรงเรียนบ้านหมูสี นครราชสีมา ก็เน้นประเด็นปัญหาของสัตว์แถบเขาใหญ่ที่ตายเพราะกินขยะโฟม-พลาสติกของนัก ท่องเที่ยว โดยคณะนี้โดดเด่นด้วยการประดิษฐ์หุ่นสัตว์ต่างๆ จากเครื่องจักสานในชีวิตประจำวัน ด้าน โรงเรียนเขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ก็นำหุ่นฟางนกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดมาประกอบเรื่องราวจากตำนานท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน
โรงเรียนนารีนุกูล อุบลราชธานี ใช้หุ่นสายเป็นสื่อในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนและช่วยพื้นที่อื่นๆ ได้ด้วย ในขณะที่หุ่นของ โรงเรียนบ้านหนองโสน บุรีรัมย์ ซึ่งตัวผอมๆ ทำจากขี้เลื่อย แต่ใช้ชุดผ้าไหมนาโพธิ์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาตัดชุด และยังเตรียมพากย์เป็นภาษาเขมรในอนาคตด้วย
ในกิจกรรมนี้มีเด็กๆ หลายคนบอกว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าหนังตะลุงก็มีในภาคอีสานด้วย!!” หลังจาก ได้ชมการแสดงของ โรงเรียนประชาสามัคคี อุบลราชธานี โดยมีการผูกเรื่องให้ตัวละครจากอีสานและใต้มาพบกัน ด้าน โรงเรียนบ้านเพียมาต ศรีสะเกษและคณะเพชรอีสานก็โดดเด่นด้วยการใช้ตัวหนังที่ฉลุลายเป็นเอกลักษณ์แบบอีสาน ส่วน โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ เพชรบุรี ก็ฉีกแนวด้วยการเชิดโดยไม่เล่นกับเงา และใช้เป็นสื่อเผยแพร่เพลงพื้นบ้าน สำหรับคณะหนังใหญ่จาก วัดบ้านดอน ระยอง ก็นำเสนอการแสดงที่มีสีสันและมีพลังอย่างน่าชื่นชม ทั้งยังเป็นหนึ่งในหลายโรงเรียนที่รุ่นพี่ที่จบไปแล้วยังกลับมาช่วยสอนรุ่นน้องต่อ
คณะหุ่นสายช่อชะคราม โรงเรียนวัดเขายี่สาร สมุทรสงคราม จัดว่าเป็นต้นแบบในการต่อยอดขยายผลที่ดี โดยเริ่มจากโรงเรียนเล็กๆ แต่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มีเครื่องมือบูรณาการและกระบวนการ สืบสานที่ชัดเจน ใช้หุ่นเป็นเครื่องมือทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อสื่อสารทำความเข้า ใจกับชาวบ้านได้ เช่น เรื่องเกษตรพอเพียง ป่าโกงกาง การป้องกันยุงลาย ฯลฯ เมื่อจัดการแสดงหุ่น สมาชิกในครอบครัวและชุมชนก็ให้ความร่วมมือ และออกร้านจำหน่ายสินค้าของท้องถิ่น ในขณะที่ คณะบุญมีดวงจันทร์ ภูเก็ต ก็มีแนวทางที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และสืบสานอัตลักษณ์ ทั้งในส่วนของตัวหุ่นที่มี “หุ่นกาเหล” แบบเก่าแก่ดั้งเดิม, เรื่องราวพื้นบ้าน, การใช้วัตถุดิบของท้องถิ่นในการทำตัวหุ่นและเสื้อผ้า ฯลฯ พร้อมทั้งขยายไปสู่การทำหุ่นฟองน้ำขนาดใหญ่ที่ โรงเรียนบ้านสามกอง ภูเก็ต โดยเชื่อมโยงกับโครงการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย ตลอดจนสนับสนุนให้ครูและเด็กๆ ที่ โรงเรียนบ้านบางนุ พังงา ก่อตั้งคณะหุ่นที่มีหุ่นหมาน้อยเป็นเอกลักษณ์ด้วย
กิจกรรม “รวมเหล่าเยาวชนคนรักหุ่น” เป็น เวทีแบ่งปันความภาคภูมิใจที่เด็ก-ครู ช่วยกันคิด ทำ และถ่ายทอดความรักในศิลปะหุ่นไทย พร้อมกับการสานพลังเครือข่ายคณะหุ่นโดยสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตที่มี
ประโยชน์ ในหลายมิติ และจุดประกายสู่การพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนหรือท้องถิ่น เช่น การสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณี การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน-สินค้าโอทอป ซึ่งเครือข่ายหุ่นเยาวชนที่เข้มแข็งกลุ่มนี้ก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อ สร้างความยั่งยืนต่อไป และเตรียมความพร้อมสู่ “เทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ 2014” ปลายปีนี้
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์