“จักมีชีวิตรอดแบบมีลมหายใจ หรือตายทั้งเป็นในร่างผีห่า”
อุบัติแห่งความ กล้าและท้าทาย ของ hack and slash horror film
กับการผสมผสานในแนวทางของภาพยนตร์ผี+แอ็คชั่น+สยองขวัญ+เลือดสาด
ที่มีฉากหลังย้อนเวลากว่า 4 ศตวรรษ
จากไอเดียและความบ้าพลังของมันสมองและสองมือกำกับของ
คุณชายอดัม-ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล
ความเป็นมาเป็นไปของโปรเจกต์ที่2 “ผีห่าอโยธยา”
คุณชายอดัม :เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงท้ายๆ หลังจากปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องสารวัตรหมาบ้าแล้ว ผมกำลังคิดอยากทำหนังเรื่องต่อไปจะทำเรื่องอะไรดี คือตอนนั้นคนกำลังฮิตพวก warm bodies มาก ผมจำได้เลยว่า Warm Bodies, Zombyland, Shaun of the dead หนังที่เป็นแนวแปลกใหม่ของซอมบี้ทั้งนั้นเลย คือตอนนี้ฝรั่งรู้วิธีแล้วว่าจะทำให้หนังซอมบี้แตกต่างอย่างไรแต่ว่าคนไทยยังไม่รู้ เพราะคนไทยถ้าเกิดทำหนังซอมบี้ที่แตกต่าง ก็คือลอกฝรั่งนั่นเองนะครับ ทั้งแก๊งเพื่อนผม ทอมมี่ เวอร์โกลาที่ทำ Hazel & Gretel :The Witch Hunter ทางฝั่งนั้นเขาก็ทำหนังของเขา แก๊งเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาเลยนะครับชื่อ Dead Sno เป็นนาซีซอมบี้ เมืองไทยก็มีพี่ๆ ที่ทำโพสต์เตติกพี่หมูวศิน สุจิตย์ ซึ่งเป็นคนทำ hangover ทำหุ่นทำหมูระเบิดซึ่งพวกเขาก็ชวนผมตลอด ตัวผมเองเป็นคนชอบแล้วก็กลัวหนังซอมบี้มาก ก็นั่งอยู่กับพี่เต้งปรึกษากัน ทำซอมบี้พีเรียด สมัยอยุธยา เอาไอเดียตรงนี้จากพี่เต้งดีเจ สไปดาร์มังกี้ แล้วผมก็นำคิดต่อยอดออกมาเป็นเรื่องราว ผมเองรู้จักประวัติศาสตร์ในช่วงสมเด็จพระนเรศวร เนื่องจากว่าเราทำรีเสิร์ชตรงนี้แล้ว ก็รู้ว่าโรคห่ามีในประวัติศาสตร์เป็นมาช้านาน ผมก็เลยเริ่มศึกษาว่าช่วงเวลาปีไหนที่เหมาะสม ช่วงที่เริ่มทำรีเสิร์ชคือช่วงสักประมาณปิดสารวัตรหมาบ้า ก.ค. ส.ค. มาผมก็เริ่มเขียนบท ทำแคสติ้งซึ่งก็ไม่นานนะผมก็ได้ตัวละครครบทุกตัว มาเสนอสหมงคลฟิล์มประมาณปลายๆ ส.ค.ได้ เขาก็บอกลองไปเขียนบทให้เรียบร้อยดู จนได้เปิดกล้องจริงๆ ช่วงปี57 แต่ปีนึงเลยนะครับที่ผมทำบทเตรียมงาน ผมก็คิดว่าคงใช้เวลาจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะทำงานให้มันดีที่สุด ถ้ามันยังไม่ดีผมก็จะแก้แล้วปรับจนกว่าจะดีที่สุดครับ มันออกไปครั้งเดียวมันก็คือตัวงาน รวมๆ แล้วก็จะประมาณเกือบสองปีได้แล้วครับ แต่ตัวงานที่ถ่ายจริงๆ ก็ร่วมปีครับ
เป็นผู้กำกับที่เป็นนักดูหนังตัวยง สารพัดแนว และทุกครั้งที่หยิบหนังขึ้นมาทำมักจะมีกลิ่นอายหรือประเภทของหนังที่ตัวเองชอบ หลงใหลและสนใจ จากครั้งที่แล้วคือในแนว Cop-Drama พอมาถึงผีห่าอโยธยา เห็นว่าก็เช่นเดียวกันแต่เป็นอีกแนวทางหนึ่งคือหนังในแนวสยองขวัญเลือดสาด
คุณชายอดัม : ผมมักจะนำเอาสิ่งที่ผมชื่นชอบในวัยเด็ก หรือในช่วงหนึ่งของการใช้ชีวิตมา คราวนี้มาก็ยังเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของภาพยนตร์ที่ตัวเองชื่นชอบ และก็ชอบมาตั้งแต่ต้นก็คือ hack and slash horror หรือประเภทหนังสยองขวัญนะครับผม แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มีอีกประเภทหนึ่งอยู่ในข่ายที่เขาเรียก hack and slash ก็ในเรื่องการฆ่ากันเยอะหน่อย จะมีเลือดอาบพอสมควร ระทึก และก็ตัวละครต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำกัด เพราะต้องแสดงธาตุแท้ของตัวเองภายใต้ภาวะกดดัน เมื่อคนเราอยู่ในจุดที่ชิวิตอยู่ในภาวะอันตรายสุดๆ แล้วคนๆ นั้นก็จะเริ่มแสดงชีวิตของตัวเองขึ้นมา ผมชอบและคิดว่าน่าจะมีหนังไทยที่มีหนังแนวนี้ให้ดูกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังที่เป็นหนังสยองขวัญที่มีเรื่องของผีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถึงแม้ว่ามีหนังผีมากมายเลยเมืองไทย แต่หนังผีประเภทนี้ยังไม่ค่อยมี เลยกลับมาจับเป็นโปรเจกต์เรื่องที่สอง หนังสยองขวัญที่เป็นพีเรียดไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สร้างง่ายสักเท่าไรนัก ก็คิดว่าน่าจะทำได้ลองดู แล้วก็ออกมาเป็นภาพยนตร์อย่างที่เห็นครับ
Q. แค่ฟังจากชื่อภาพยนตร์ตามมาด้วยคำถาม ทำไมต้อง “ผีห่า”
คุณชายอดัม : ผมว่าผีแทบจะทุกชนิดมีคนเคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่ผีห่าเป็นผีชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในคำพูดของคนไทยมาตลอด โรคห่าความจริงแล้วแปลว่าโรคระบาดดีกว่า มันจะมีโรคปัจจุบันเวลาได้ยินกับตำนานสมเด็จพระนเรศวรเป็นโรคปัจจุบัน พวกนี้คือเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจวาย โรคเรื้อรังอย่างเช่นเบาหวาน แต่โรคห่าคือโรคที่เป็นโรคระบาดอย่างเช่นอย่างที่บอกอหิวาต์ ไข้ทรพิษ ซาร์ หรืออีโบล่าพวกนี้ ดังนั้นคนไทยจึงมีความเชื่อในโบราณว่าเวลาเกิดโรคระบาดแต่ละครั้งมันเกิดจากผี ผมก็เลยคิดในใจว่าถ้าโรคห่าเกิดจากผี รูปร่างของผีชนิดนี้จะทำหน้าที่อย่างไร ก็ออกมาเป็นคนที่ติดเชื้อโรคแล้วก็ไปฆ่าคนอื่นมีการกัด พอกัดปุ๊บมันก็จะเป็นเชื้อโรคติดต่อ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นในสมัยที่อยู่อยุธยาละ ในสมัยนั้นตามพงศาวดารเปิดอ่านดูมันมีโรคห่าเกิดขึ้นตลอด สิ่งที่เห็นในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ทำงานฆ่าคนอย่างไรในการแพร่โรคระบาดเหล่านี้ ก็เลยลองจินตนาการขึ้นมาเราลองคิดถึงPost-apocalyptic ใช่ไหมฮะ แต่นี่เป็น Pre-apocalyptic มันเป็นยุคสมัยโบราณแล้วก็เหมือนวันสิ้นโลกในสมัยโบราณ ก็คิดออกมาเป็นตัวภาพยนตร์
พอเกิดเป็นไอเดียแล้วความเป็นไปของเรื่องราว หรือทิศทางของหนังที่เราต้องการจะเล่าซึ่งอยู่ท่ามกลางความเป็นหนังผีแอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาด และยังพีเรียดอย่างที่เราต้องการได้อย่างไร
คุณชายอดัม : อย่างแรกพอผมพบว่าตัวเองอยากทำผีห่าอโยธยาปุ๊บ เราสร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมาก่อน สร้างโรคนี้อย่างไรหน้าตา 360 องศาจะเป็นอย่างไร สร้างตัวละครขึ้นมา เป็นคีย์ 3 คู่ 6 ตัวละครที่มีเรื่องราวแตกต่างกัน เราสร้างตัวละครเหล่านี้ขึ้นมาก่อน ตัวนี้เป็นตัวบู๊ ตัวนี้เป็นนักรัก ตัวนี้เป็นคนอารมณ์ดี เราก็สร้างโลกครอบเขา เราก็สร้างกลไกของผีห่าจะเป็นอย่างไรบ้าง มันติดต่อได้อย่างไร วิ่ง กัดได้หรือเปล่า ตาสีอะไร เราก็จะหาคนที่เป็นงานแขนงต่างๆ ตัวผมเองก็จะรู้เรื่องพีเรียดพอสมควรอยู่แล้ว เราเคยสร้างฉากของตำนานสมเด็จพระนเรศวรซึ่งเอามาดัดแปลงใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ระดับหนึ่งเลย เป็นการแปลงจากหมู่บ้านของพระนเรศ ความจริงแล้วเป็นยุคเดียวกันปีพ.ศ. 2108 ช่วงที่หงสาวดีเข้ามาตีพิษณุโลกพอดี แล้วก็เราจะดัดแปลงอย่างไรเราหาช่างฉากที่เคยทำงานกับตำนานสมเด็จพระนเรศวรทีมงานจากส่วนนั้นเข้ามา ตากล้องที่เป็นตากล้องคู่บุญผม ไชทัญญา กุมาร์ กาลละกุรี ที่เป็นตากล้องจากอินเดียอิมพอร์ตเข้ามาหนึ่งคน แล้วก็ตัวผมเอง ผมก็ทำหน้าที่ส่วนใหญ่อยู่แล้ว กำกับ ตัดต่อ บท อาร์ตไดเรกเตอร์ แล้วก็คอสตูม รอบนี้ก็ทำแทบจะทุกอย่างเองในการควบคุม แคสติ้งด้วย
Prosthetics เรื่องนี้ผมคิดว่าพอเป็นหนังสยองขวัญผมอยากจะกลับมาสู่ความดิบแบบดั้งเดิม เรื่องนี้มีซีจีนะ แต่อะไรที่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้หน้ากองเราทำ ดังนั้นเรามีมือ Prosthetics พี่ป๊อบ (เมธาพันธ์ ปิธันยพัฒน์) ซึ่งเป็นยอดฝีมือทางด้านนี้เลย เราได้เห็นงานหลายๆ งานที่ผ่านมาของหนังสยองขวัญหนังผีหลายเรื่อง ทั้งที่ออกไปแล้วสองสามเรื่องที่ผมได้เห็นตัวงาน และก็รู้สึกว่าพี่แกเก่งเว่อร์มีแนวคิดที่แปลกประหลาดมาก ในการที่จะทำงาน จะแบบวิธีง่ายๆเลย วิธีที่เราคิดไม่ถึงแต่สามารถทำออกมาได้เจ๋งมากๆ แต่ในขณะเดียวกันกับที่สร้างความอลังการในตัวงานออกมาได้ซึ่งเหมาะกับผม คือตัวภาพที่ดูสมจริง ตัวเมืองที่ดูมีบรรยากาศที่อึมครึมในช่วงสมัยนั้นตัวผีที่ดูโหดจริงๆดูดุจริงๆนั่นก็เป็นงานประเภทหนึ่งที่เอาคนรู้แต่ละด้านเข้ามา
แต่สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือตัวบทภาพยนตร์ ที่จะขับเคลื่อนให้คนดูติดตามไป รวมไปถึงการออกแบบตัวละครแต่ละตัวที่จะโลดแล่นไปกับแอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาดและพีเรียดเรื่องนี้ด้วย
คุณชายอดัม: ทุกครั้งเวลาผมเขียนบทภาพยนตร์ผมจะแคสติ้งก่อน ถึงเริ่มเขียนบท แล้วค่อยถ่ายทำหลังจากนั้น เพราะว่าผมอยากได้ภาพที่อยู่ในหัวเยอะๆ จริงๆ เลือกนักแสดงเป็นอย่างแรก เช่นเดียวกันเรื่องนี้ในผีห่าอโยธยาผมมีตัวละคร 7 ตัว แล้วก็มีตัวเมนอยู่ 3 คู่อีกตัวกึ่งร้ายกึ่งดีอยู่อีก 1 คน ดังนั้นผมก็จะคละนักแสดงใหม่ที่ไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลยทั้งชีวิต คนที่ผ่านงานแสดงมาบ้าง พระเอกนางเอกที่กำลังเป็นดาวรุ่ง และก็มีนักแสดงที่มากฝีมือมารวมกัน แล้วก็ไล่ดูชีวิตเขาหมดเลย ทุกอย่างทุกรูป แล้วก็ไปดูงานทั้งหมด ผมโทรคุยกับผู้กำกับที่เคยร่วมงานกับเขาทั้งหมดเป็นอย่างไรคนนี้โอเคไหม เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพเขาแล้วก็นั่งคุย ผมจะไม่ใช้วิธีแบบมาแคสท์นะ เราถึงจะเริ่มเขียนบทที่ท้าทายของนักแสดงแต่ละท่าน เช่น แม็กกี้-อาภา ภาวิไล เป็นนักแสดงที่เล่นมีประวัติ ผลงานเช่นคน-โลก-จิต, เธอ เขา เรา ผี มีภาพยนตร์หลายเรื่อง พอมาถึงเรื่องนี้เราจะหาโจทย์ที่แม็กกี้ไม่เคยเล่น แต่ในขณะเดียวกันกับที่ดูดีแล้วก็ดูเหมาะสมกับในตัวเรื่อง เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่คิดนานมาก เรื่องนี้ผมไม่อยากให้แม็กกี้พูด ผมอยากให้แม็กกี้ลองแสดงแค่ตาแค่แอ็คชั่นด้วยมืออย่างเดียว แม็กกี้ก็จะได้โจทย์การแสดงที่ท้าทายมากขึ้น โดยที่กลับบ้านไปแม็กกี้ต้องเล่นอยู่หน้ากระจกคนเดียว ลองทำ workshop กันก่อนล่วงหน้าด้วยหลายครั้งหลายหนมากๆ ทั้งนักแสดงทุกคนเพื่อละลายพฤติกรรม
7นักแสดง 7 ตัวละครหลักแต่ละคนรับบทบาทแตกต่างกันอย่างไรบ้างใน ผีห่าอโยธยา
คุณชายอดัม : แม็กกี้ เล่นเป็น อีพลอย เป็นคณิกาใบ้ เป็นคนแกมโกงคิดเห็นแก่ตัวเล็กๆ น้อยๆ แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งมาพบกับคู่ขา ซึ่งเป็นคนที่ชอบเที่ยวโรงชำเรา เขาก็รู้สึกว่ามีคนเทคแคร์เขาจริงๆ ตัวละครตัวนี้เมื่อมีโอกาสพอมาถึงในจุดที่ผีห่าเข้ามาในหมู่บ้าน เขาไม่ได้เป็นพลเมืองชั้นสองอีกต่อไป เขาจะต้องเอาชีวิตรอด แม็กกี้ จะต้องถ่ายทอดความรู้สึกจากการแสดงภายนอกล้วนๆ ไม่มีไดอะล็อกเลย เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่มีสีสันมากๆ เล่นคู่กับ แต๊บ-เอเอฟ ไอ้ขวัญ เป็นคนอารมณ์ดี อ้วนท้วมสมบูรณ์ เป็นเด็กวัดแต่ติดฝิ่นขายเหล้า เป็นคนที่เอกเขนกสำมะเลเทเมา แต่พอถึงเวลาคนที่เป็นเด็กเที่ยวมาอยู่ในเหตุการณ์คับขันแล้ว เขามีความเป็นคนดีได้หรือเปล่า
ฟังๆ ดูแล้วแต่ละตัวละครก็จะมีดีมีเลว มีความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่เราพบเห็นกันได้ในสังคมซึ่งแตกต่างกันไป
คุณชายอดัม : ใช่ครับ อย่างตัวละครต่อไป เป็นละครที่มีสีสันเยอะ ที่ผมว่าแหกคอกแหกขนบมากที่สุดตัวหนึ่งก็คือนายจัน นำแสดงโดย พี่หนึ่ง ชลัฎ ณ สงขลา พี่หนึ่งเองเป็นคนที่ผมรู้มือการแสดงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร งานกำกับแรกก็มีพี่หนึ่งชลัฎเป็นนักแสดง เป็นนักแสดงที่ส่งเสริมนักแสดงอื่นรอบข้างโดยตลอด ในเรื่องนี้นายจัน เป็นเจ้าของโรงชำเราชาย เป็นคนที่มองทุกอย่างเป็นมูลค่าเป็นเงิน คนที่มูลค่าต่ำกว่าก็จะถูกคัดออก มีเรื่องกับทุกๆ คน จะเป็นคนที่จะโดนเกลียดซะเยอะ ในเรื่องนี่ อีบัว เป็นลูกหนี้ของนายจัน แล้วนายจันไม่ได้อยากแค่จะเอาต้น แต่จะเอาดอก โดยการเอาอีบัวไปเป็นเมีย ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็ใช้กำลัง ในเรื่องก็พยายามจะประทุษร้ายอีบัวมาโดยตลอด พี่หนึ่ง-ชลัฎเป็นคนผิวดำ ผิวคล้ำอยู่แล้วน แต่ผมให้ใส่ชุดจีนให้ใส่อะไรแปลกๆ แหวนเต็มมือ วิธีการแสดงเราพูดกันติดตลกนะในกองถ่ายว่าเมโทรเซ็กชวลสมัยอยุธยา เราก็ลองตีความกันดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เขาก็สามารถที่จะตีออกมาได้ด้วยวิธีการของเขาเอง แล้วเป็นการแสดงที่สนุกไม่ได้ดูเว่อร์มาก แต่เป็นการแสดงที่ดูแล้วเพลิน
ไอ้เล็ก, ไอ้น้อย ผมก็ตีความจากสังคมไทยโดยทั่วไปคนที่มีเงินมีอำนาจ เขาก็ต้องระแวงตัวเองเป็นธรรมดาคงไม่ใช่เป็นคนโง่ซะทีเดียว ผมก็คิดว่าถ้าเกิดในสมัยอยุธยามีบอร์ดี้การ์ดหน้าตาจะเป็นอย่างไร ผมเลยคิดถึงพวกแบบใส่ผ้าเตี่ยว เป็นนักกล้ามหัวโล้นเดินตามอยู่สองคนตลอดเวลา พยายามทำเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดเวลาก็ได้ชื่อคือ พี่พฤกษ์ กับพี่โอ๋ สองคนนี้เป็นนักกล้ามอยู่แล้ว ต้องหาอาวุธหาอะไรให้เขาถือแล้วรู้สึกว่าโอ้โห ท้ายสุดแล้วไอ้เล็กมีอาวุธประจำตัวก็คือปืนใหญ่อันเบ้อเริ่มเลย อีกคนก็จะเป็นค้อนปอนด์ มีอะไรก็จะไอ้สองตัวนี้พยายามออกหน้าก่อน
อีบัว เป็นตัวละครที่มันส์มากผมชอบ femme fatale เรารู้สึกว่าผู้หญิงสมัยนี้ ผมเชื่อในการที่เป็นเท้าซ้ายเท้าขวา แล้วเชื่อผู้หญิงมีความแข็งแรงไม่แพ้ผู้ชายมาโดยตลอด คือผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองไม่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง เป็นผู้หญิงเซ็กซี่เลยนะแต่ต้องแมนมากๆ อีบัวเป็นช่างตีดาบ มีทักษะการใช้อาวุธ ถือเป็นค้อนตีดาบอาวุธประจำตัวเลยดีไซน์คู่ออกมาว่าตัวละครตัวนี้เป็นผู้หญิงที่แกร่งฉันยืนได้ด้วยตัวเอง มีลูกน้องด้วยไอ้ทูล พี่แฟรงค์ (สมเดช แก้วลือ) ขาประจำผมอีกคนหนึ่งเหมือนกัน เป็นคนไม่กลัวใคร ระมัดระวังตัวพอสมควร จนกระทั่งเกือบจะเห็นแก่ตัว แล้วก็ทำให้เขาต้องพึ่งพาบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาอยู่รอดได้ ผมเรียกว่าบัดดี้กับตัวละครที่สู้เก่งที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือไอ้เทพ เป็นครั้งแรกที่ผมทำหนังแล้วรู้สึกว่าตัวละครมันเซ็กซี่มันดูวาบหวิวเอาเรื่องเลยนะ แต่ในขณะเดียวกันกับที่ยังไม่ดูน่าเกลียด ในเรื่องมีฉากที่บู๊เยอะมีโป๊อยู่ด้วย เห้ยโซดาได้นะได้ค่ะเอาเลย เขาก็เป็นนักแสดงที่ทุ่มทุนคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นการแสดงครั้งแรกในเป็นตัวละครที่คนจะชอบตัวหนึ่งเลยเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมนะในฐานะผู้กำกับ
อีเมี้ยน นางเอก เป็นตัวละครที่เป็นนักรัก ต้องเล่นอารมณ์เยอะ ผมไปดูงานแผลเก่าทั้งของคุณเชิด และของหม่อมน้อยดูชั่วฟ้าดินสลายผมอ่านอะไรที่มันไทยๆ เพราะในขณะเดียวกันผมดูนังจากหนัง hack and slash ของต่างประเทศเยอะแต่ผมต้องการกดอะไรบางอย่างให้รู้สึกว่า นี่คือไทยโบราณที่ยังดูป็อบ ดูร่วมสมัยอยู่ หนังเรื่องนี้จะไม่เปื้อนกลิ่นอายของเมืองนอกเยอะเกินไป ก็เลยสร้างอีเมี้ยนกับไอ้คงขึ้นมา เป็นคนที่มีเงินแต่ดันไปรักไอ้เด็กวัดซึ่งเป็นเรื่องที่ simple ที่สุดในโลก ผู้หญิงคนนี้ก็จะต้องโดนพ่อลากออกไปจากหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว อีเมี้ยนกลับมาหาคนที่มันรัก ผีห่ามันอยู่เต็มไปหมดพอเป็นอย่างนี้จะเอายังไงดี เป็นตัวละครที่รักซึ่งกันและกันมาก ความรักตรงนี้อาจจะไปส่งผลกับผู้อื่นได้นะผมเคยร่วมงานกับแคทมาก่อน แคท ซอนญ่า สิงหะ เป็นคนที่โผงผาง โก๊ะ รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีดีมากเลยนะยังไม่เคยมีใครนำมา เทปเดิน แอ็คชั่น น้ำตาไหล เล่นไดอะล็อกได้ ผมรู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากเขาอยากที่จะให้มันดีที่สุดเสมอ เดย์-ไนท์ เช้า-เย็น เป็นบททดสอบที่ดีเลยให้กับนักแสดงคนนี้ ผู้หญิงที่ทำเพื่อคนรักมันจะไม่ได้ทำเพียงแค่ฉันรักเธอเขาต้องทำอย่างอื่นได้ เขาต้องเลวได้ หลอกคนได้ เขาต้องมีมารยานะ ผู้ชายเป็นผู้นำนะแต่ผู้หญิงเป็นคนที่สามารถจะชักใยได้อะไรได้
ไอ้คง ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่ผมวางไว้ตัวแรกเลย เป็นเทพบุตรผู้ชายหน้าตาดี แมนๆ ดูล่ำๆ เป็นเด็กวัดนิสัยดี แต่ว่าไปชอบผู้หญิงที่เกินเอื้อมเยอะเลย แล้วก็มีการแสดงที่ดี เล่นบู๊ได้ พีเรียดได้ ซึ่ง เต้ย-พงศกร คือคำตอบที่มองตั้งแต่ต้น ไม่ค่อยมีดาราที่จะผ่านมือ พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ท่านมุ้ย แล้วยังสดอยู่ เขาเป็นคนที่ดีทั้งภายในและภายนอกและดูดีมาก แล้วการแสดงก็ไม่ได้ขี้เหร่ดูดีมากทีเดียว ขี่ม้าเป็นฟันดาบเป็นทำทุกอย่างเป็น แล้วก็เป็นคนที่เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องไปนุ่งผ้าให้ เดินมาปุ๊บนุ่งผ้าเอง ทำงานเร็วได้อานิสงฆ์จากท่านพ่อผมมาเต็มๆเลยโอ้โหขอบคุณพ่อมากๆ ที่หาพระเอกอย่างงี้มาประเคนให้ใส่พานรอไว้แล้ว พยายามปกป้องคนรักต้องก้าวข้ามผ่านตรงนี้ไปเป็นผู้นำให้ได้ เป็นบทที่ไม่ค่อยง่ายสำหรับเต้ย เต้ยเป็นคนที่ไม่ต้องเทรนอะไรเพิ่มเติมเลยนะในความเป็นจริงแล้ว เพราะว่าทุกอย่างที่เราจะทำเขาเราผลักเขาตกน้ำเอย เราถีบเขา ให้เขาเล่นบทคิวบู๊ เราให้เขาเล่นวิ่งหนีสู้กับผีห่า ฟันกันไปฟันกันมา ทำได้หมดด้วยความที่เป็นนักแสดงมืออาชีพ และฝึกด้านนี้มาโดยตลอด ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหา ยิ่งไดอะล็อกทุกอย่างเข้าปากเต้ยเป็นธรรมชาติหมด เพราะเล่นพีเรียดมาโดยตลอด ทำงานด้วยง่ายและก็มีวินัยดี พูดคุยง่าย ไม่มีปัญหาอะไรเลย
การเลือกเข้าคู่กันของคู่พระนางที่เลือกมากับมืออย่างแคท-เต้ย พอได้ร่วมงานกันเคมีทางด้านการแสดงของพระเอกนางเอกคู่นี้เป็นอย่างไรบ้าง
คุณชายอดัม: นักแสดงทั้งกลุ่มนี่เขาจะคุยกันอยู่ตลอด เที่ยวกันอยู่ตลอดเฮฮากัน และก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ดังนั้เต้ยกับแคทมีเคมีที่ดีอยู่แล้วตั้งแต่หลังกล้อง เป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควร ก็พอมาอยู่หน้ากล้องปุ๊บ ความอายในการเล่นด้วยกัน เคมีเขาโอเคเลยทีเดียว เพียงแต่ให้เขาปรับมาเล่นในอารมณ์ของภาพยนตร์แค่นั้นเอง ที่เหลือก็โอเคเลยครับ คงกับเมี้ยนน่าจะเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายที่สุดในเรื่องนี้นะครับ แล้วก็เป็นเรื่องของทางฝั่งรักมากกว่าที่จะเป็นเรื่องฝั่งบู๊ หรือฝั่งสยองขวัญ
ไอ้เทพ เป็นตัวละครที่โผล่มาในหนังน้อยที่สุด แต่มีความสำคัญเทียบเท่ากับทุกคนเลยนะ ดูเก่งที่สุดในเรื่อง ผมเป็นคนชอบตัวละครแบบนี้มาโดยตลอด พูดน้อย แต่ทุกครั้งที่เขาโผล่มายืนเฉยๆ มันกลับกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังมากๆ ผมต้องการตัวละครประเภทนั้นตัวละครที่หยั่งรู้ทุกอย่าง เพียงแต่พยายามแก้ปัญหาให้ด้วยวิธีการที่ฉายเดี่ยว ศึกษาเอง รู้เอง ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไอ้เทพเป็นคนแบบนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นแค่ไอ้ขี้เมาธรรมดา แต่ก็มีภูมิหลังอยู่พอสมควร เราก็ได้อธิบายตรงนี้ให้กับ พี่คานธี อนันตกาญจน์ ซึ่งเป็นนักแสดงละครเวทีที่เก่งมากๆ เขาสามารถสะกดคนทั้งฮอลล์ได้หมดเลย หลังจากนั้นเขาก็เริ่มไว้ผมยาว ไว้หนวด พอมาถึงหน้าเซ็ทปุ๊บ เขาก็จะปลีกตัวไปอยู่ในบ้านเรือนไทยคนเดียว แล้วก็เริ่มคิดถึงตัวละครที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเก่าซึ่งเคยเห็นแก่ตัว มันทำให้เขาแบกรับภาระชีวิตมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่เคยเล่นภาพยนตร์มาก่อน แต่ด้วยการที่เป็นนักแสดงมืออาชีพอยู่แล้วในฝั่งละครเวทีทำให้เขาไม่มีปัญหาเรื่องของอารมณ์ นักแสดงคนนี้ไม่ต้องพูดเยอะสั่งเยอะ เขาตีความของเขาเอง ถ้าเขาไม่รู้เขาจะถามเรา ยิ่งตัวละครอย่างไอ้เทพเอง ก็เป็นตัวละครที่เก่งมาก ถือดาบสองมือ ต้องบู๊ ต้องฟันหัวขาดทีเดียว มีสัญชาติญาณดี เทพกับอีบัวมาเป็นคู่กัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเป็นคู่ที่บู๊หนักสุด เท้าเปล่าบู๊กัน วิ่งไปฟันกันไปกันมา ดังนั้นตัวละครสองตัวออกจะมีสปิริตแรงกล้า และมีลูกบ้าเยอะ
ด้วยความที่เป็นหนังพีเรียดทำให้การทำงานในหลายๆ ส่วนทวีคูณความยากยิ่งขึ้นไปอีก แต่นั้นยังไม่พอ ด้วยความที่ ผีห่าอโยธยา ไม่ใช่หนังรักแต่เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีผีด้วย
คุณชายอดัม : เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ยากที่สุดในโลกคือการที่อยู่ดีๆ ไอ้พวกผีพวกนี้ ลุกขึ้นมาไล่กัดกินคนอยู่ทั้งหมู่บ้าน แล้วในขณะเดียวกันกับที่ตัวแสดงจะต้องไปเล่นในยุคพีเรียดไดอะล็อกแบบพีเรียด ซึ่งผมไม่ใช่คนเขียนไดอะล็อกง่ายๆ พูดยาก แสดงยาก แล้วต้องแสดงให้ดูน่าเชือถือ ต้องให้คนดูที่นั่งอยู่ในโรงหนังรู้สึกเห็นคนแสดง เขาเหมือนอยู่ในยุคอยุธยาจริงๆ เขาต้อง workshop เยอะ ต้องฝึกโปรเจกต์เสียง ฝึกทำโน่นทำนี่ นักแสดงทุกคนทุ่มเท ผมใช้คำว่าตั้งใจ และเชื่อในผู้กำกับ เชื่อในสิ่งที่เรานำเสนอ เราลงเรือลำเดียวกัน ผมเป็นคนที่ทำงานเป็นผู้กำกับที่ไม่ใช่ผู้กำกับที่นิสัยดีสักเท่าไร ผมทำงานผมดีมานด์กับนักแสดง ผมให้เขาเล่นโน่นเล่นนี่ วันแรกๆ นักแสดงมาแบบเปื้อนเลอะเทอะขนาดนี้เลยเหรอ หลายคนอยู่ในช่วง 20-30 ปี ก็ยังมีอนาคตสดใสรออยู่อีกเยอะ หนังเรื่องนี้เป็นหนังกึ่งวัยรุ่น ผมต้องการทำให้คนเชื่อด้วย นักแสดงสามารถเฉลี่ย หรือเกลี่ยให้มันออกมาดูลงตัวกันทีเดียว อีกอย่างหนึ่งก็คือด้วยความที่หนังเป็นพีเรียดย้อนยุคไปสี่ร้อยกว่าปี เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เวลาแต่งตัวพอเราจัดได้แล้ว เราก็เย็บเลย ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำต้องแกะออกแล้วก็เย็บใหม่ มาอยู่ในเซ็ทอยู่ในพื้นที่อยู่ในบรรยากาศ เจอผีจริง ฟิลลิ่งมันมา แล้วพวกเขารู้สึกว่าเขาอยู่ในโลกย้อนยุคจริงๆ นักแสดงจะต้องย้อนกลับไปให้รู้สึกแบบนั้นให้ได้ ซึ่งเราในฐานะผู้กำกับก็จะต้องช่วยเขา สร้างฉาก สร้างบรรยากาศ สร้างทุกอย่างให้มันเอื้อ ส่วนในพาร์ทของแอ็คชั่นเรื่องนี้ผมทำคิวบู๊เอง มีฟันผีสู้กันวิ่งกันเยอะวิ่งฟันสู้ แล้วก็ต้องเล่นอารมณ์เยอะ อารมณ์กลัว อารมณ์ต่างๆ ตีสองตีสามกระโดดน้ำกระโดดท่ากัน ก็ในป่าในเขาแมลงกัดแล้วป่าผมไม่ใช่ป่าง่ายๆ ป่าผมป่าหนามทั้งนั้นเลย เราถ่ายทำกันที่กาญจนบุรีมีแต่หนามมีแต่แมลงโหดๆ ทั้งนั้น แต่นักแสดงเราเต็มที่นะ แต่ว่าในขณะเดียวกันกับที่นักแสดงก็โดนทรมานพอสมควรในเรื่องของด้านอารมณ์ ด้านบทผมไม่ค่อยแก้บทให้นักแสดง แล้วผมก็ไม่ให้นักแสดงดูภาพด้วย เชื่อผมเท่านั้นแล้วผมจะบอกเองว่าตอนนี้โอเคหรือไม่โอเค ซึ่งส่วนใหญ่เราโอเคส่วนใหญ่90%เราโอเคจำนวนเยอะมากที่เทคเดียวผ่านเพราะนักแสดงเข้าใจตรงกับผู้กำกับ
คิดว่าเสน่ห์ของ “ผีห่าอโยธยา”อยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
คุณชายอดัม :เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ คนมาดูหนังไทยจะได้กลิ่นอายของความเป็นฝรั่งในบท หรือรูปแบบการเล่าเรื่องแบบฝรั่ง ดังนั้นสองอย่างนี้เป็นจุดที่พบกันครึ่งทางผีห่ามันไม่ใช่ซอมบี้ วันแรกที่ผมทำผมคิดถึงโรเมโร่ ผมคิดว่าเราอยากทำหนังแบบ Land of the Dead ไหม แต่เราไม่อยากเป็นแบบ Land of the Dead เราไม่อยากเป็นหนังซอมบี้ เราจะสร้างอะไรขึ้นมาที่ไม่ใช่ซอมบี้ แต่คนที่ดูซอมบี้ก็จะรักมันไปได้ด้วย พวกเราค้นพบว่าเราสามารถทำให้เกิดกลิ่นอายหรือมุมมองใหม่ๆของhack and slashฟิล์มในเมืองไทยได้แล้วนะ เราทำหนังประเภทสยองขวัญเป็นหนังผีสยองขวัญอีกแบบหนึ่งที่หาจุดพอดีได้แล้วซึ่งโชคดีมาก เพราะผมกลัวมากเลยนะ วันแรกที่ผมทำว่ามันจะไม่ใช่หนังผีไทย และมันจะไม่ใช่หนังผีฝรั่งแล้วมันจะสนุกเหรอเพราะผมเป็นคนดูหนังฝรั่งแล้วก็หนังไทยด้วย แล้วผมก็จะเห็นว่าความกลัวสองแบบนี้มันจะต่างกัน เราก็ต้องทำโจทย์ทำresearchอย่างหนักว่าเราจะทำอย่างไรดี ตัวละครจะเป็นอย่างไร ผีจะมาทางไหนเพราะฉะนั้นเสน่ห์ในหนังเรื่องนี้คุณได้สองแบบคุณจะอยู่ในสองโลกนี้ได้
เราจะได้เห็นหนังแอ็คชั่นที่ตัวละครต่อสู้กับผีฟันคอขาด ทะลุกะโหลก เลือดพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการถ่ายทำที่เน้นความสดในกล้อง ณ ตอนถ่ายเลยมากกว่าที่จะเน้นทางด้านซีจี
คุณชายอดัม : ใช่ครับ ต้องบอกว่าเป็นพระเอกอีกตัวหนึ่ง อยู่ทุกที่เลยไปไหนก็จะเห็นไอ้เจ้านี่โผล่มาพอๆกับพระเอกนางเอกของหนังเลย คอนี่ตัดแล้วตัดอีก ตัดเสร็จแล้วก็เย็บกลับไปใหม่ เป็นงานที่ตัวศพเหล่านี้ แล้วก็การทำProsthetics เนี่ยมันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ รู้สึกว่านอกเหนือจากหนังโรเมโร่ที่เราได้ดู หรือว่าหนังผีไทยอย่าง นางนาก ในขณะเดียวกันผมไปดูงานผู้กำกับ เรย์ แฮร์รี่เฮาเซน ซึ่งเป็นนักทำอนิเมชั่น เขาจะชอบเอาโครงกระดูกมาถ่ายทีละภาพๆ แล้วค่อยๆ ขยับๆ แล้วมันจะกลายเป็นกระดูกกองทัพกระดูกสู้กับคนอยู่ในหนัง แล้วเรารู้สึกว่ามันดูเหมือนจริงมากเลยนะ เพราะมันถ่ายสิ่งที่มันอยู่ได้จริง ผมเชื่อว่าซีจี ทำให้หนังดูดีขึ้น แต่เราจะต้องมีพื้นที่ดีด้วย ผมพยายามสร้างฐานให้มันกว้างขึ้น โดยการทำอะไรก็ตามให้เป็นไปได้ ให้ได้ให้หมดก่อน แล้วถ้าได้หมดปุ๊บ แล้วจะเสริมมันด้วยซีจีนี่มันก็จะดูดียิ่งขึ้นอีก มันเป็นการทำงานคู่กัน ถ้าสองอย่างมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตัวหนังก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้น ดูจริงจังขึ้น แล้วหนังเรื่องนี้ทำ realistic ไม่แหวะ ตัดก็เห็น ผมไม่คิดว่าความแหวะ หรือความอี๊มันเป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่คนจะดูหนังแล้วแบบ ปึ้ง น่ากลัว หลายโมเม้นต์ในหนังพอสมควรเลย อยู่ดีๆ มาถึงไอ้เทพมาฟัน ฉัวะ ขาด ซีจีก็จะมีแค่เลือด แต่ที่เหลือสมองเราทำขึ้นมาหมดเลย ผมเชื่อว่านักศึกษาทั่วไปน่าจะเอาเป็นกรณีศึกษาได้เลย เราไม่ได้ทำแบบฝรั่ง เราจะเห็นว่าพวกฝรั่งลงทุนเยอะมากกับการทำตัวละคร ตัวหุ่นขึ้นมาเราไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น แต่เราใช้วิธีคิดที่ดีกว่า เราคิดเยอะว่าจะแต่งอย่างไรให้ผี 20-30 ตัววิ่งเต็มหมู่บ้าน แล้วก็ในขณะเดียวกันให้ดูเป็นผีห่า ก็ใช้วิธีแบบดิบๆ หน่อย เราใช้มาร์กเกอร์ไวท์บอร์ดวาดเส้นเลือดเองเลย ใช้เจลกันความชื้นทำเป็นแผล เป็นตุ่มออกมา ซึ่งดูในหนังแล้วแบบน่ากลัวจริง
มาถึงตัวละครสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ไม่พุดถึงไม่ได้ก็คือ “ตัวผีห่า”
คุณชายอดัม :ผีห่าคือพระเอกตัวจริงของเรื่องนี้ ตัวจุดชนวนให้เรื่องมันเกิดขึ้น เรื่องนี้ติดพอกัดแล้วติดเชื้อข้ามวันข้ามเดือน หรือว่าภายใน 24 ชั่วโมง เราต้องสร้างกฎของเราขึ้นมาด้วยนะ ของผมวิ่งได้ กัดได้ ฟังเสียงได้ แต่ปีนกระโดดไม่ได้ สร้างกฎขึ้นมาก่อน ถึงจะดีไซน์ตัวขึ้นมา เราคิดถึงโรคระบาดพวกไข้ทรพิษ โรคอหิวาต์เป็นตุ่มเล็กๆ อยู่เต็มตัวไปหมด เราก็สร้างเป็นตุ่มหนองขึ้นมาเต็มตัวหมด เป็นแผงๆ ตามระยะของเส้นเลือด โดนกัดตรงไหนมันก็เข้าไปตามเส้นเลือด แผลก็จะอยู่ตามเส้นเลือด แล้วก็เป็นแผลมันจะเริ่มลามเป็นเลือดเสียหมดเลย เส้นเลือดในร่างกายก็จะดำแล้วผิวก็จะแห้งลงเรื่อยๆ เป็นสะเก็ดขาวบ้างดำบ้างแล้วแต่คน เป็นสเต็ปว่าผิวแบบช่วงแรก 2-3-4-5 เป็นอย่างไร ตัวละครจะเดินแบบไหน การสั่งงานด้วยสมองเป็น สิ่งเดียวที่มันเกิดมาแล้วมันรู้ก็คือมันจะต้องฆ่าคนมันต้องกินคนแล้วแพร่เชื้อให้คนๆ นั้นฟื้นกลับมาใหม่ นี่คือกฎสำคัญที่สุดของมัน และนั่นทำให้หนังมันสยอง พอสิ่งที่ไม่รู้จักอะไรเลยมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เราไม่สามารถหยุดสิ่งที่เรามองเห็นได้ชัดเจนจริงๆ แล้วทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้หมดครับ เรามีซีนหนึ่งเลยที่โบสถ์ ทุกคนเป็นผีห่าได้หมด ในบทที่ผมเขียนมาผีห่ามันเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมเหมือนโรคระบาด มันไม่จำกัดว่ามันจะไปที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเราจะไปหลบตรงไหนกัน เราไปหลบอยู่ในโรงชำเราชาย มันออกจะตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่
ก่อนเปิดกล้องคุณชายอดัมมีการเตรียมงานก่อน ถึงขนาดจับทีมงานมาแสดงเป็นตัวละครและถ่ายหนังทั้งเรื่องตามมุมกล้องจริงไปตั้งแต่แรกเลย
คุณชายอดัม : เนื่องจากผมไม่ชอบเน้นกองใหญ่ๆ แล้วเราก็มีทีมงานที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ ผมจะต้องเป็นคนที่เตรียมงานเยอะมากๆ ผมจะถ่ายหนังทั้งเรื่องก่อนหนึ่งครั้งแล้วตัด ผมจะมีผู้ช่วยมาเล่นแทนเล่นหนังทั้งเรื่องเลยนะครับ ครบตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วทุกอย่างสมบูรณ์บนโต๊ะ พอเห็นภาพทั้งหมดปุ๊บต้องเตรียมอะไรบ้างยังไงบ้างคอสตูมดีไซน์ คือผมเรียนทั้งอาร์ทไดแรกเตอร์เองกำกับตัดต่อ แล้วก็บทเอง แล้วก็มี
ส่วนร่วมโปรดิวซ์เองเพราะฉะนั้นทุกอย่างจะอยู่ในมือผม แม้กระทั่งคิวแอ็คชั่น ดังนั้นผมจะรู้ทั้งหมดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหนังบ้าง 100% แล้วผมก็จะจดทุกอย่างเป็นตาราง ช่วยกันลิสต์กับทีมที่ทำงานใกล้ชิดกัน ลิสต์ออกมาทุกอย่างหนังทั้งเรื่องมีหมดในมือถือผมในเครื่องคอมผมจะมีในกูเกิ้ลไดร์ฟนี้จะมีทุกอย่างครบหมดเลยรายละเอียดหนังทั้งเรื่องตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเวอร์ชั่นแรกทุกอย่างจะเป็นไฟล์อยู่ในอินเทอร์เน็ตหมด แล้วก็เวลาทำงานมันจะได้ทำงานง่าย เพราะเราจะไปโฟกัสที่การแสดงจริงๆ เวลาถ่ายทำ
ในฐานะผกก.อยากให้เล่าฟังถึงเรื่องราวของภาพยนตร์ และการทำหนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกอะไรกับคนดู
คุณชายอดัม : เรื่องผีห่าอโยธยาเป็นเรื่องที่ง่ายนะครับ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่เราอยากจะสื่ออยู่นะครับ คือเรื่องมันก็แค่ตัวละคร 6 ตัว ซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งชอบ ทั้งไม่เข้าใจกัน ตัวละครทั้งหมดนี้อยู่ในภาวะกึ่งจำยอมด้วยสภาพแวดล้อมทั้งภายใน และภายนอกของตนเอง จนกระทั่งวันหนึ่งมีผีเข้ามาล้อมในหมู่บ้าน คนเริ่มตายในหมู่บ้านในป่า มันเป็นโรคห่าคนก็เลยจะอพยพจะหนีกันหมู่บ้านก็เริ่มจะตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่อยู่แล้ว เพราะอยู่ในช่วงสงครามด้วยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แล้วท้ายสุดแล้วไอ้โรคห่าในที่นี้ที่คนคิดว่ามันเป็นโรคความจริงแล้ว ไม่ใช่มันเกิดจากผีไม่ได้เกิดจากโรคมันระบาด เราไม่รู้วิธีการระบาดของมันซึ่ง ดังนั้นไอ้ 6-7 คนที่อยู่ในสังคมตรงนี้ ในระหว่างที่ผีห่าฆ่าเขาจะทำอย่างไรในเมื่อเขารู้ว่า แต่ละคนชอบกันไม่ชอบกัน แต่ในขณะนี้เราจะตายหมู่ด้วยกันอยู่แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรต่อ คนเรามันไม่เหมือนกัน มีแบล็คกราวน์ที่แตกต่างกันความคิดแตกต่างกัน มีแนวทางการใช้ชีวิตที่ต่างกันเหมือนสังคมไทย เมื่อเราถูกล้อมกรอบอยู่ในภาวะที่จะกดดัน แต่ละคนจะแสดงออกอย่างไร จะเห็นทุกแบบ ตั้งแต่ คณิกา,เศรษฐี,เด็กวัด,ทหารหนีทัพ,ช่างตีดาบ ทั้งเพศหญิง-ชาย เราจะให้เห็นความรัก ความบู๊ ฉากที่ทั้งแบบดิบ แบบสยอง แบบน่ากลัว แบบเซ็กซี่ แบบรันทด นผมเชื่อว่าเราจะชอบตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในนี้ แล้วในทุกตัวละครล้วนแล้วแต่จะมีฉากของตัวเอง ที่มีฉากเด่นหมด
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์ม