แปลกใจนั้นคงเป็นคำแรกที่โผล่ขึ้นมาในใจหลังจากได้พบ นิโคล คิดแมน
ลืมทั้งหมดเลยเกี่ยวกับความคิดเดิมๆที่เคยอ่านมาเกี่ยวกับนักแสดงหญิงคนนี้
ใช่ เธอสูงและสวยมาก แต่ที่ยิ่งกว่าคือ ทัศนคติ และความตั้งใจของเธอที่จะท้าทายตัวเองในบทบาทใหม่ๆเสมอๆ ที่ทำให้ นักแสดงหญิงท่านนี้เป็นที่ถูกพูดถึง
Lion หนังที่อ้างอิงจากเรื่องจริง เกี่ยวกับเรื่องราวของ ซารู เบรียร์เลย์ ผู้ซึ่งพลัดหลงจากครอบครัวของเขาตั้งแต่วัย 5 ขวบและถูกเก็บไปเลี้ยงโดย ครอบครัวชาวออสเตรเลียเพื่อวันนึงเขาจะได้ตามหาครอบครัวที่เขาพลัดหลงมานาน คิดแมน แสดงเป็น ซู เบรียร์เลย์ ผู้หญิงที่รับเลี้ยงซารู เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่างเพื่อที่จะให้เหมาะสำหรับการรับบท ซู เบรียร์เลย์ และก็แสดงมันได้อย่างน่าทึ่งซึ่งทำให้ผู้รับชมประหลาดใจเป็นอย่างมาก
คำถาม : ทำไมคุณถึงตกลงใจรับบทภาพยนตร์เรื่องนี้
คำตอบ : ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และมันเป็นภาพยนตร์อสเตรเลีย กับ ภาพยนตร์อินเดีย ผสมผสาน กัน ซึ่งสำหรับฉันมันคือ ภาพยนตร์ของคนทั้งโลก ที่เล่าเรื่องราวของ ความเป็น แม่ และ มีแก่นแท้ของเรื่องราวที่ดีมาก ที่ฉันจำเป็นต้องเข้าให้ถึงตัวละคร ยิ่งมันมาจากเรื่องจริงแล้วด้วยนั้น ฉันยิ่งรู้สึกต้องทุ่มเทเอามากๆ ต้องตั้งใจและเอาใจใส่กับบทบาทที่ได้รับมากขึ้น
คำถาม : เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครที่คุณแสดงในภาพยนตร์หน่อยได้ไหม
คำตอบ : ฉันเล่นเป็น ซู เบรียร์เลย์ เธอมีความเพียบพร้อมของการเป็นผู้หญิงคนพิเศษเธอทั้งน่าศรัทธาและ ดูน่าหลงรัก ที่สำคัญเธอมีความเป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยม ความท้าทายทั้งหมดของฉันคือการมองหาทุกๆอย่างเพื่อที่จะเล่นเป็น ซู เบรียร์เลย ได้อย่างแท้จริง ผู้กำกับ การ์ธ เดวิส มีความจริงจังและคาดวังกับบทนี้เป็นอย่ามาก ทั้งการเดิน การมอง ท่าทางต่างๆปฏิกิริยาของฉันในการเป็น ซู เบรียร์เลย์ เขากำหนดภาพไว้ในหัวของเขา และได้ถ่ายทอดออกมา ทั้งหมดสำหรับพวกเรา เพื่อให้ทั้งตัวฉันเองและเด็กๆ เข้าถึงบทบาทได้มากขึ้นและตรงจุดอย่างที่เขาต้องการ
คำถาม : มีตรงไหนของตัวละคร ซู เบรียร์เลย์ ที่รู้สึกว่าทำให้นึก ถึงตัวเองบ้างไหม
คำตอบ : ไม่เลย เพราะว่า ฉันแสดงเป็น ซู เบรียร์เลย์ เธอคือผู้หญิงที่พิเศษและเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวเหลือเชื่อ และฉันต้องเล่นเป็นเธอให้ได้ดีที่สุด เมื่อตอนที่ฉันได้พบกับเธอครั้งแรก ฉันเข้าใจเธอมากขึ้น ถึงความรู้สึกข้างในของเธอ ในเวลากว่า 6 ชั่วโมง เราเล่าเรื่องต่างๆแลกเปลี่ยนกัน ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นนิโคล ที่แสดงเป็นตัวละคร ฉันต้องการที่จะเข้าถึงเธอและเป็นเธออย่างแท้จริงๆ ผู้กำกับ การ์ธ เดวิส บอกกับฉันว่าฉันต้องเปลี่ยนท่าทางการเดิน เปลี่ยนอะไรอีกหลายๆอย่าง ที่จะฉันจะต้องทำและต้องเรียนรู้อีกมาก เขาต้องการให้ฉันนึกภาพ ซู ออกมาเป็นตัวละครที่กลมและคมที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
คำถาม : คุณสามารถบอกได้ไหมว่าตรงไหนของคุณที่รู้สึกเกี่ยวข้องกับตัวซู เบรียร์เลย์
ฉันคิดว่าเธอช่างมีความเป็นแม่ และในจุดนั้นแหละที่ทำให้ฉันดึงความเป็นแม่ของตัวเองออกมา นี่แหละอาจจะเป็นเรื่องราวที่เป็นจุดร่วมระหว่างเราสองคน เราทั้งคู่ที่ปรารถนาจะเป็นแม่ที่ดี อบอุ่น ห่วงใย และพร้อมมอบความรักบริสุทธิ์ให้แก่ลูกๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกแท้ของเรา แต่พวกเราต่างมีความต้องการที่จะเป็นแม่ที่แท้จริงถึงแม้ทุกคนจะมองพวกเราเป็นแค่แม่บุญธรรมก็ตาม
คำถาม : คุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับการรับเลี้ยงเด็กมาเลี้ยงดู
คำตอบ : เอาละ ฉันจะค่อยๆตอบละกัน (หัวเราะ) เริ่มแรกฉันถาโถมซู ด้วยคำถามมากมาย ที่ฉันต้องการคำตอบมจากเธอ และฉันก็แชร์เรื่องราวของฉันเช่นกัน เธอต้องการให้ฉันเล่นเป็นเธอ ฉันมั่นใจว่าเหตุผลที่เธอยอมคือพวกเราทั้งคู่เข้าใจการเป็นแม่บุญธรรมอย่างแท้จริง มันน่ารักมากๆ ที่จะมีใครสักคนอยากที่จะให้คุณได้รับบทบาทเป็นเขา และมันรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบครั้งยิ่งใหญ่ ซู บอกกับฉันว่าเธอต้องการที่จะมาเยี่ยมชมและดูการแสดงของฉัน แต่ฉันบอกเขาว่า อย่าเลย ไว้เราเจอกันวันหลังดีกว่า เพราะว่า การที่ ซู มาดูฉันเล่น อาจจะทำให้เธอนึกถึงอะไรบางอย่างและอาจจะทำให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกก็เป็นได้ ซู เธอยังเขียนอีเมลติดต่อมาหาฉัน และ ฉันกำลังจะไปพบเธอเมื่อฉันเดินทางกลับไปที่ซิดนีย์ มันน่ารักมากสำหรับสิ่งที่ ซู พยายามทำและมอบให้ฉัน
คำถาม : อย่างที่ ซู ได้บอกในหนังว่า ยังมีเด็กๆ อีกมากที่ต้องการการรับเลี้ยง แต่ผู้คนยังเลือกที่จะให้กำเนิดเด็กใหม่แทนที่จะรับเลี้ยงเด็กเหล่านี้ คุณมีความคิดอย่งาไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
คำตอบ : สำหรับเรื่องนี้มันมีเหตุผลมากมายสำหรับแต่ละบุคคล แต่สำหรับ ซู และมุมมองของเธอ ในฉากนั้นมันเป็นฉากที่ทรงพลังมากๆ เพราะว่ามันได้นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ ขณะที่เธอกำลังร้องไห้ และในตอนนั้นสายตาของเธอได้พบกับ มือสีน้ำตาลเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่ง กำลังจูงมือของเธออยู่ เธอยืนยันกับตัวเองว่าเธอจะรับเลี้ยงเด็กเหล่านี้ แม้ว่าเธอจะพบกับสามีของเธอแล้วก็ตาม นั้นคือเรื่องราวหนึ่งที่เธอได้พูดถึงว่าเธอจะรับเลี้ยงเด็กเหล่านี้
คำถาม : คุณสามารถเล่าเรื่องราวการรับเลี้ยงเด็กของคุณให้เราฟังได้ไหม
คำตอบ : เรื่องราวของฉันแตกต่างไปจากของ ซู แต่ความรักของพวกเราไม่ต่างกัน นั้นคงเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเราสองคน ฉันไม่เคยที่รับเล่นเป็นแม่บุญธรรม ที่ต้องมอบความรักอันแรงกล้าให้อย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อตอนที่เด็กที่ฉันรับมาเลี้ยง บอกกับฉันว่าให้ฉันมีลูกจริงๆ ของฉันเอง ฉันหยุดเขาในทันที และยืนยันว่าที่ฉันต้องการคือเขา ความตั้งใจของฉันคือการได้เป็นแม่ของเขา ฉันมอบความรักจากแม่คนนึงที่จะสามารถ รัก และ ทนุถนอมลูกคนคนนึงได้ ความรักของฉันไม่ต่างจากแม่คนอื่นๆหรอก อย่าคิดว่าถึงแม่ฉันจะไม่ได้มีลูกของฉันเอง ฉันจะเลี้ยงลูกไม่เป็น อย่าลืมซิ ผู้หญิงคือเพศแม่นะ เราเกิดมากันเพื่อเป็นแม่ด้วยกันทั้งนั้น
คำถาม : เป็นอย่างไรบ้างสำหรับอารมณ์ความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับตัวละคร
คำตอบ : บางทีจุดแข็งที่สุดของฉันที่สามีฉันบอกก็คือ เธอช่างมีความเป็นแม่จริงๆ (หัวเราะ) แต่ฉันก็ชอบนะ ฉันคือพี่คนโตในครอบครัว และนั้นทำให้ฉันต้องคอยดูแลน้องๆเป็นประจำ นั้นคือจุดสำคัญที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในการดูแลผู้คน และถึงแม้ว่าฉันไม่อาจจะเอาใจทุกคนได้ แต่จุดรั้งสำคัญในชีวิตของฉันคือพลังของความเป็นแม่ และนั่นละฉันรักมันมาก ฉันคิดว่าเมื่อคุณถึงช่วงอายุนึงคุณจะหวังว่า ฉันน่าจะมีลูกให้มากกว่านี้นะ
คำถาม : คุณช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงาน กับ เดฟ พาเทล นักแสดงชาวอินเดีย ที่รับบทเป็น ซารู เด็กที่คุณรับเลี้ยงหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ : เดฟเป็นผู้ชายและเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆสำหรับหนังเรื่องนี้ เขาเพิ่มน้ำหนักดูมีเนื้อมีหนังมากขึ้น และกลายเป็นคนออสซี่ (หัวเราะ) การ์ธ บอกกับเขาว่าจะทำให้เขาต้องกลายเป็น ชายออสซี่แท้ๆ และเขาทำได้หลายคนพูดกับฉันว่าสำเนียงของเดฟ เหมือนจริงๆ และฉันก็พบว่ามันมันเหมือนจริงๆ นั้นยังไม่รวมถึงตอนที่ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง ที่ฉันได้ยินได้ฟังมาว่าเดฟ ใช้เวลาตั้งใจฝึกฝนบทบาทของตัวเองเป็นอย่างมากและฉันคิดว่าคุณจะได้เห็นเขาในบทบาทที่ลึกซึ้งและการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากเขาอย่างแน่นอน
คำถาม : แล้วการทำงานกับ รูนี่ย์ มาร่า ละ
คำตอบ : ฉันรู้จัก รูนี่ย์ มาร่า และพี่สาวของเธอตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็กเพราะว่า ฉันรู้จักพ่อแม่ของพวกเธอ ดังนั้นหลายๆอย่างที่ฉันทำต่อเธอ ก็เหมือนแม่เลี้ยงเพราะว่าฉันรู้จักเธอและอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ แคทเธอลีน แม่ของรูนี่ย์ น่าจะช่วยตอบคำถามได้มาก เกี่ยวกับ เรื่องราวของเรา
คำถาม : เดวิด เวนแนม ที่เล่นเป็นสามีของคุณในบท จอห์น เบรียร์เลย์ ละ
คำตอบ : ฉันรู้จักกับเดวิด ตั้งแต่ ฉันอายุ 14 ปี เมื่อตอนที่พวกเราเข้าเรียนโรงเรียนการแสดงด้วยกัน และ เขาเหมือนกับครอบครัวของฉัน ดังนั้นมันง่ายมากที่จะทำงานร่วมกับเขา และสำหรับเขากับฉันในบทคู่สามี ภรรยา นั้นฉันคิดว่ามันต้องวิเศษมากจริงๆ เพราะว่า พวกเราไม่ต้องมานั่งศึกษาประวัติของกันและกัน ฉันเคยทำงานกับเดวิดมาก่อนตอนที่เขาเล่นเรื่อง Australia และพวกเรามีประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน
คำถาม : การ์ธ เดวิด ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษไหมเพื่อช่วยคุณสำหรับการทำงานครั้งนี้
คำตอบ : การ์ธสร้างบรรยากาศสถานที่ทำงานที่รู้สึกผ่อนคลาย เรียบร้อย สบาย และไม่รู้สึกเหมือนว่าพวกเรากำลังทำงานอยู่ มันเหมือนกับคุณกำลังอยู่กับเหล่าเพื่อนๆสนิทของคุณและกำลังช่วยกันสร้างงานศิลป์ชิ้นนึงอยู่
คำถาม : Lion ถูกถ่ายทำใน โฮบาร์ต, แทสมาเนีย คุณรู้สึกอย่างไรกับสถานที่ถ่ายทำ
คำตอบ: โอ้โห ทั้ง อาหารเอย ชีสเอย วิวต่างๆเอย รวมถึง พิพิธภัณฑ์ด้านล่างที่ถูกเรียกว่า Moma มันคือที่สุด รู้สึกทำให้ฉันต้องการที่จะกลับไปและปีนเขาเครเดิล ที่ซึ่งสวยมากๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น พวกเขากำลังสร้างหนังอยู่ข้างล่างนั้นตอนนี้ แต่มันก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆของออสเตรเลีย ผู้คนกำลังลืมเลือนมัน ทั้งที่มันช่างสวยงาม
คำถาม : คุณทำงานกับหนังระดับโลกมากมาย แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างกับการทำหนังออสเตรเลีย
คำตอบ : มันคือบ้าน เหมือนกลับมาที่บ้าน ฉันเติบโตมากับการทำหนังตั้งแต่อายุ 14 ปี ทีมงานต่างๆที่ฉันกลับมาเจอก็เป็นคนหน้าเดิมๆแต่แค่แก่ขึ้นนิดหน่อย ดังนั้นฉันรู้สึกดีมากๆที่นี่ ยากนะที่ฉันจะถูกให้เล่นบทชาวออสเตรเลีย ดังนั้นฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้เล่นบทนี้และตัวละครตัวนี้ก็เป็นผู้หญิงที่สวยงาม ในแง่ของจิตวิญญาณที่ทำให้ฉันรู้สึกปลาบปลื้ม
คำถาม : คุณคิดว่ามีผลกระทบอะไรไหมกับการแสดงที่เล่นเป็นชาวออสเตรเลีย
คำตอบ : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันหมายถึงมีคนมากมายพูดกับฉันว่าฉันเป็นแม่ที่นิสัยบ้านนอกแปลกๆ ซึ่งฉันไม่ติดใจอะไร ฉันชอบเสียด้วยซ้ำเพราะว่านั้นเป็นผู้หญิงประเภทที่เลี้ยงดูฉันมา ดังนั้นฉันรู้สึกเป็นเกียรติสำหรับเรื่องนี้
คำถาม : อะไรบ้างที่คุณคิดว่าผู้ชมจะได้รับจากหนังเรื่องนี้
คำตอบ : ฉันคิดว่าที่เห็นแน่ๆเป็นเรื่องของความรู้สึกอารมณ์ ความสวยงามของหนัง เรื่องราวที่ตรึงใจ ที่จะเห็นผู้คนได้เข้าถึง ความรู้สึกในช่วงเวลา หรือช่วงอายุ ซึ่งสะท้อนชีวิตของใครหลายคน ตัวหนังเองอาจจะพ้องตรงกับชีวิตของใครหลายคน ฉันได้ฝากไว้ว่าฉันได้ทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วสำหรับการรับบทบาทอันทรงพลังของหนังเรื่องนี้ เหลือแต่ให้พวกเขาพิจารณาว่าดูแล้วพวกเขารู้สึกอย่างไร
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์