นอกจากจะทำหน้าที่เป็น “นักร้องเสียงคุณภาพ” ให้แฟนๆ ได้ฟังกันแล้ว ล่าสุด โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ นักร้องสาวเจ้าของบทเพลงฮิต “ก้อนหินก้อนนั้น” ก็ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเต็มตัวในละครเรื่องแรก “เพลิงตะวัน” ให้กับค่ายดูมันดี โดยมีผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร รับหน้าที่เจียระไนให้สาวโรสมารับบท “นักฆ่าคีริน” นักฆ่ามือฉมังที่เบื้องหน้าเป็นนักร้องตามผับ แต่เบื้องหลังคือ นักฆ่าสาวฝีมือดีที่เหี้ยมโหดสุดๆ
วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวโรส ที่ดูเหมือนว่าเธอจะชื่นชอบการแสดงเข้าให้แล้ว ด้วยเหตุผลในเรื่องของความท้าทาย ความสนุก และที่สำคัญเป็นการทำงานที่ได้เปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ
@คิดอย่างไรถึงมารับงานแสดง
ก่อนหน้าที่จะได้แสดงละครเรื่อง “เพลิงตะวัน” โรสเคยแสดงซิทคอมสั้นๆ “เลิฟ ออน แอร์” มาก่อน ในบท “โรส-ศรินทิพย์” เล่นเป็นตัวเองเลย ซึ่งที่ผ่านมาโรสอยากเล่นละครมานานแล้ว รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกดี โรสคิดว่าการเป็นนักร้องหรือเป็นนักแสดงมันจะมีความเหมือนกันตรงที่เราต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง อย่างการร้องเพลงที่เราไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แต่เราก็ต้องทำให้ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาให้เขารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร นักแสดงก็ดูจะไม่ต่างกัน โรสจึงอยากลองเรื่องการแสดงบ้าง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ทางของเราก็ได้หรือเล่นๆ ไปเราอาจสนุกเหมือนกับการร้องเพลงก็ได้นะ
@แล้วมาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไร
ด้วยความคิดแบบนี้ ที่ผ่านมาก็พูดมานาน แถมพูดกับพี่ๆ นักข่าวด้วยว่า อยากลองเล่นละครดูบ้างบ่อยมาก แต่ด้วยความที่โรสเป็นคนชอบพูดเล่น บางทีก็เล่นมุข คนเลยอาจคิดว่าพูดเล่นมั้ง จนกระทั่งมาเจอ พี่อิน บูโดกัน ในงานหนึ่ง พี่เขาก็พูดถึงเรื่องเล่นละคร โรสก็บอกพี่เขาไปว่าอยากเล่นละครเหมือนกัน พี่อินก็ถามว่านี่พูดจริงหรือเปล่า โรสก็บอกว่าจริงสิ… พี่อินเลยบอกว่าเดี๋ยวบอก พี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ให้ หลังจากนั้นไม่นาน พี่วุธ ก็ติดต่อมาว่าอยากให้รับบท “นักฆ่า” ฟังทีแรกก็ตกใจเหมือนกันว่า เราเนี่ยนะจะเป็นนักฆ่า แต่คิดว่าพี่เขาคงเห็นอะไรในตัวเรา อีกทั้งคงอยากให้โอกาส โรสก็คิดว่ามันน่าลองนะเลยตอบรับเล่นทันทีแม้ตอนนั้นรับรู้แค่รับบทเป็นนักฆ่าสาวโหดเหี้ยมเท่านั้น หลังจากนั้นพอได้อ่านบทถึงได้รู้ว่า โรสรับบท “คีริน” เป็นตัวละครที่ไม่ได้เป็นแค่นักฆ่าโหดเหี้ยมเพียงด้านเดียวแต่ยังมีมุมเป็นคนกตัญญู รักครอบครัว ในเรื่องมีการตัดสินใจเลิกเป็นนักฆ่าแล้ว แต่ก็มีเหตุจำเป็นทำเพื่อแม่ จึงทำให้ต้องกลับมาทำอีกมีมุมต้องเล่นดราม่าด้วย
@ก่อนการแสดงมีการเตรียมตัวอะไรบ้างมั้ย
ก็พยายามกินให้น้อยลง เพราะโรสปกติจะกินเก่งแล้วจะอ้วน นอกจากนี้ก็หันมาออกกำลังกายมากขึ้น เหตุผลก็เพราะโรสเป็นคนที่ไม่ค่อยทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว ซึ่งในเรื่องมันต้องมีแสดงแอ็คชั่นด้วย โรสก็เลยต้องออกกำลังกายให้ตัวเองเฟิร์มคล่องตัวมากขึ้น แล้วก็หาหนังพวกตำรวจ หนังแอ็คชั่นมาดูเยอะมาก มีศึกษาเลียนแบบท่าทางบ้าง
@ในเรื่องต้องไว้ผมยาวด้วย
ใช่ คือในตอนแรกที่เป็นนักฆ่า โรสก็จะไว้ผมสั้นคือผมเรานี่แหละ แต่พอวางมือไม่ได้เป็นนักฆ่า พี่วุธ ก็อยากให้มีความต่างบ้างเหมือนเราเปลี่ยนไป ก็เลยอยากให้ผมยาว โรสเลยต้องต่อผ มซึ่งออกมาดูเนียนเชียวเหมือนธรรมชาติมาก แต่พอตอนหลังกลับมาเป็นนักฆ่าอีกโรสก็กลับมาตัดผมสั้นอีกครั้งก็เอาผมที่ต่อออก ซึ่งฉากตอนไว้ผมยาวโรสก็เคยไว้ผมยาวมาก่อนก็เลยดูไม่แปลกอะไร แต่ถ้าถามว่าจะกลับไปไว้ผมยาวอีกมั้ย ก็คงจะไม่เพราะโรสไว้ผมสั้นมา 2-3 ปีได้ มันรู้สึกสบายมาก เพราะโรสเป็นคนที่ผมหนามาก ตอนไว้ผมยาวเวลาสระผมๆ จะแห้งช้า เป่าไดร์วนานมาก แต่พอมาไว้ผมสั้นประหยัดทั้งแชมพู ประหยัดทั้งเวลา เวลารีบๆ สระผมไม่ต้องไดร์วเลย ปล่อยแปปเดียวก็แห้งแล้ว เลยชอบไว้ผมสั้นมากกว่าแล้ว
@เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องหัวของโรสด้วย คืออะไร
ปกติโรสจะเป็นคนที่หัวโตมาก แถมยังหัวทุยอีก แล้วในเรื่องตอนฉากที่ต้องต่อผมจะใช้กิ๊ฟหนีบกับผมจริงของเรา โดยปกติมันก็จะเจ็บอยู่แล้ว พอมาเจอฉากตอนเป็นนักฆ่าต้องใส่หมวกกันน็อคยิ่งลำบากใหญ่ ซึ่งในประเทศไทยหาหมวกไซส์โรสได้ยากมาก จำได้ว่าวันที่ไปถ่ายทีเซอร์หมวกกันน็อคที่เตรียมมาใส่ได้แค่ครึ่งหัว หลังจากนั้นพี่วุธต้องไปหาไซส์ใหม่ได้ไซส์ XXL มาให้ ซึ่งมันก็ใหญ่มากแล้ว แต่โรสก็ยังคับอยู่จากเดิมตอนใส่หมวกหัวเราก็เจ็บอยู่แล้ว แล้วตอนมาเจอกิ๊ฟที่หนีบผมเราอีก โอ้โห…มันเจ็บทรมานมาก แต่ต้องทนเพราะหาหมวกไซส์ใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว เพื่อนสนิทโรสจะรู้ว่าหมวกธรรมดาใส่ไม่ได้เลย ความที่หัวโตมาก
@ความรู้สึกที่ได้เข้าฉากวันแรก
โอ้โห…เกร็งมาก วันแรกที่ถ่ายโชคดีเป็นซีนง่ายๆ ไม่ยาก ยังไม่มีซีนอารมณ์ อย่างเช่น ซีนแรกที่ถ่ายเป็นซีนหาแม่ไม่เจอ คือแม่ไปขายหมูปิ้งแล้วเหมือนมีคนเอาเปรียบแม่ พระเอกนางเอกมาช่วยไว้ แล้วพากลับบ้านความที่มันผิดเวลา เราก็เลยเป็นห่วง เป็นซีนง่ายๆ แต่ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก ความที่เป็นละครเรื่องแรกที่แสดงแบบเต็มๆ เรื่องแอ็คติ้งก็ไม่เคยเรียน สิ่งที่กลัวมากที่สุดก็คือทำให้ทุกคนเสียเวลา อีกทั้งบทก็เพิ่งได้ตอนเช้าวันนั้นเลย มันก็เลยยิ่งทำให้เราไม่ได้ศึกษาบททำการบ้านทำความเข้าใจตัวละครมาก่อน ซึ่งก็เข้าใจนะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ประพันธ์มา มันเป็นการเขียนบทขึ้นมามันก็เลยได้วันต่อวัน หรือบางทีก็ล่วงหน้าแค่วันสองวัน เพราะต้องนั่งเขียนใหม่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้บทตอนเช้าทุกเช้าก่อนที่จะถ่ายมันก็เลยทำให้เรายิ่งเกร็งมากกลัวทำให้เสียเวลากัน
@ฉากไหนที่เล่นมาแล้วยากที่สุด
ฉากขี่มอเตอร์ไซด์ยากที่สุด คือขี่ไม่เป็นไม่เคยขี่ ถ้าเป็นออโต้แค่บิดแล้วไปได้นะ แต่นี่เป็นมอเตอร์ไซด์ผู้ชาย ซึ่งการใส่เกียร์ การปล่อยครัช แล้วบิดเพื่อให้ไปแล้วมันไม่ให้ดับ มันเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนมันก็เลยค่อนข้างยาก แล้วรู้สึกตลกมาก เพราะเราต้องทำหน้าว่าขี่เป็นพอนำ 5-4-3-2 ขับออกไป แทนที่จะวิ่งมันก็จะดับเป็นอย่างนี้หลายครั้งจนรู้สึกว่าเป็นฉากที่ยากที่สุด กว่าจะออกมาอย่างภาพในละคร โรสต้องขี่ซ้อมหลายรอบก่อนถ่ายแล้วเวลาถ่ายโรสก็จะขี่ไปอย่างช้าๆ นะ
@เรื่องของแอ็คติ้งไม่มียากเลยหรือ
ถ้ายากก็พวกซีนอารมณ์ ร้องไห้นะ..
@แต่ทีมงานชมกันเยอะว่าโรสเล่นซีนร้องไห้เก่ง คิดอะไรน้ำตาถึงไหล
โรสคิดถึงว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ แล้วเกิดเรื่องขึ้นแบบนั้นจริงๆ อย่างซีนแรกที่ต้องร้องให้ พี่เอ๋ (ปิยะธิดา เพ็ญจินดา) ที่รับบทแม่ก็ช่วยส่งอารมณ์ให้มาดีด้วย คือเราเหมือนเสาหลักครอบครัวอุตส่าห์ทำงานเก็บเงิน เพื่อมารักษาตาแม่ แต่น้องสาวเป็นคนเกเรมาขโมยเงินเอาไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่ตัวเองอยากได้ เราโมโหมากก็เลยตบน้อง ทั้งๆ ที่เราก็รักน้องนะ แต่เราโกรธเพราะงานที่เราทำอยู่ก็ไม่ได้เงินเยอะ ซึ่งกว่าจะเก็บเงินได้มันต้องใช้เวลานาน แม่ก็เข้ามาเห็นด้วยความที่เขารักลูกและรู้ว่าน้องเกเรก็เลยจะห่วงมาก เมื่อมาเห็นเราตบน้องเลยปกป้องเราก็บอกไปว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็กลับบอกว่าน้องเขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไปสิ…เราก็เลยถามว่าแม่ไม่อยากมองเห็นหรือนี่เป็นเงินที่เก็บไว้ให้แม่นะ…แม่ก็ตอบว่า …จะมองเห็นไปทำไม มองเห็นแล้วมาเห็นพี่น้องทะเลาะกันแบบนี้ แม่มองไม่เห็นดีกว่า…พอเราได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่าแม่ไม่แคร์ตัวเองเลย ทั้งๆ ที่เราก็รักเขาแต่แม่ก็ยังพูดแบบนี้กับเรา คิดแล้วก็รู้สึกเสียใจน้ำตาไหลออกมาเลย ปกติโรสเป็นคนเซ้นสิทีฟดูหนังเศร้าๆ ยังร้องไห้เลยเป็นคนที่อินมาก พอมาเล่นละครพอเจอบทดราม่าก็รู้สึกอินไปกับบททุกครั้ง โรสมองว่าถ้าเวลาแสดงแล้วเราไปคิดถึงเรื่องอื่นมันไม่ถูก ซึ่งโรสเคยอ่านบทสัมภาษณ์เขาบอกว่า ถ้าจะเล่นบทร้องไห้ให้คิดถึงเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต แต่โรสคิดว่าพอเข้าฉากก็ร้องไห้ได้แปปเดียวมันก็คงจะหยุด เพราะมันคนละเรื่องกับที่เราแสดงอยู่ ฉะนั้นเวลาแสดงโรสจะคิดและทำความเข้าใจไปแล้วคิดว่าต้องร้องไห้หรือเปล่า ถ้าต้องร้องมันก็จะไหลออกมาเองแต่ถ้าคิดแล้วไม่ต้องร้องมันก็ไม่ร้อง โรสคิดว่าเราต้องรู้สึกอย่างนี้จริงๆ
@ ผู้กำกับฯ ได้พูดถึงเรื่องการแสดงของโรสมั้ย ว่าเป็นไงบ้าง
ก็ไม่รู้ว่าพี่วุธ จะชมเป็นมารยาทหรือเปล่า พี่เค้าบอกว่าเก่งค่ะ ซึ่งตอนแสดงพี่วุธก็ไม่ค่อยจี้ในจุดไหนของโรสมากนะ แรกๆ ก็กลัวนิดนึง เพราะมีคนบอกว่า พี่วุธดุนะ…ค่อนข้างเป็นคนซีเรียส ก็เลยทำให้กังวลเหมือนกัน แต่พอมาแสดงพี่วุธก็เป็นคนใจดีมาก จะคอยเน้นบอกในเรื่องของอารมณ์ว่าให้เรามองไปตรงนี้นะแล้วจะต้องรู้สึกแบบนี้ เราก็จะคอยคิดตาม…พี่วุธจะมาแนวสอนอธิบายมากกว่าไม่ได้ดุนะ
@ดูตัวเองตอนสวมบทนักฆ่าแล้วรู้สึกอย่างไร
ตอนแสดงก็รู้สึกเขินนิดนึง ไม่รู้จะออกมายังไง แต่พอเล่นเสร็จแล้วไปดูมอนิเตอร์ก็รู้สึกชอบนะ เราสามารถทำได้ไม่แย่อย่างที่เราคิด เพราะยอมรับว่ากลัวมาก อย่างเล่นฉากแอ็คชั่นเราไม่เคยเรียน เตะต่อยก็มาเรียนที่หน้ากอง ฉากยิงปืนก็มาเรียนหน้ากอง มันก็ทำให้เรากังวลไปเหมือนกัน แต่เห็นภาพที่ออกมาก็รู้สึกดี
@ความรู้สึกกับเพื่อนนักแสดงที่ร่วมงาน
ที่แสดงด้วยกันบ่อยๆ ก็มีแม่ , รัน (มิ้นท์ กุญช์ภัสส์ หรือ มิ้นท์ วงไทนี่จี) ที่เป็นน้องสาว แล้วก็ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หลักๆ ก็มีแค่นี้ ซึ่งก็สนุกดีนะ แล้วงานนี้ก็เลยได้น้องสาวมาหนึ่งคนก็ มิ้นท์ นี่แหละ เป็นเด็กที่มีบุคลิกที่ใครเห็นก็อยากดูแลเห็นทุกคนพูดอย่างนี้ เพราะน้องตัวเล็กเจอครั้งแรกยังแซวว่าอายุสิบขวบเปล่า เวลาเข้าฉากด้วยกันกลัวน้องเจ็บ ซึ่งมีหลายฉาก อย่างฉากกระชากแขนน้องให้กลับบ้านก็กลัวแขนเขาจะหัก อย่างฉากตบก็กลัวน้องเขาจะเจ็บ แต่ความเป็นจริงแล้วน้องเขาเป็นคนที่อึดมาก เป็นเด็กที่บ้ากีฬาเอ็กสตรีมมากๆ ซึ่งก็ดีได้น้องมาเพิ่มหนึ่งคน ส่วนเซฟก็น่ารักนะ เงียบๆ ดูเป็นเด็กไม่ค่อยพูดจา ดูตาลอยๆ แต่พอสนิทกันเขาก็เริ่มเล่นด้วยนะ ส่วน เอส (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) ก็มีเข้าฉากกันด้วย คนนี้ชอบร้องเพลงมาก พอว่างก็จะให้เอากีตาร์มาเล่นกัน เป็นกองที่น่ารักมากนะ
@ตอนนี้เห็นว่าชอบการแสดงไปแล้ว
ใช่ รู้สึกว่ามันสนุกดี ได้ทำอะไรที่ไม่ใช่เรา อย่างชีวิตประจำวันเราคงไม่ได้หยิบปืนมาวิ่งไล่ฆ่าคน แล้วก็ไปตบคนอะไรแบบนี้ เพราะนิสัยโรสตัวจริงจะเป็นคนตลกเฮฮา ชอบแหย่คนอื่นให้หัวเราะ คาแรคเตอร์แฮปปี้ ไม่มีมานั่งวีนเหวี่ยงใครให้คนไม่ชอบ พอได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำนอกจากสนุกแล้ว มันยังรู้สึกตัวเองเหมือนได้ปลดปล่อย ถ้าถามอยากเล่นบทแบบไหนอีกนึกไม่ออกหรอก แต่อยากดูว่าเขาจะให้เราเล่นบทอะไรมากกว่า เห็นอะไรในตัวเรา แล้วเราจะทำได้มั้ยมากกว่า
@ด้วยปกติบุคลิกโรสก็ดูเหมือนทอม ห้าวๆ พอมาสวมบทนักฆ่า ก็มีเสียงชมว่าเท่ห์ สาวๆ ดูจะชอบกัน โรสรู้สึกยังไง
มันเป็นเรื่องปกติ เพราะตอนเป็นนักร้องแฟนคลับก็มีแต่สาวๆ แต่ผู้ชายชอบก็มี เพศที่สามก็มี เรียกว่ามีทุกเพศนะ ที่ผ่านมาเวลาทำอะไรก็ไม่เคยคิดว่าเราต้องมาคีบลุคส์เท่ห์ ขายผู้หญิงหรือให้ใครดู เราเป็นอะไรเราก็เป็นอย่างงั้นเป็นตัวของเราเอง ไม่เคยมองว่าคนที่มาชอบเราเพราะอะไร จริงๆ โรสก็พยายามสวยนะแต่สวยแล้วไม่เกิดก็ไม่ต้องสวยดีกว่า
@สุดท้ายอยากฝากอะไรกับการแสดงเรื่องแรกของตัวเองมั้ย
ก็อยากให้ทุกคนช่วยติดตาม และติชมกันได้ ซึ่งโรสก็รู้ว่าการแสดงของตัวเองยังมีข้อผิดพลาดอยู่มากทีเดียว ก็หวังว่าคงจะไม่รำคราญตากันเกินไป แล้วก็ฝากนักแสดงทุกคนด้วย พร้อมทั้งขอขอบคุณพี่วุธที่ให้โอกาส หวังว่าแฟนๆ คงจะชอบตัวละคร คีริน และเพลิงตะวันกันนะคะ
อย่าลืมติดตามชมบทบาทของสาวโรสได้ในละครเรื่อง “เพลิงตะวัน” ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ดูมันดี…เค้าจัดให้!!!
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์