Dream Theater : a dramatic tour of events Live In Bangkok 2012 มันช่างเป็นอะไรที่ “อลังการงานร็อค” สมฐานานุรูปแห่งปี 2012 โดยแท้!!!

แชร์ข่าวนี้

และแล้วพวกเขาก็กลับมาตอกย้ำความยิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริงและไม่ขัดเขิน  Dream Theater : a dramatic tour of events   ที่สุดของการแสดงสดที่ “จัดมาเต็มๆ”  ที่ได้รับเสียงปรบมือและดอกไม้  ปะทุความหนักแน่นและยิ่งใหญ่ไปเมื่อค่ำวันที่  8  พฤษภาคม  2555  ณ ธันเดอร์โดม  เมืองทองธานี    ที่นอกจากสมาชิกหลักที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา John Petrucci มือกีตาร์หัวหอกและเสมือนเครื่องหมายการค้าของวง James LaBrie แหกปากฐานะนักร้องนำที่ไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ John Myung มือเบสเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา Jordan Rudess มือคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทางดนตรีใหม่ๆ ให้ได้ตื่นตาตื่นใจเสมอ และ Mike Mangini ผู้มาสวมบทบาทมือกลองแทนที่  Mike Portnoy  ในตำนานได้อย่างไม่ทำให้ใครต่อใครผิดหวัง  ถึงนาทีนี้  Dream Theater  ก็ยังคงสถานะวงร็อระดับซูเปอร์ดรีมทีมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

ทันทีที่ประตูเปิดและทุกลมหายใจชาวร็อทยอยอัดแน่นเกือบทุกตารางนิ้วของธันเดอร์โดม  Andy McKee  พ่อมด อคูสติก กีตาร์ผู้เลื่องลือ  ก็ตอดกว้านทุกสายตาให้จดจ่อไปกับทุกอิริยาบทการร่ายรำเพลงนิ้วบนคอกีตาร์ผ่านเสียงเพลงกล่อมโสตที่ถ้าจะถามว่าความไพเราะในเสียงดนตรีผ่านอคูสติกกีตาร์คืออะไร  สิ่งนี้คือคำตอบ  แน่นอน  ถึง  Andy McKee  จะเป็นเพียง  Open Act  ในระยะเวลา  30  นาที แต่ก็สร้างความประทับใจและเรียกน้ำย่อยจากคอร็อคได้มากโข  และทันทีที่จบเสียงเพลง  Intelude  อันเร่าร้อน  Dream Theater  กระทั้นความหนักหน่วงทักทายแฟนเพลงให้ได้รุ่มร้อนกับดนตรีที่ซับซ้อนอยู่ในที  Bridges in the sky  ที่ร่ายยาวกว่า  10  นาทีแต่อัดแน่นด้วย “ฝีมือ” และ “อารมณ์”  ตามต่อด้วย   Build me up,Break me down  และ  surrounded สลับกับการทักทายแฟนเพลงแบบพูดน้อยแต่ต่อยหนัก  ตามต่อด้วย  The root of all evil   และ  Drum solo  ที่ถือว่าเป็นการ “เปิดตัว” Mike Mangini ผู้มารับหน้าที่มือกลองและโชว์ว่าหมอมี “กึ๋น” ระดับไหน  ตามต่อด้วยอีกหลายบทเพลง อย่าง   A fortune in lies,  outcry,  The silent man,    Beneath the surface,  On the backs of the angels,  War inside my head,  The test that stumped them all,  The spirit carries on,  Breaking all illusions    ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง   Pull me under  ที่เรียกอารมณ์ร่วมได้อย่างยอดเยี่ยมพร้อมเสียงร้องของแฟนเพลงแทบโดมแตก!!!

ในบทสรุปของเวลากว่า  2  ชั่วโมง  สมาชิกทุกคนแสดงสปิริตในฐานะของ “ศิลปิน” และฝีไม้ลายมือออกมาแบบไม่มีกั๊ก   ทำให้  Dream Theater : a dramatic tour of events  เป็นโชว์ของบรรดายอดฝีมือที่น่าตื่นตาตื่นใจ  ผ่านสื่อวีดีโอและแสงสีที่สมราคา  รวมถึงระบบเสียงที่ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง  สมแล้วที่จะถูกจัดเป็นหึ่งในวงโปรเกรสซีฟร็อคที่แสดสดยอดเยี่ยมที่สุดในโลกวงหนึ่งเลยทีเดียว

ที่มา:  PMGTHAI
บันทึกภาพ:  PMGTHAI
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง