เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ (Apex Profound Beauty) ผู้นำด้านนวัตกรรมความงามเพื่อการดูแลรูปร่างเปิดตัวและปฐมนิเทศน์ ผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คน ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจลดน้ำหนักส่วนเกิน ในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” โครงการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการกุศล ที่จัดขึ้นในโอกาสที่ เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ ก้าวสู่ปีที่ 20 ณ เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ สาขาทองหล่อ 8 โดยมี น.พ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน และควบคุมน้ำหนัก และ สุเมธ คันชิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย แห่ง เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้เป็นวิทยากรทำความเข้าใจ ให้ความรู้ เพื่อแนะนำไปปฏิบัติตลอดระยะเวลาการแข่งขัน 6 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายนศกนี้
การแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมที่ปรึกษาคอยดูแลเพื่อสร้างกำลังใจ สุขภาพที่ดีและยั่งยืนให้แก่เหล่าผู้เข้าแข่งขันแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าแข่ง และยังได้ทำบุญร่วมกัน โดยทุกๆ 1 กิโลกรัมของการลดน้ำหนักจากผู้เข้าแข่งขัน จะเปลี่ยนเป็นเงินสด 2,000 บาท เพื่อนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน “ยิ่งลดมาก ยิ่งดูดีมาก และได้ทำบุญมาก”
น.พ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน และควบคุมน้ำหนัก แห่ง เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ เผยว่า “เรื่องความสวยงามของรูปร่างที่สมส่วน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น ซึ่งเอเพ็กซ์ไม่เพียงเป็นผู้นำทางนวัตกรรมความงามด้านผิวพรรณ แต่ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความงามเพื่อการดูแลรูปร่างอีกด้วย โดยพบว่าปัจจุบันปัญหาโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นบ่อเกิดแห่งโรคร้ายต่างๆ เพราะวิวัฒนาการของอาหารมีรสชาติและกลิ่นที่หอมเย้ายวนมากขึ้น รวมถึงสื่อโฆษณาต่างๆ ที่กระตุ้นให้เรามีความต้องการอาหารมากยิ่งขึ้น ทำให้เพิ่มจำนวนประชากรที่เป็นโรคอ้วนมากขึ้น จนเทียบเท่ากับจำนวนประชากรของคนที่เป็นโรคหัวใจ และเบาหวาน ซึ่งในอดีตกาล มนุษย์เป็นชาติพันธุ์ที่กินน้อย และเก็บได้เก่งในยามเกิดความกันดาร ทำให้มนุษย์เป็นชาติพันธุ์ที่อยู่รอดมาได้ สามารถไม่กินอะไรและอยู่ในถ้ำได้นานถึง 3 สัปดาห์ เมื่ออยากกินเนื้อก็ต้องออกล่า ก็คล้ายกับการออกกำลังกาย แต่เมื่อล่าไม่ได้ ก็กินผักผลไม้แทน มนุษย์จึงเป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถเก็บแคลอรี่ได้สูงมาก แต่ปัจจุบันเราสามารถซื้อหาอาหารต่างๆ ได้ตามร้านค้า และรับประทานอาหารไม่หลากหลาย ทานในปริมาณที่มาก และไม่มีกากใย ก็ทำให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายเสียหาย ก่อให้เกิดความอ้วน น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
การลดน้ำหนักนั้นมีด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งการนับแคลอรี่ แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า หากอาหารในจานนั้นเมื่อดูจำนวนแคลอรี่น้อย แต่ส่วนมากเป็นแป้ง ในขณะที่อีกจานมีจำนวนแคลอรี่ที่มากกว่า แต่เป็นผักมากกว่า เราก็ควรที่จะเลือกรับประทานจานผักนี้ แม้ว่าจะมีแคลอรี่มากกว่าก็ตาม เพราะมีกากใย และการให้ยาลดความอ้วน ซึ่งในอดีตเป็นที่นิยมมาก แต่ปัจจุบันค้นพบว่าอัตราการลดความอ้วนโดยการให้ยานั้น ประสพความสำเร็จได้น้อยกว่า ยิ่งปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนในปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อก่อน ทำให้การใช้ยาไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพมากนัก เมื่อเทียบกับการควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกาย และเมื่อทานยาไม่ได้ผล ก็ต้องเพิ่มปริมาณยาให้มากขึ้น ทำให้เกิดผลข้างเคียงกับตับและไต หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่เราเรียกว่าโยโย่นั่นเอง
ดังนั้นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อลดน้ำหนักในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์หลังจากนี้ จะได้รับการวางแผนและดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทรนเนอร์ในการออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก รวมทั้งอาหารโภชนาการ ซึ่งน้ำหนักที่ควรจะลดให้ได้คือสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม ดังนั้นเมื่อเสร็จสิ้นโครงการทุกท่านจะสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 5-6 กิโลกรัม หรือมากสุดประมาณ 10 กิโลกรัม จึงอยากให้เป็น 6 สัปดาห์ของการลดน้ำหนักที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรับประทานอาหารที่ถูกวิธี หรือการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และใช้นวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน”
สุเมธ คันชิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย แห่ง เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ เผยว่า “นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามที่คุณหมอแนะนำ การพักผ่อนที่เพียงพอ และการออกกำลังกายก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะการนอนที่ได้คุณภาพควรนอนก่อนเวลา 23.00 น. และนอนให้ได้ประมาณ 8 ชั่วโมง จะส่งผลให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งผู้ใหญ่หากขาดโกรทฮอร์โมน จะอ่อนเพลีย ซึมเศร้า และมีผลโดยตรงกับการลดความอ้วนนั่นเอง ในส่วนของการออกกำลังกายนั้น จะต้องสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของหลอดเลือด และหัวใจ ความเร็ว และความยืดหยุ่น ดังนั้นการออกกำลังกายที่จะช่วยให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อเพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน จะต้องออกกำลังกายให้ครบทั้ง 4 ส่วนนี้ โดยสลับหมุนเวียนกันไป เช่น การวิ่ง ยกเวท และโยคะ”
มาร่วมลุ้นกันว่าใครใน 20 คนนี้ จะเป็นผู้ที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุด ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายนศกนี้ โดยเกณฑ์การตัดสิน จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบจากน้ำหนักตัวของผู้เข้าแข่งขันเอง ใครได้เปอร์เซ็นต์จากการลดน้ำหนักได้มากที่สุด ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” พิชิตรางวัลทรีตเม้นท์การดูแลรูปร่างมูลค่า 200,000 บาท พร้อมทั้งยังได้ร่วมทำบุญอีกด้วย
บันทึกภาพ: แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์