โดดร่วมงานกันเป็นครั้งแรกในละครเทิดพระเกียรติ ชุดใต้ร่มพระบารมี เรื่อง “แสงสุดท้าย” ผลิตโดยบริษัท ดูมันดี จำกัด กำกับการแสดงโดย วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร สำหรับสองพระนางเลือดใหม่แห่งวิกเจ็ดสี โดนัท-ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์ และ พระพาย-รมิดา ธีรพัฒน์ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กอาชีวะกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา รุ่นเพิ่งโตของรัชกาลที่ 9 อายุราวๆ 16-18 ปี ที่อยู่ในวัยคึกคะนอง พลังเยอะแต่เลือกวิธีปล่อยพลังออกไปในแนวก้าวร้าว ดุดัน บางทีถึงขั้นนองเลือด แม้จะมีคนพยายามจะจัดการด้วยวิธีต่างๆ ให้สงบลงแต่ก็ไม่เป็นผลจนถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต ไม่กี่วันหลังจากนั้น น้องๆ กลุ่มนี้ก็ออกมาถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะเลิกเกเร เพื่อถวายพ่อหลวง!!!
โดนัท ถ่ายทอดบทของ “แสงเทียน” เด็กหนุ่มจิตใจดี ซึ่งปกติแล้วนจะสุภาพ เรียบร้อย ใจเย็น พูดน้อย แต่ถ้ามีใครมาทำอะไรเพื่อนรักของเขา เขาจะสู้ขาดใจ ฟากสาวพระพาย ถ่ายทอดบทของ “เพลงชนก” เด็กสาวหน้าตาน่ารัก แต่นิสัยห้าว พูดจาตรงไปตรงมา ชื่อของเพลงชนกมาจากความหลงใหลในบทเพลงพระราชนิพนธ์ของคุณแม่ของเธอ ซึ่งทั้งคู่ต่างปลาบปลื้มใจมากที่มีโอกาสได้เล่นละครเทิดพระเกียรติเรื่องนี้!!
เรามาพูดคุยกับสองพระนางเลือดใหม่แห่งวิกเจ็ดสีกัน..
@คาแร็กเตอร์ในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร
โดนัท : ผมรับบท แสงเทียน เป็นลูกชายของ ประทีป (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ชายที่พิการทางสายตาครับ ซึ่งเป็นลูกที่รักพ่อนะ แต่ไม่รู้ว่าพ่อรักตัวเองหรือเปล่า เพราะการกระทำหรือการแสดงออกเหมือนไม่ค่อยรักเราเท่าไหร่ แต่ลูกก็ได้เห็นพ่อกระทำบางอย่างให้กับใครคนหนึ่ง นั่นก็คือในหลวงของเรานั่นเอง เลยทำให้รู้สึกมาตลอดว่า พ่อไม่สนใจเรา เราก็เลยให้ความรักกับเพื่อนมากกว่า คาแร็กเตอร์จะเป็นเด็กอาชีวะที่ไม่ได้เกเร แต่ความรักเพื่อนเวลาไปตีกับเขาก็เพราะอยากไปช่วยเพื่อน มาตอนหลังที่คิดได้ก็เพราะ เพลงชนก (พระพาย รมิดา) มาคอยบอกเตือน พร้อมกับมีเหตุการณ์การสูญเสียมากมาย ก็เลยทำให้นึกได้กลับตัวกลับใจครับ
พระพาย : หนูรับบทเป็น เพลงชนก อายุ 16-17 ปี (แต่ตัวจริงอายุ19 ปี) เรียนอยู่ประมาณ ม.ปลายแต่สายอาชีวะ คาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ก็เป็นเด็กที่สดใส มีความก๋ากั่น แต่อยู่กับผู้ใหญ่ก็จะรู้จักกาละเทศะ มีครอบครัวเพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งความรักและฐานะที่อยู่ได้แบบพอมีพอกิน ซึ่งถือว่าฐานะดีกว่าเพื่อนๆ นะคะ ซึ่งในเรื่อง เพลงชนก ก็จะพยายามดึง เทียน ให้กลับมาทางปกติ เพราะเราเห็นว่า เทียน เขาเป็นคนดีนะ แต่จะเป็นคนรักเพื่อน เพื่อนชวนให้ไปไหนทำอะไรก็มักจะทำตามเพื่อน เพลงชนกก็เลยเป็นคนคอยดึงห้ามเทียนไว้ค่ะ
@ความรู้สึกที่ได้เล่นละครเทิดพระเกียรติเรื่องนี้
โดนัท : ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเทิดพระเกียรติที่ถวายเป็นพระราชกุศลให้กับในหลวงรัชกาลที่๙ พ่อแม่ผม พอรู้ว่าผมได้รับโอกาสนี้ท่านก็ดีใจมาก โดยเฉพาะแม่ ท่านเหมือนพ่อ (ประทีป) ในเรื่องนี้เลย รักในหลวงมาก เพราะแม่เกิดในยุคสมัยที่ท่านทรงงานหนัก แม่ก็เห็นมาตลอดในน้ำพระทัยของท่าน ตอนที่แม่ได้ทราบข่าวท่านสวรรคตแม่ร้องไห้ทั้งอาทิตย์เลย พอรู้ว่าผมจะได้เล่นละครเทิดพระเกียรติแม่ก็บอกว่า ทำให้เต็มที่ สู้ๆ นะลูก เพราะเป็นละครที่ดีมาก ซึ่งเราจะได้รับบทบาทที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์หนึ่ง ที่สื่อออกมาถึงความจงรักภักดีต่อในหลวง…แม่ก็เลยอยากให้ผมทำให้ดีที่สุดครับ
พระพาย : โอ้โห…ยอมรับว่าอยากเล่นมาก ดีใจที่สุดที่ค่ายดูมันดี คิดถึงหนู หนูก็บอกพี่ที่ติดต่อมาว่า พูดแล้วอย่าคืนคำนะ ซึ่งทางพี่เค้าก็บอกว่าขอเสนอช่องก่อนนะ ถ้าผ่านก็ได้เล่นแน่ ยอมรับว่าในระหว่างที่รอคอนเฟิร์ม หนูรู้สึกว่านานมากเป็นอาทิตย์กว่าจะคอนเฟิร์ม พอได้คำตอบว่าลุย บอกตรงๆ ดีใจมาก ซึ่งก็บอกกับตัวเองว่าจะทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ
@อยากมั้ยกับบทบาทที่ได้รับ
โดนัท : มันก็ไม่ค่อยยากนักแต่ก็ไม่ค่อยง่ายเหมือนกัน เพราะบทของผมก็เป็นช่วงวัยรุ่น บางอย่างก็ตรงกับคาแร็กเตอร์เรา ซึ่งก็ได้พี่วุธ (อัษฎาวุธ) ผู้กำกับฯ คอยบอกคาแร็กเตอร์ คอยบอกความคิดของตัวละครในแต่ละซีน มันก็ยิ่งทำให้เข้าใจแสดงได้ง่ายขึ้นครับ โดยในเรื่องนี้นอกจากพี่วุธจะกำกับแล้ว พี่เค้ายังแสดงเป็นพ่อผมด้วย ซึ่งเวลาเข้าฉากด้วยกันพี่เค้าก็ส่งอารมณ์ให้ผมเต็มที่ มันช่วยผมได้มากจริงๆ ครับ
พระพาย : มันก็ไม่รู้สึกว่ายากหรือง่ายนะคะ ก่อนแสดงหนูก็ต้องรู้ก่อนว่าตัว เพลงชนก นั้นเป็นคนยังไง หลังจากนั้นก็ต้องพยายามศึกษาทำความเข้าใจกับบทในฉากนั้นก่อนการแสดงทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเวลาแสดงเราจะได้แสดงอารมณ์ของตัวละครตัวนี้ออกมาถูก เพราะการแสดงของหนูคือการรู้สึกจริงๆ ใส่ความเป็นตัวเพลงชนกเข้าไป 60% ความเป็นพระพายเข้าไป 40% มันก็จะทำให้การแสดงของเรามีอะไรมากขึ้น นะคะ
@โดนัทต้องเจอบทดราม่าเยอะมาก
โดนัท : ใช่ครับ เยอะมาก ถ้าอ่านเรื่องย่อก็จะรู้เลยว่าเรื่องนี้ดราม่าที่ใคร ใครจะดราม่า จุดที่ดราม่าก็เยอะ คือมีทั้งพ่อที่ตาบอด แต่มีทักษะในศิลปะ ซึ่งลูกก็ได้รับสายเลือดนี้ แต่กลับไปชกต่อย ดราม่าเรื่องเพื่อน ซึ่งในตอนจบทุกอย่างก็พลิกหมดทำให้เกิดดราม่ามาก
พระพาย : ของหนูจะไม่ดราม่า แต่เนื้อเรื่องโดยรวมจะดราม่ามาก ที่หนูอ่านเรื่องมาไม่คิดว่ามันจะเศร้าขนาดนี้ มีฉากที่กินใจเยอะมาก อ่านบทแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ
@ได้ข่าวว่าโดนัทร้องไห้เก่งมาก
ปกติผมเป็นคนขี้อายนะ ไม่เคยร้องไห้เลย แต่พอมีโอกาสได้แสดงละครมาหลายเรื่อง ก็ทำให้รู้สึกชอบด้านนี้ ตอนที่ต้องเล่นฉากร้องไห้ผมก็ใช้ความรู้สึกเอาแล้วมันก็ไหลออกมาเอง โดยผมจะนึกว่าตัวละครนี้เคยผ่านอะไรมาบ้าง ความคิดของตัวละครนี้เจอแบบนี้จะเป็นยังไง พอมันอินมันก็ไหลออกมาเองครับ
@พระพายล่ะ ร่วมงานกับ โดนัท เป็นอย่างไรบ้าง
วันแรกที่เข้าฉากกับเขารูสึกว่ายังอายๆ นิ่งๆ อยู่ หนูก็เลยเข้าไปชวนเขาคุยก่อน เพื่อเวลาสนิทกันจะได้เข้าฉากกันง่ายขึ้น ซึ่งอยากบอกว่าโดนัทเป็นคนที่แกล้งแล้วสนุกมาก คือแรกๆ เขาจะนิ่งก่อน แล้วก็จะสวนกลับมาตอนท้าย นี่แหละความสนุกที่ทำให้หนูอยากแกล้งเขาในเรื่องของการแสดงของโดนัท แรกๆหนูก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนขี้เล่น แต่พอเข้าฉากแล้วมันคนละคนเลย เป็นคนที่แสดงเก่งมาก ปรบมือให้เลยค่ะ
@โดนัทล่ะ ร่วมงานกับพระพายเป็นอย่างไร
ก็ดีนะครับ เราก็ยังอยู่ในวัยเดียวกันเหมือนเพื่อน มีอะไรก็สามารถให้คำปรึกษากันได้ ซึ่งในตอนแรกพระพรายก็พยายามเขามาคุยด้วยก็เพื่อสร้างความสนิทสนม ทำให้เวลาเข้าฉากด้วยกันแล้วราบรื่น ซึ่งมันก็เป็นผลดีครับ
@ในละครเรื่องนี้ชอบฉากไหนที่สุด
ผมชอบทุกฉากเลยไม่มีอันไหนพิเศษ เพราะทุกฉากมันมีความสำคัญน่าสนใจหมด ตอนแสดงผมก็เต็มที่ผมเหมือนกันครับ
@ร่วมงานกับผู้กำกับฯ วุธ-อัษฏาวุธ เป็นครั้งแรก
หนูยังประสบการณ์น้อย เล่นละครเรื่องนี้เรื่องที่ 3 แต่ 2 เรื่องที่เล่นมาก็ยังไม่ได้ออนแอร์นะ พี่วุธเป็นคนน่ารักนะ ตลอดเวลาที่ทำงาน เราได้เห็นความมุ่งมั่นของพี่เค้า เป็นคนที่มีความเป็นศิลปินสูง อธิบายให้เราทุกอย่างทั้งเรื่องอารมณ์ แอ็คติ้ง บ๊อกกิ้ง ซึ่งในฐานะนักแสดงเราก็จะฟังแล้วพยายามทำตามที่ผู้กำกับฯ ต้องการให้ได้…พี่วุธเก่งค่ะ
@คิดว่าคนดูจะได้อะไรจากละครเรื่องนี้
โดนัท : เรื่องแรกจะได้เห็นความรักของประชาชนที่มีความรักต่อในหลวง รัชกาลที่๙ ครับ เรื่องความรักของพ่อที่มีกับลูก แล้วก็เรื่องของกลุ่มวัยรุ่นที่จะสอนให้เราว่าควรจะมีสติ จะทำไรควรคิดไตร่ตรองให้ดี ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดผลเสียตามมามากมายได้ครับ
พระพาย : หนูรู้สึกว่าเป็นละครที่คนทุกเพศทุกวัยดูแล้วจะได้อะไรแน่จากการได้ชม สิ่งแรกคือความรักที่คนไทยมีให้กับในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพราะจุดประสงค์ของการทำละครเรื่องนี้ก็ เพื่อถวายท่าน ต่อมาก็คือข้อคิดการใช้ชีวิต เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างในละครที่สื่อออกมาว่ามันไม่ดี ก็จะทำให้คนไม่ทำตาม แล้วได้เห็นในเรื่องของความสามัคคี ในเรื่องของความรัก ใช่…การมีความรักมันดีแต่ก็ควรเป็นรักที่ถูกต้อง อย่างถูกทางถูกรูปแบบด้วย ถือเป็นละครที่หนูอยากให้ทุกคนติดตามชมกันให้ได้ค่ะ แล้วหนูก็รู้สึกว่า ตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย มีในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นแบบอย่าง ทำให้ได้ข้อคิดดีๆ มาใช้กับการดำเนินชีวิต เพราะคำสอนของท่านเป็นจริงมันเป็นสัจธรรมของชีวิตมากๆ ค่ะ”
เป็นนักแสดงเลือดใหม่ที่มีมุมมองความคิดที่สุดยอดจริงๆ และติดตามชมละครเทิดพระเกียรติ ชุดใต้ร่มพระบารมี เรื่อง “แสงสุดท้าย” ในวันพุธที่ 7 ธันวาคม 2559 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์