“เก้า จิรายุ” และ “ปันปัน สุทัตตา” นำแสดงในตอน “14” จากหนัง “รัก 7 ปี ดี 7 หน”

แชร์ข่าวนี้

กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา

รัก 7 ปี ดี 7หน ทำให้ผมรู้ว่าหนังรักนี่มันมีเสน่ห์จริงๆ

“หากย้อนกลับไปทุก 7 ปีของชีวิตผมแล้ว  พบว่าการทำหนังครั้งแรกของผมจนถึงเรื่องล่าสุด เติบโตขึ้นเยอะ ข้อผิดพลาดทำให้พัฒนาขึ้น ระยะเวลาที่ผ่านทุก 7 ปี สอนให้เรารู้ว่าเราโตขึ้นเป็นคนแบบไหน ทำให้รู้จักตัวเองขึ้นเรื่อยๆ และเรื่องนี้เป็นหนังรักเรื่องแรกที่ได้กำกับ ก่อนหน้านี้เคยทำแต่หนังผี ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าการกำกับ  มันต่างกันมาก เพราะหนังผีทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้ ว่าต้องเดินสามเก้าแล้วหันไปเจอเหตุการณ์ ซึ่งการแสดงแบบด้นสดมันจะน้อยมาก แต่พอมาทำหนังรัก ทุกอย่างมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ซึ่งเก้ากับปันปันทำได้ดี   ถ้าเราถ่ายไปเกิดรู้สึกเขินอายแทนเขาเนี่ย แสดงว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งหาไม่ได้ในหนังผี แม้ฉากกุ๊กกิ๊กนิดเดียว หันไปมองคนรอบข้างในกอง ทีมงานยังยิ้มแทนตัวละคร แสดงว่าการแสดงมันได้ผลจริงๆ ส่งพลังถึงเราได้ ซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์ของหนังรัก โดยใช้ไอเดียจากพวกโซเชียล เนตเวิร์ค ทั้งหลายมาเป็นแกนเรื่อง โดยมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ที่คนรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เป็น”

ภูมิใจได้ทำหนังเรื่องนี้ หนังที่ให้พลังมากกว่ารัก     

“ที่มาของโปรเจ็ค รัก 7 ปี ดี 7 หน เป็นโปรเจ็คฉลอง 7 ปี จีทีเอช พี่เก้งต้องการทำหนังรักในอีกรูปแบบนึง ที่พูดประเด็นลงลึกกว่าที่ จีทีเอชเคยทำหนังรักมา ที่ผ่านมาเราทำหนังรักวัยมัธยม คนทำงานหลากหลายรูปแบบ แต่เรื่องนี้พูดถึงการใช้ชีวิต มันไม่ใช่แค่เราไปดูชีวิตคนๆ หนึ่ง แต่มันมากกว่านั้น ทั้งสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เราเกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่จะใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า”

“ตอน “14” ที่ผมกำกับ เป็นเรื่องราวของ ป่วน (เก้า-จิรายุ) เด็กผู้ชายที่ใช้เทคโนโลยีรอบตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ทั้งโซเชียลเน็คเวิร์ค, โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่สามารถทำอะไรได้หลายรูปแบบ ทั้งถ่ายรูป คลิปวีดีโอ เพื่อโพสลงยูทูป ป่วน ไปแอบชอบ มิล์ค (ปัน ปัน-สุทัตตา) รุ่นน้องจนวันนึงได้คบกัน หนังเล่าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทุกอย่างว่าชีวิตคนเราทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันปกติอย่างเดียว ยังคุยผ่านหน้า เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม ซึ่งบางครั้งการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คมากเกินไป มันได้ส่งผลและเกิดเรื่องราวบางอย่าง หนังเรื่องนี้ ผมดีใจมากที่ได้ เก้า กับ ปัน ปัน มาแสดงคู่กัน 2 คนนี้เป็นเคมีที่เข้ากันมาก เค้าทั้งคู่สามารถเล่นด้วยกันแล้วมันส่งพลังอะไรบางอย่างมาถึงตัวผม เก้า กับ ปัน ปัน เป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึก อารมณ์ได้มากกว่าสิ่งที่ผมต้องการครับ”

เก้า-จิรายุ ละอองมณี

อิทธิพลของเลข 7

“นักฟุตบอลคนแรกที่ผมชอบ ชื่อ เชฟเชนโก้ อยู่ทีม เอซีมิลาน ตอนนั้นเขาเล่นท็อปฟอร์มมาก เพิ่งย้ายมาใหม่ ปีแรกก็ยิงได้เลย ก็เลยปลื้มว่าเขาเก่งมาก  ซึ่งเลข 7 เป็นเลขเบอร์เสื้อของเขา และเป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ผมชอบดูฟุตบอลมาจนถึงทุกวันนี้”

ทุก 7 ปี มีการเปลี่ยนแปลง

“ตอน 7 ขวบ ผมได้เล่นละครเรื่องผีขี้เหงา เล่นเป็นเด็กผี เป็นละครเรื่องแรกที่เป็นจุดเปลี่ยนให้ได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น เริ่มมีคนจำได้ มีเพื่อนล้อ เริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อโลก เริ่มมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ตอน 14 จำได้ว่าเริ่มมีป๊อบปี้เลิฟ และเป็นช่วงอายุที่ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะได้เล่นหนัง 5 แพร่ง ทำให้คนเรียกว่าเก้า-จิรายุ   ไม่ใช่น้องเก้า การเล่นหนังทำให้ได้ประสบการณ์ดีๆ และเป็นช่วงเวลาดีๆที่อยู่ในอีกความทรงจำ” 

รัก 7 ปี ดี 7 หน หนังที่ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ภูมิใจที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้

“ผมเคยเล่นหนังกับพี่กอล์ฟมาแล้ว ใน 5 แพร่ง ตอน “หลาวชะโอน”  พี่กอล์ฟเป็นคนที่ละเอียดมาก เป็นผู้กำกับที่ตั้งใจที่จะทำให้สิ่งที่จะออกมาในหนังมันมีความหมายทั้งหมด และนี่ล่ะครับคือสิ่งที่ผมประทับใจในตัวพี่กอล์ฟ เพราะเวลาที่เราได้ทำสิ่งดีที่สุด เวลาไปนั่งดูในโรงหนังแล้วเราจะไม่นั่งเสียดาย พี่กอล์ฟทำให้ผมรู้สึกภูมิใจกับหนังเวลาที่ได้ไปนั่งดู หนังเรื่องนี้ทำให้ผมถนัดเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น จากที่ไม่ถนัดเลย ผมได้ไปเรียนพิมพ์ดีดเพื่อฝึกพิมพ์ข้อความให้คล่อง ป่วน กับผม มีความคล้ายกัน แต่ป่วน เก่งกว่าผมเยอะครับในเรื่องเครื่องมือสื่อสาร”

ปันปัน นางเอกในดวงใจ

“ปันปัน เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากครับ มีความสามารถในด้านการแสดงมาก เวลาเข้าฉากด้วยกัน รู้สึกว่าเขาเล่นดีจัง อยากจะตามเขาให้ทัน เวลาที่เราตั้งใจเล่น ช่วยส่งบทให้กัน เราทั้งคู่เลยทำมันให้ออกมาดี ตามที่ผู้กำกับต้องการ แต่กว่าจะเข้ากันได้ เราก็ต้องไปเวิร์คช้อปกับครูเงาะ ครูเงาะจะให้เราคุยกั ทวิตเตอร์คุยกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน พอมาเข้าฉากด้วยกันอีกครั้ง ผู้กำกับพอใจเลยครับ”

ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์

อิทธิพลของเลข 7

“เลข 7 เป็นเลขที่หนูชอบที่สุด เพราะรู้สึกว่าอะไรๆในโลกนี้ก็ 7 ไปหมด เช่นสายรุ้งก็มี 7 สี   หนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน  เวลาหนูจับฉลากขึ้นมาทีไรก็จะได้เป็นเลข 7 ทุกครั้ง เวลาใครให้เลือกตัวเลข หนูก็ชอบเลือกเลขเบอร์ 7  รู้สึกผูกพันกับตัวเลขนี้เป็นพิเศษ ถือเป็นเลขนำโชคในชีวิต”

ทุก 7 ปี มีการเปลี่ยนแปลง

“ช่วงที่เห็นได้ชัด คือตอนอายุ 13 จะเข้า 14 ชีวิตเปลี่ยนไป เพราะได้เล่นหนังเรื่องลัดดาแลนด์ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จัก เดินห้างก็ไม่มีใครมอง  แต่ตอนนี้ทำอะไรก็มีคนรู้ มีแต่คนมอง  ก็ต้องปรับตัวด้วยการทำใจ และระวังตัวมากขึ้น คิดให้ดีเวลาจะทำอะไร ในอนาคต ตอนอายุ 21 ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร”

จีทีเอช บ้านหลังแรกอบอุ่น ตัวละครสอนใจ

“หนูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ ตัวละครมิลค์ ได้สอนอะไรบางอย่างให้กับหนู ตอนเล่น ลัดดาแลนด์ ตัวละครสอนให้หนู รักครอบครัว เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น แต่เรื่องนี้ มิลค์ สอนให้หนูรู้ว่า โลกของโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราไม่สามารถควบคุมได้ ชีวิตจริงของหนู ติดโซเชียลเน็ตเวิร์คมาก จะคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารมากกว่าหันหน้ามาคุยกัน ตอนนี้หนู หันมาคุยกับคนอื่นมากขึ้น”

ผู้กำกับใจดี นักแสดงเข้าขา ทำให้ได้มาซึ่งงานแสดงที่ดี

“พี่กอล์ฟเป็นผู้กำกับที่ใจดี และเก่งด้านโซเชียลเน็ตเวิร์คมากค่ะ พี่กอล์ฟทำงานละเอียด เข้าใจนักแสดง ใจเย็น เวลาที่หนูเล่นไม่ได้ พี่กอล์ฟจะให้ไปพักก่อน เวลาที่หนูเขินไม่กล้าเล่น พี่กอล์ฟจะส่งหนูกับเก้าไปเวิร์คช้อปกับครูเงาะ ซึ่งหลังจากที่เราทำความรู้จักกันแล้ว สนิทกันแล้ว หนูรู้เลยว่าเรากล้าเล่นมากขึ้น การทำงานสนุกขึ้น”

“เก้า เป็นนักแสดงที่ร่วมงานด้วยแล้วไม่กดดัน เวลาที่หนูเล่นไม่ได้เก้าจะให้กำลังใจ จะคอยบอกไลน์กล้อง แม้แต่ฉากเล็กๆ น้อยๆ เก้าจะไม่ปล่อยผ่าน สอนเรื่องมุมกล้อง ฉากเดินในห้าง จะเตือนหนูว่า ตาอย่าหลุดโฟกัส อย่าเดินหลุดกล้อง เก้า ทำให้หนูผ่อนคลายเวลาเข้าฉากด้วย เก้าเป็นนักแสดงที่มืออาชีพจริงๆ”

ที่มา:  GTH
บันทึกภาพ:  GTH
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง