![](http://www.starupdate.com/wp-content/uploads/2017/05/promise6.jpg)
“The Promise สัญญารัก สมรภูมิรบ (เดอะ พรอมิส)” ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์รักสามเส้า เรื่องยิ่งใหญ่ ของผู้กำกับ “จอร์จ เทอร์รี่” ถือเป็นการกลับมาคืนฟอร์มของ “คริสเตียน เบล” หลังจากมีผลงานล่าสุดในหนังเล็กๆ อย่าง Knights of Cups (ไนท์ ออฟ คัพส์) และ The Big Short (เดอะ บิ๊ก ชอต) เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขามาพร้อมกับบทช่างภาพหนังสือพิมพ์ “คริส มายเยอร์ส” ที่หลงรักผู้หญิงคนเดียวกันกับ “มิคาเอล” (ออสการ์ ไอแซค) นักศึกษาแพทย์หนุ่ม อันมีฉากหลังเป็นเรื่องการสังหารหมู่ชาวอาร์เมเนีย
พระเอกหนุ่ม เปิดเผยถึงการตัดสินใจรับงานนี้ว่า “ผมคิดว่าบทนักหนังสือพิมพ์นี้เป็นอีกบทหนึ่งที่ท้าทายครับ เพราะหน้าที่ของพวกเขา คือการเปิดเผยเรื่องราวต่างๆให้คนอื่นได้รับรู้ อย่างเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ฃาวอาร์เมเนียนี่ มันเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แต่หลายคนก็พยายามจะซ่อนเร้นมันเอาไว้ให้กลืนหายไปกับกาลเวลา ทุกวันนี้ยังมีคนปฏิเสธที่จะเรียกมันว่า เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ผมคิดว่าการมารับบทนี้ เป็นเหมือนการบอกให้โลกรู้ ว่าที่ผ่านมาเราเคยโหดร้ายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันขนาดไหน และจะเป็นบทเรียนที่ดี ให้เราตระหนักว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ”
คริสเตียน ยังเล่าให้ฟังถึงฉากที่บีบคั้นความรู้สึกที่สุดให้ฟังด้วยว่า “มีฉากหนึ่งที่ “มิคาเอล” (ออสการ์ ไอแซค) ที่ต้องเห็นคนในครอบครัว และเพื่อนบ้านถูกสังหารหมู่ที่ริมแม่น้ำ ผมว่าทั้งผมและทีมงานทุกคนในวันนั้น คงรู้สึกสะเทือนใจ และหดหู่กับภาพในวันนั้น เพราะทุกอย่างมันดูสมจริงสมจัง ราวกับว่าเราหลุดไปอยู่ในช่วงเวลาของโศกนาฏกรรมครั้งนั้นจริงๆครับ ซึ่งก็ทำให้พวกเราได้ข้อคิดบางอย่าง และผมก็คิดว่าผู้ชมก็จะได้ซึมซับความรู้สึกอันเดียวกันนี้เหมือนพวกเราครับ “
บทบาทของนักหนังสือพิมพ์ของคริสเตียน มีตอนหนึ่งที่ตัวละคร “มิคาเอล” บอกกับ ตัวละครของเขา ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ว่า “คุณช่วยกลับไปถ่ายทอดเรื่องราวอันโหดร้ายนี้ ให้โลกรู้อย่างถูกต้องด้วย “ เหตุเพราะที่ผ่านมาอเมริกาเอง ก็มักบันทึกและเผยแพร่สิ่งต่างๆในมุมมองของตนเอง ซึ่งหลายครั้งค่อนข้างบิดเบือนจากความเป็นจริง
“ในเรื่องผมก็ตอบกลับไป หากมีไม่นักข่าว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหากคุณให้อิสระกับสื่อมวลชน ทุกอย่างก็จะถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันนั้นหากสื่อถูกลิดรอนสิทธิ์ ก็อย่างที่เห็นกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น ประชาชนก็จะได้เสพแต่ข่าวไม่จริง
ผมก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมในโลกโซเชียลได้เป็นอย่างดี และทีมงานยังจะคืนกำไรสู่สังคม ด้วยการมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้องค์การการกุศล เช่น Enough Project (อีนาฟ โปรเจคต์) , The Human Rights Watch(เดอะ ฮิวแททน ไรทต์ วอช) และ Amnesty International (เอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นนอล) ผมก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะฃ่วยให้เราคิดถึงเรื่องความเท่าเทียม และเห็นอกเห็นใจผู้ลี้ภัยกันมากขึ้นครับ”
ติดตามชม “The Promise สัญญารัก สมรภูมิรบ (เดอะ พรอมิส)” ได้ 1 มิถุนายน นี้ ในโรงภายนตร์
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ