หลัง It’s Only the End of the World ภาพยนตร์ของ ผกก. อัจฉริยะ ซาเวียร์ โดลอง ที่เรื่องนี้เขาทำหน้าที่ถึง 6 ตำแหน่ง ตั้งแต่หาทุนอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง เขียนบท ตัดต่อ ออกแบบเสื้อผ้า และทำคำบรรยายภาษาอังกฤษ และถ่ายทำหนังเรื่องนี้ด้วยฟิล์ม 35 มม.จนทำให้หนัง คว้ารางวัล Grand Prix หรือรางวัลรองชนะเลิศ และ Jury Prize มาได้ ถือเป็นหนังจากประเทศแคนาดาเรื่องที่ 2 ที่ได้รางวัล Grand Prix มาครองถัดจาก The Sweet Hereafter ของผู้กำกับ อะตอม อิโกยาน ไม่เพียงแค่นั้น โดลอง ยังถือเป็นผู้กำกับคนแรกจาก ควิเบค ที่ได้รางวัลนี้ด้วย
โดลอง นำคำพูดของกวีชาวฝรั่งเศส อานาตอล ฟร็องส์ มากล่าวตอนรับรางวัลว่า “ข้าพเจ้าชื่นชอบอารมณ์อันบ้าคลั่ง มากกว่าความชาญฉลาดที่ปราศจากความแปลกใหม่” จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของประเทศแคนาดา ยังแสดงความยินดีกับโดลองผ่านทวิตเตอร์ด้วยว่า “คุณทำให้พวกเราภาคภูมิใจ ซาเวียร์”
It’s Only the End of the World ได้เป็นตัวแทนประเทศแคนาดา ส่งไปเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 89 ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ในเดือนธันวาคม 2016 หนังติด 1 ใน 9 เรื่องสุดท้ายที่มีโอกาสได้เข้าชิงออสการ์ 5 ที่นั่ง หากทว่าสุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน หนังยังได้เข้าชิงรางวัล Canadian Screen Awards อีก 9 สาขา รวมถึงเข้าชิง César Awards ของประเทศฝรั่งเศสอีก 6 สาขา และคว้ามาได้ 3 รางวัลด้วยกันนั่นคือ ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และลำดับภาพยอดเยี่ยม เป็นหนังที่คว้ารางวัลมาได้มากที่สุดของงานเทียบเท่ากับ Divines หนังมิตรภาพระหว่างเพื่อนสาวซึ่งก็ได้ 3 รางวัลเท่ากัน
ที่ฝรั่งเศส It’s Only the End of the World เข้าได้จำนวนจอฉายถึง 391 จอ หนังขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินสูงสุดตอนเปิดตัวทันที และตลอดโปรแกรมสามารถขายตั๋วได้ทั้งสิ้น 1,034,477 ใบ ก่อนหน้านี้มีหนังจาก ควิเบค แคนาดา เพียง 3 เรื่องที่ทำยอดขายตั๋วเกินหลักล้านที่เมืองน้ำหอมคือ The Decline of the American Empire (1986), The Barbarian Invasions (2003) และ Mommy (2014) ซึ่งเรื่องหลังนี้ก็คือหนังของ เซเวียร์ โดลอง เอง
It’s Only the End of the World เรื่องรักโลกแตก
16 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์ม