เพราะการ “ให้” คือสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ด้วยกันในวันที่เขาตกทุกข์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการให้ทรัพย์สินเงินทอง การให้ความช่วยเหลือต่างๆ จะมาก หรือน้อย ก็ถือเป็นนำจิตน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่จะแบ่งปันความสุขไปสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โครงการสปริงนิวส์อาสา ต่อเติมฝันปันความรู้ ปีที่ 2 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิกำลังใจ ผู้สนับสนุนหลักในการสร้างโรงเรียน, โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สมุทรสาคร, โรงพยาบาลกระทุ่มแบน, สมาคมแพทย์ฝังเข็ม และสมุนไพรแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาลสวนดอก, สโมสรไลออนส์ นครปฐม, มูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมณ์รังสี, กลุ่มบูรพาสาคร และผู้ให้การสนับสนุนโครงการจากภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน), บริษัท เบเยอร์ จำกัด, บริษัท เมืองไทย ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ตงวาเฮง จำกัด, องค์การเภสัชกรรม (GPO), โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อำพลฟู้ดส์ โพรเซสซิง จำกัด, บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด, บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนักศึกษาร่วมค่ายอาสา ABAC มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้ให้การสนับสนุนอื่น ๆ อีกมากมาย ในการผสานมือกันที่จะส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร
นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี รองประธานกรรมการบริหารด้านธุรกิจองค์กร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าถึงโครงการสปริงนิวส์อาสา ต่อเติมฝันปันความรู้ ปีที่ 2 ว่าถือเป็นโครงการที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจากปี 2556 ซึ่งได้เคยไปสร้างอาคารเรียนให้กับนักเรียนที่โรงเรียนในจังหวัดตาก พร้อมทั้งจัดหาเครื่องนุ่งห่มกันหนาว และเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์อาสาจากหลายหน่วยงานเข้าไปให้บริการแก่ชาวบ้าน ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในปีนี้เองเราในฐานะของสื่อ ได้มีการลงสำรวจพื้นที่ ซึ่งมีความเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยความร่วมมือของ ทีมงานจากฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ และสติงเกอร์ทีมกลุ่มบูรพาสาคร ในการหาพื้นที่เป้าหมาย โดยปีนี้สถานีข่าวสปริงนิวส์ได้ร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่เป้าหมายในปีนี้ เพื่อร่วมกันส่งมอบอาคารเรียนให้กับโรงเรียนบ้านแม่อ่างขาง ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความยากลำบากในการเดินทางเป็นอย่างมาก
“การเดินทางมายังโรงเรียนแห่งนี้ถือว่าหนทางค่อนข้างลำบากมาก เพราะโรงเรียนอยู่กลางหุบเขา การเดินทางของนักเรียนเองบางรายก็ไม่สามารถเดินทางไปกลับบ้านได้ อาคารเรียนจึงต้องใช้เป็นอาคารนอนเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ได้พักอาศัยไปในตัว ขณะที่การเดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือเราต้องอาศัยรถออฟโรดเข้าไป ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากจิตอาสากลุ่มออฟโรดกว่า 50 คัน มาช่วยอำนวยความสะดวกนำพาคณะเดินทางขึ้นไปยังจุดมุ่งหมาย” นางสาววทันยา กล่าว
นอกจากการส่งมอบอาคารเรียนแล้ว เรายังได้นำทีมแพทย์ซึ่งได้รับจากความร่วมมือจากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว สมุทรสาคร, โรงพยาบาลกระทุ่มแบน, สมาคมแพทย์ฝังเข็ม และสมุนไพรแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลสวนดอก ที่ทุกคนต่างมีจิตอาสาเดินทางมาให้การรักษาแก่ประชาชนบริเวณโดยรอบพื้นที่โรงเรียนบ้านแม่อ่างข่างที่รอการช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่าในปัจจุบันนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีพื้นที่กันดารอีกมากพอสมควรที่รอการช่วยเหลือ ขณะเดียวกันพื้นที่กว่า 70% ยังเป็นพื้นที่ป่า เป็นอุทยาน การเข้าหาชุมชนในพื้นที่จึงค่อนข้างลำบาก ประกอบกับหลายๆ พื้นที่ยังขาดแคลนสถานที่เรียนอุปกรณ์การศึกษา รวมถึงครูที่จะมาสอน
“โครงการสปริงนิวส์อาสา เป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักเรียน และครู ได้มีกำลังใจในการเรียน การสอน แม้โรงเรียนจะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่ก็ยังมีหน่วยงาน องค์กรเห็นความสำคัญ และมีความพยามยามเข้าถึงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นส่วนช่วยเติมเต็มในส่วนของทางราชการในการรองบประมาณที่จะเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากนี้ในส่วนของชาวบ้านเองการที่เขาได้ผ้าห่มกันหนาว ซึ่งช่วงนี้อากาศหนาวมาก ก็เป็นประโยชน์แก่เขาโดยตรง เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งในฐานะตัวแทนชาวอมก๋อยต้องขอขอบคุณมูลนิธิสปริง และพันธมิตรที่ได้นำโครงการดีๆ มาให้ชาวอมก๋อย จ.เชียงใหม่”นายสุริยะ กล่าว
นายสมพงษ์ แสนสำโรง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่อ่างขาง กล่าว่าจากการที่โครงการสปริงนิวส์อาสา เข้ามาให้ความช่วยเหลือโรงเรียนด้วยการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้กับนักเรียนในครั้งนี้ รู้สึกขอบคุณและดีใจที่ทุกๆ ภาคส่วนที่มาร่วมกันในครั้งนี้ ได้ร่วมกันผลักดันโครงการให้ประสบความสำเร็จ การเรียนที่จะเรียนดีได้ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้ามีที่เรียนดี น่าอยู่ สะอาด ร่มรื่น น่าศึกษา ก็เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เด็กๆ อยากจะมาโรงเรียน ผู้ปกครองจากบริบทที่ท่านเห็นแวดล้อมด้วยขุนเขาจะได้ตระหนักเห็นความสำคัญ ผู้ใหญ่ที่มาวันนี้ยิ่งเป็นแรงจุดประกายให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษา เพราะว่าเด็กจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง เห็นความทุ่มเท เสียสละของผู้ใหญ่ที่มาไม่ว่าจะเป็นแพทย์อาสา หน่วยงานการศึกษา บุคลากร องค์กรเอกชนต่างๆ ที่ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือสนับสนุนเรา
“ในปัจจุบันโรงเรียนมีเด็กนักเรียน 240 คน บุคลากรมี 18 คน สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงม.3 แม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่เราก็พยายามสร้างความตระหนักประชุมหารือกับผู้ปกครอง คนที่มีส่วนสำคัญด้านการศึกษาซึ่งเป็นบุคลากรในชุมชน และคุณครูหลายคนที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากเป็นชนเผ่า เราก็เอาคนใกล้ตัวในการยกตัวอย่างและก็การทำงานว่าเขาเป็นชุมชนเผ่ากระเหรี่ยงแต่สามารถทำงานประสบความสำเร็จได้ เป็นตัวอย่างและแรงจูงใจ” นายสมพงษ์ กล่าว
เด็กหญิงพรชิตา ฟ้าประทานไพร น้องดวง ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้อาคารเรียนหลังใหม่ และจะใช้อาคารเรียนนี้ให้เกิดประโยชน์ อาคารเรียนหลังใหม่นี้เป็นกำลังใจทำให้อยากมาโรงเรียนมากขึ้น โดยคาดหวังไว้ว่าในอนาคตอยากเรียนให้จบในระดับอุดมศึกษา เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้กลับมาช่วยเหลือช่วยพัฒนาโรงเรียนต่อไป สำหรับในวันนี้เองก็รู้สึกดีใจ และประทับใจมากที่โครงการสปริงนิวส์อาสา ได้มาเยี่ยมเยียนโรงเรียน
เด็กชายสุเมธ นิลศีลา น้องเมธ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 บอกว่าชอบโรงเรียนหลังใหม่มาก เพราะอาคารหลังเก่าไม่สวย ชำรุด อาคารเรียนหลังใหม่นี้เห็นแล้วทำให้อยากมาเรียนทุกวัน
ปิดท้ายที่ เด็กชายจีโปะ วุฒิศีลวัต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กล่าว่ารู้สึกดีใจที่มีอาคารเรียน ได้เรียนอาคารเรียนหลังใหม่ โตขึ้นอยากเรียนให้จบมหาวิทยาลัย อยากเป็นคุณครู เพื่อจะได้กกลับมาสอนที่นี่
แม้ว่าหนทางจะมีอุปสรรคแค่ไหน หากการที่เราสามารถได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการได้ให้ความสุขเพื่อนพี่น้องชาวไทยด้วยกันเองแล้ว แม้การช่วยเหลืออาจจะมาก หรือน้อย เพียงแค่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขให้พวกเขาได้ ก็นับเป็นกำลังใจสำคัญให้เขาเหล่านั้นได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข และเป็นกำลังที่สำคัญในการช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์