สิ่งที่ท้าทายแนวคิดเรื่องตัวตน ความเป็นมนุษย์ของพวกเรา…และ จุดหมายปลายทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตั้งคำถามกับค่านิยมและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ “อะไรคือนิยามของความเป็นมนุษย์” นั่นเป็นคำถามที่ผู้กำกับ “เดนิส วิลเลอเนิฟ” เอ่ยถาม และคำตอบที่น่าประหลาดใจภายใน “Blade Runner 2049” ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขากำลังจะปรากฎ 5 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
เมื่อสามสิบห้าปีก่อน ภาพยนตร์แปลกใหม่เกี่ยวกับโลกอนาคต “Blade Runner” ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ภายใต้การกำกับของผู้กำกับคนดัง “ริดลีย์ สก็อต” และสร้างจากนิยายโดย ฟิลิป เค. ดิ๊ค เรื่อง Do Androids Dream of Electric Sheep? นำผู้ชมทะยานสู่โลกอนาคต ดิสโทเปีย ที่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยสัมผัสมาโดยสิ้นเชิง
สมัยก่อนนั้น ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่า “Blade Runner” จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่มากแค่ไหน ? ด้วยการบุกเบิกสิ่งที่กลายเป็นภาพยนตร์แนวใหม่อย่าง นีโอนัวร์ ไซเบอร์พังค์ ปัจจุบันนี้ ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของสก็อตได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและสำคัญที่สุดตลอดกาล แต่ผลกระทบของมันก้าวไปไกลเกินกว่าวงการภาพยนตร์ และครอบคลุมไปจนถึง แวดวงโทรทัศน์ ดนตรี ศิลปะ แฟชั่น หรือแม้แต่ คอร์สเรียนระดับมหาวิทยาลัย
บัดนี้ หลังจากเวลาล่วงเลยไปกว่าสามทศวรรษ “Blade Runner 2049” นำเรากลับสู่โลกที่ทำให้แฟนๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าหลงใหลอีกครั้ง ในภาพยนตร์ที่เป็นทั้งภาคต่อที่หลายคนรอคอยและประสบการณ์การชมภาพยนตร์แบบฉายเดี่ยวที่เป็นที่จับตามอง
“เดนิส วิลเลอเนิฟ” ผู้มองว่าตัวเองเป็นหนึ่งในสาวกผู้ศรัทธาภาพยนตร์ภาคแรก กล่าวว่า “ผมจำได้อย่างแม่นยำถึงตอนที่ได้ดู ‘Blade Runner’ เป็นครั้งแรก และผมก็ทึ่งกับสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นหนึ่งในฉากเปิดเรื่องที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์หนังครับ การทะยานเหนือลอสแองเจลิสในปี 2019 และได้เห็นทิวทัศน์ของโรงงานน้ำมันนั่น ริดลีย์ สก็อต ได้นำเสนอภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของอนาคตที่อาจเป็นไปได้ของเรา ที่ทั้ง มีเสน่ห์ เย้ายวน และน่าสะพรึงกลัว เหลือเกินครับ
‘Blade Runner’ เป็นการปฏิวัติทางสุนทรียศาสตร์ครับ มันผสมผสานหนังสองแนวที่เมื่อมองดูแวบแรก มันไม่เข้ากันเลย นั่นคือไซไฟและฟิล์มนัวร์ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทำมาก่อน สร้างมันมาก่อน และมันก็ส่งอิทธิพลต่อผมอย่างมากครับ มันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆของการศึกษาเกี่ยวกับหนังของผม ก่อนที่ผมจะรู้ว่าผมจะมาเป็นผู้กำกับอีกครับ ตอนที่ผมได้รับบทภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ ผมประทับใจอย่างมาก ความไว้วางใจที่ผมได้รับมา ในการให้ผมรับผิดชอบหนังเรื่องนี้…มันเป็นหนึ่งในคำชมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพการงานของผมเลยล่ะ ตัวผมเองมีข้อแม้อย่างหนึ่ง ก่อนที่จะตกลงกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมต้องการการเห็นชอบจากริดลีย์ สก็อตครับ นั่นเป็นเงื่อนไขข้อเดียวของผม สก็อต เขาได้บอกผมในสิ่งที่ผมต้องการจะฟัง ซึ่งก็คือผมมีอิสระเต็มที่ แต่ถ้าผมต้องการเขา ผมก็โทรหาเขาได้ เขาว่างตลอดครับ และจริงๆ แล้ว ทุกครั้งที่ผมต้องการเขา เขาก็อยู่ตรงนั้นครับ ผมซาบซึ้งน้ำใจเขาเสมอ ในการคิดลุคโดยรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้ผมอยากซื่อตรงต่อจิตวิญญาณของภาพยนตร์ต้นฉบับ เป้าหมายของผมคือการแสดงความเคารพต่อสุนทรียศาสตร์แบบฟิล์มนัวร์ของต้นฉบับ แต่ก็สร้างเอกลักษณ์ให้กับภาคใหม่ด้วย”
………. ผู้กำกับ ทีมผู้สร้างที่เน้นย้ำว่า แม้ว่า “Blade Runner 2049” จะตามรอยเท้าของต้นฉบับ แต่มันก็ยืนหยัดได้ด้วยตัวเองเช่นกัน แม้ว่าคุณจะไม่เคยดูภาคแรก คุณก็จะไม่มีปัญหาในการเข้าใจเรื่องราวเลย , ด้วยลักษณะที่มันเขียนบทและถูกนำเสนออีกครั้ง คุณจะเพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับดราม่าโดยไม่จำเป็นต้องรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก่อนเลย Blade Runner 2049 เบลด รันเนอร์ 2049 ผลงาน เดนิส วิลเลอเนิฟ (“Arrival”) ผู้กำกับผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ “Blade Runner 2049” ภาคต่อที่หลายคนรอคอยของภาพยนตร์ดังกระหึ่มโลก “Blade Runner” สามสิบปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก เบลดรันเนอร์คนใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเคจากกรมตำรวจแอลเอ ได้เปิดเผยความลับที่ซ่อนไว้มานาน ที่สามารถจะทำให้ความเป็นสังคมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตกอยู่ในความโกลาหลได้ การค้นพบของเคได้นำเขาไปสู่การผจญภัยเพื่อตามหาริค เด็คคาร์ด อดีตเบลดรันเนอร์จากกรมตำรวจแอลเอ ผู้หายตัวไปกว่าสามทศวรรษ
นำแสดงโดย ไรอัน กอสลิ่ง (“La La Land”) ในบท เค และ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (แฟรนไชส์ “Star Wars,” “Witness”) ในบท ริค เด็คคาร์ด ทีมนักแสดงรวมถึงอนา เดอ อาร์มาส (“War Dogs”), ซิลเวีย โฮคส์ (“Renegades”), โรบิน ไรท์ (“Wonder Woman”), แม็คเคนซีย์ เดวิส (“The Martian”), คาร์ลา จูรี(“Brimstone”), เล็นนี เจมส์ (“The Walking Dead”) ร่วมด้วยเดฟ เบาติสตา (แฟรนไชส์ “Guardians of the Galaxy”) และนักแสดงรางวัลออสการ์ จาเร็ด เลโต (“Dallas Buyers Club”)
อำนวยการสร้างโดยผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ แอนดรูว์ เอ. โคโวเว และโบรเดอริค จอห์นสัน (“The Blind Side”) ร่วมด้วย บัด ยอร์คิน และซินเธีย ไซค์ ยอร์คิน โดยมีผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงหลายรางวัลออสการ์ ริดลีย์ สก็อต (“The Martian,” “Gladiator”) ผู้กำกับ “Blade Runner” ภาคแรก รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง
ที่มา:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บันทึกภาพ:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย