มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) และ องค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) เตรียมเข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในวันพุธที่ 6 พฤษภาคมนี้ เวลา 15.00น. เพื่อนำรายชื่อนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป จำนวน 15,000 คน ที่ต้องการเห็นโรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กสวมหมวกนิรภัยเข้ามอบ
อีกทั้งเตรียมเสนอโครงการนำร่องที่มุ่งเน้นการให้การศึกษาเพื่อปรับพฤติกรรมของเด็ก รวมทั้งการอบรมครูและผู้ปกครองโดยมีโรงเรียน กทม. เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยในชุมชนอย่างแท้จริง
นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ประธานกรรมการมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) ประเทศไทย กล่าวว่า “จากประสบการณ์ทำงานกว่า 15 ปีของเอไอพีในการดำเนินโครงการด้านความปลอดภัยบนท้องถนนในภูมิภาคเอเชีย พบว่า เส้นทางที่เด็กใช้บ่อยที่สุด คือจากบ้านไปโรงเรียน และเส้นทางดังกล่าวก็เป็นเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุกับเด็กๆมากที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย เราจึงร่วมกับองค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) เพื่อออกแบบวางแผนโครงการนำร่องที่เหมาะสมกับประเทศไทยโดยมีโรงเรียนเป็นจุดศูนย์กลางเพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมี กทม. เป็นหน่วยงานแรก
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยในแต่ละปี มีเด็กกว่า 2,600 คนเสียชีวิต หรือมากกว่า 7 คนต่อวัน และอีกเกือบ 200 คนต่อวันได้รับบาดเจ็บหรือพิการ หรือกว่า 72,000 คนต่อปี
มีเด็กในวัยเรียน ทุกๆวันราว 1.3 ล้านคนที่เดินทางโดยการซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ แต่กลับมีเพียง 7% เท่านั้นที่สวมหมวกนิรภัย จึงเป็นที่มาของชื่อโครงการ “เด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก – The 7% Project” ซึ่งริเริ่มโดยทั้งสององค์กรเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
น.ส.อรุณรัตน์ วัฒนผลิน ผู้ประสานงานโครงการจากองค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่มีผู้ร่วมสนับสนุนเป็นจำนวนมากผ่านกิจกรรมทุกครั้งที่จัดรวมทั้งการลงชื่อผ่านทางเว็บไซต์ www.7-percent.org และ change.org
น.ส.อรุณรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าถ้าหาก กรุงเทพมหานครพร้อมร่วมสนับสนุนทางเราก็พร้อมดำเนินโครงการนำร่องในโรงเรียน กทม. ได้ทันที
กิจกรรมยื่นรายชื่อในวันพุธที่ 6 พฤษภาคมนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัปดาห์ความปลอดภัยทางถนนภายใต้กรอบสหประชาชาติที่ต้องการเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางถนน โดยปีนี้ได้ประกาศให้เป็นปีแห่งการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนของเด็กwww.savekidslives2015.org
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์