“LEAGUE OF GODS (“ลีค อ้อฟ ก๊อด” ) สงครามเทพเจ้า (ชื่อไทย) ตำนานอันแสนยิ่งใหญ่ของการต่อสู้นิรันดร์กาล ระหว่างธรรมะและอธรรม ท่ามกลางฉากหลังของตำนานจีนปรัมปราที่ถูกจินตนาการขึ้นมาใหม่ ในโลกคู่ขนานที่คล้ายคลึงกับยุคราชวงศ์ซาง ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของอาณาจักร ที่กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง นักรบคนกล้า ผู้ฝ่าฟันอุปสรรคนานนัปการ เพื่อชัยชนะของเหล่าธรรมะ
โคอัน ซู ผู้กำกับ เล่าให้ฟังว่า “LEAGUE OF GODS” ลีค อ้อฟ ก๊อด “สงครามเทพเจ้า” เราปักหลักถ่ายทำกันในปักกิ่งครับ เป็นงานที่ผสมผสานระหว่าง ความดราม่า ศิลปะการต่อสู้ ความรักและเวทมนตร์ไว้ด้วยกัน เราเล่าเรื่องราวของจีเล่ย ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเผ่าพันธุ์ปีก ขณะที่เผชิญหน้ากับปีศาจและพลังเหนือธรรมชาติ เพื่อรื้อฟื้นพลังเวทมนตร์ที่เขาได้รับจากพ่อแม่ที่ถูกสังหาร เขาได้ก้าวสู่สถานะนักรบแห่งแสง ช่วงเวลาในจินตนาการ ที่คล้ายคลึงกับ ราชวงศ์ซาง 1,000 ปีก่อนคริสตกาล อาณา- จักรกำลังเผชิญกับปัญหา โจ้วอ๋อง ผู้หลงใหลในตัวของต๋าจี นางสนมคนโปรด ที่เป็นนางปีศาจจิ้งจอกจำแลงกายมา ได้กดขี่ผู้คนและเนรเทศทุกคนที่คิดอ่านต่อต้านพระองค์ กลุ่มนักรบกบฏจากเผ่าจี ได้รวมกองกำลังพันธมิตรเพื่อโค่นทรราชย์ หนึ่งในนั้นคือ จีเล่ย เด็กกำพร้าจากเผ่าพันธุ์ปีก ผู้ได้รับการช่วยเหลือครั้งยังเด็กโดยพ่อมดผู้ทรงพลัง เจียง ในวันที่มีการจัดพิธีก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในเผ่าพันธุ์ปีก พ่อแม่ของเขาก็ถูกสังหารโดยทรราชย์ จิตใจที่ถูกครอบ งำด้วยความสูญเสียครั้งนี้ ทำให้จีเล่ยถูกพ่อมดส่งไปทำภารกิจในการตามหาดาบแห่งแสง ที่จะปลุกความกล้าหาญที่จะสยายปีก ซึ่งซ่อนอยู่ของเขา และนำสมดุลกลับคืนสู่โลกใบนี้นั่นเองครับ
ครั้งนี้ผมได้ร่วมงานกับ นักแสดง และทีมงานชาวจีนระดับแนวหน้า ทุกคนคือมืออาชีพที่สุด และ บริษัท โพสต์ โปรดักชั่นกว่า 12 ประเทศ การทำงานภายใต้ ไชน่า สตาร์ สตูดิโอ ที่เราได้ตั้งใจสรรค์สร้างโลก ที่เจิดจรัสด้วยจินตนาการ วีรกรรม และความหวัง ขึ้นมาอีกครั้งครับ ประสบการณ์การดูหนังครั้งแรกสุดของผม คือการได้ดู ผลงานการกำกับโดย ลุดวิก เบอร์เกอร์ และ ไมเคิล พาวเวลล์ ( เรื่อง “The Thief of Baghdad” )
ตอนนั้น ผมน่าจะอายุประมาณ 4 ขวบ และยังคงจำได้ถึงโรงหนังที่ไฟสลัว และการกลัวความมืดของผมก็หายไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่จอหนังสว่างไสวไปด้วยภาพที่ เจิดจรัส สดใส ภาพที่น่าอัศจรรย์ของพระราชวังที่งดงาม พรมวิเศษ ยักษ์จินนี่ และม้ามีปีกครับ หนังส่งผมให้เข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวทมนตร์ของหนังได้ตราตรึงในใจผม มันได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความตั้งใจของผม ที่ว่าสักวันหนึ่งผมจะได้สร้างสรรค์ผลงานอันน่าอัศจรรย์แบบนี้ด้วยตัวเองบ้าง ผมได้วาดสตอรี่บอร์ดและฝันถึงการได้สร้างหนัง ที่จะพาผู้ชมออกเดินทางในการผจญภัยที่แสนวิเศษ ที่อยากพาทุกคนร่วมเดินทางไปยังโลกมหัศจรรย์ ที่ซึ่งเราจะได้สัมผัสกับความกล้าหาญของจินตนาการของตัวเองกับผมไว้ครับ”
ระหว่างที่ผมฝึกงานอยู่ในแวดวงหนังฮ่องกง ผมได้สำรวจตำนานของจีน เพื่อค้นหาประเด็นเรื่องราว ที่จะมาเป็นฉากหลังสำหรับเรื่องราวของจินตนาการและความกล้าหาญ ผมอยากจะบอกเล่า หนึ่งในแรงบันดาลใจของผมก็คือ “ตำนานสถาปนาเทพเจ้า” หรือ “ตำนานวีรกรรมผู้กล้า” (ฮ่องสิน) (“Fengshen Yanyi”) นิยายคลาสสิกศตวรรษที่16 โดย สี่ว์จ้ง หลิน นั่นเองล่ะครับ”
เรื่องราว การต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม ความมืด และแสงสว่าง การผจญภัยอมตะของวีรบุรุษเต็มไปด้วยองค์ประกอบทั้งหลายจากตำนานปรัมปราของจีน ที่มีทั้งนางสนมจิ้งจอก สิ่งเหนือธรรมชาติ อาจารย์ผู้เป็นปราชญ์ , ศิษย์ผู้กล้า ปีศาจ และพ่อมด “เรื่องราวนี้สำรวจอารมณ์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความสงสัย ความกลัว การแก้แค้น ความรัก ความภักดีและความกล้าหาญ หลังจากการทดสอบหลายครั้ง จีเล่ย ตัวละครเอก ก็ได้รับพลังจากปีกวิเศษของเขา และเขาก็ร่วมมือกับผองเพื่อนของเขา ในการนำสมดุลกลับคืนสู่โลกใบนี้ แต่ผมก็อยากให้หนังเรื่องนี้ ก้าวข้ามขอบเขตทางประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างโลกแห่งจินตนาการที่เจิดจรัสกว่า ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมในปัจจุบันนี้น่ะครับ” เขากล่าวปิดท้าย
ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น แฟนตาซี ผลงานการร่วมทุนสร้างระหว่าง China Star Entertainment Group กับ Huayi Brothers Media Group นับวันรอ อภิมหาสงคราม ที่จะ ระเบิดฟ้าสะท้านปฐพี
กำหนดเข้าฉายในประเทศไทย 8 กันยายน 2559 ในโรงภาพยนตร์ทั้งประเทศ
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์