มินิซีรีส์เรื่อง Way Back Home ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 SD ซึ่งได้ออนแอร์ตอนแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม กระแสตอบรับถือว่าดีทีเดียว วันนี้ทาง Star Update ได้นำบทสัมภาษณ์สุด Exclusive จาก 7 นักแสดงนำของเรื่องมาให้เหล่าแฟนคลับ ทราบที่มาที่ไป ว่าทั้ง 7 มารับบทในเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ละคนรับบทเป็นใครบ้าง
Q : รับบทเป็นใครกันบ้าง
บาส : รับบทเป็น เวล ครับ
คิมม่อน : รับบาทเป็น เจ ครับ
คอปเตอร์ : รับบทเป็น หยวน ครับ
เฟิร์น : รับบทเป็น ข้าวโพด ค่ะ
คูเปอร์ : รับบทเป็น พล ครับ
จากัว : รับบทเป็น แมน ครับ
แฟรงค์ : รับบทเป็น แซน ครับ
Q : แต่ละคนมีผลงานอะไรกันมาบ้าง?
คอปเตอร์ : ผม พี่คิม และ บาส ผ่านการแสดงเรื่อง เดือนเกี้ยวเดือน 2Moon The series ครับ
เฟิร์น : มีผลงานเรื่อง บ่วงบรรจถรณ์ ทางช่อง 3 ค่ะ
คูเปอร์ : มีผลงานการแสดงเรื่อง My Bromance พี่ชายเดอะซีรีส์
จากัว : มีผลงานการแสดงเรื่อง My Bromance พี่ชายเดอะซีรีส์ และ Online The series
แฟรงค์ : เรื่อง Way Back Home เป็นผลงานเรื่องแรกครับ และ ก็เป็น 1 ใน 50 หนุ่มคลีโอ ปี 2017
Q : อะไรที่เป็นเหตุผลที่ตัดสินใจรับแสดงซีรีส์เรื่องนี้?
แฟรงค์ : ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับการได้มาแสดงซีรีส์เรื่องนี้ครับ
จากัว : ถือเป็นโปรเจคใหม่ ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสทางด้านการแสดงเลยอยากแสดงออกมาให้เต็มที่ครับ
เฟิร์น : คาแรกเตอร์ค่อนข้างตรงกับตัวเรา ก็เล่นตัดสินใจรับเล่นค่ะ
คูเปอร์ : เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ และ ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสน่ห์ในตัวเองครับ จากตอนแรกที่เห็นบทครับ
คอปเตอร์ : คือมีผู้ใหญ่ทาบทามมาว่าจะมีซีรีส์เรื่องนี้นะ ลองอ่านบทดูมั้ย พอเราได้อ่านบทก็รู้สึกอยากลองเล่นดู ซึ่งก็ได้ถามทางผู้ใหญ่ว่าแต่ละคนรับบทเป็นอะไรบ้าง ทางผู้ใหญ่ก็ให้ผมรับบทเป็น คนไบโพล่าร์ เพราะชีวิตจริงก็เหมือนผมจะเป็นอยู่ (ล้อเล่น) เป็นบทที่ท้าทายดีครับ ก็เลยตัดสินใจรับเล่น
คิมม่อน : บทบาทที่ได้รับก็เหมือนจะโตขึ้นมาอีก 1 ก้าว จากละครวัยรุ่นใสๆ ก็จะมีเรื่องครอบครัว , เพื่อน , เรื่องดราม่าต่างๆ เลยทำให้ผมอยากเล่นเพื่อเป็นการพัฒนาตัวเอง อีกอย่างคือ เล่นเป็นวิศวะอีกแล้ว อยากใส่ Shop เรื่องที่แล้วไม่ได้ใส่ Shop รู้สึกหงุดหงิดครับ
บาส : เพราะผู้ใหญ่ให้โอกาส พอเราได้อ่านบทก็รู้สึกว่าบทน่าสนใจ มีความคล้ายตัวเอง ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง (คิมม่อน : คือเรื่องที่แล้วบาสรับบทเป็นวาโย ก็คือแสดงเป็นวาโย แต่เรื่องนี้คือ มีความเป็นบาสค่อนข้างสูง) มันสนุกดีครับ ได้ปลดปล่อยสิ่งที่เราอยากทำ
Q : พูดถึงเพื่อนนักแสดงหน่อย ว่าใครเป็นตัวป่วนสุด
บาส : พี่จากัว ครับ ชอบแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะผม
คอปเตอร์ : ยืนยันอีกเสียงเลยครับว่าเป็นพี่จากัว เป็นพี่ที่แสบมากๆ ในกองไม่ว่าใครจะอยู่ตรงไหนพี่จากัวจะเข้าไปแกล้งตลอดเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จากัวต้องแกล้งแต่พวกเรา (บาส : ผมก็ไม่เข้าใจทำไมพี่เค้าชอบแกล้งผม เวลากินข้าว ก็เอาข้าวผมไปเก็บครับ)
คูเปอร์ : เม้าส์บาสครับ เวลาทำงานชอบชวนเล่นเกมส์ เราบอกไม่เล่นๆ ก็มาเซ้าซี้ว่าคนไม่ครบ ผมก็เลยต้องเล่นด้วยความจำเป็นครับ
จากัว : ผมขอแก้ตัวครับ จริงๆ คนที่ถูกแกล้งประจำคือผมเอง เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกัน อย่างบาสเนี้ยเป็นน้อง แต่ชอบตบหัวผมครับ (บาส : ตบในเรื่องเฉยๆ ตบด้วยความเคารพรักครับ) ถ้างั้นก็ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้นะบาส เพื่อนๆก็ชอบแกล้งผมครับ
แฟรงค์ : ผมแปลกใจที่สุดเลยคือพี่คิมม่อนครับ ตอนแรกที่เจอเหมือนพี่เค้าจะเป็นคนเฉยๆ เงียบๆ จนได้ปาร์ตี้ด้วยกัน (คิมม่อน : ตอนไหนๆ ) ในฉากไง ฉากสังสรรค์เป็นการปลดล็อกความรู้สึกเลยครับ โดยพี่คิมแกล้งรัวๆเลย โดนรับน้องตลอดเลยครับ
เฟิร์น : รู้สึกดี สึกว่าสวยที่สุดในกอง เพราะว่าเป็นผู้หญิงคนเดียว (คิมม่อน : บาสสวยกว่า) บาสเติมหน้าเยอะสุดในกอง
Q : ถ้าให้สลับบทกันเล่น อยากสลับบทกับใคร?
เฟิร์น : อยากเล่นเป็น เจ ค่ะ บทพูดน้อยดี
คูเปอร์ : อยากเล่นเป็นหยวนครับ เพราะบทหยวนมีความน่าสนใจมากท้าทายดี ได้แสดงในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง
จากัว : อยากเล่นเป็นหยวนครับ เพราะมีอะไรที่ท้าทายความสามารถ บางครั้งอยู่เงียบๆ เรียบร้อย อยู่ดีๆ ก็เป็นไบโพล่าร์ขึ้นมา ก็รู้สึกแปลกๆไปอีกแบบครับ
แฟรงค์ : อยากรับบทเป็นแมนครับ อยากชั่วแบบเปิดเผย (คิมม่อน : บทแมนเค้าได้เข้าใกล้สาวๆ เยอะ) และเพื่อนๆ ยอมรับตัวตนเค้าได้ด้วยนะ
บาส : อยากรับบทเป็นพี่เคนครับ อยากเป็นพี่ใหญ่บ้าง ผมไม่อยากเป็นน้องเล็กแล้ว ผมอยากดูแลคนอื่นบ้างครับ
คอปเตอร์ : ผมอยากเล่นเป็นครูมอสครับ ผมอยากใหญ่ที่สุด จริงๆอยากรับบทเป็น เจ ครับ นิ่งๆ คูลๆ เท่มาก
คิมม่อน : จริงๆ ผมชอบบทเจ อยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะให้สลับ ผมอยากเล่นเป็นพี่เล็กครับ เวลาพี่เค้าเสิร์ฟอาหารเค้าจะมีสไตล์ของเค้า
Q : เฟิร์นเป็นนักแสดงหญิงคนเดียวในเรื่อง โดนหนุ่มๆ แกล้งบ้างหรือเปล่า?
เฟิร์น : มีแต่ไปแกล้งคนอื่นค่ะ ต้องถามว่าใครแกล้งใครมากที่สุดดีกว่าค่ะ ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น จากัว เพราะจะเป็นคนที่ยอมโดนแกล้ง จากัวเป็นคนที่แกล้งแล้วสนุก (จากัว : ไม่ยอมครับ แต่สู้ไม่ไหว) จากัวจะเป็นคนที่ทำอะไรก็ผิด ชอบเข้าไปผิดจังหวะ เข้าไปทีไรวงแตกตลอด ขนาดถ่ายๆกันอยู่ก็ยืนบังกล้องคนอื่น (บาส : ตอนถ่ายคือชอบยืนบังกล้องคนอื่น ชอบยืนหันหลังให้กล้อง แล้วบังคนอื่นหมดเลย ใช้ไม่ได้) (คิมม่อน : ถ้าถ่าย 3 วัน จากัวยืนบังกล้องไปแล้ว 2 วัน ครับ)
Q : คิดว่าซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากซีรีส์วัยรุ่นเรื่องอื่นๆ ยังไง?
เฟิร์น : เราเน้นไปที่สถาบันครอบครัว ผู้ใหญ่ก็ดูได้ เด็กก็ดูได้ เราจะแสดงให้เห็น 2 ด้าน คือด้านที่เวลาอยู่กับเพื่อน ผู้ปกครองอาจจะคิดว่าเราไปทำเรื่องไม่ดี แต่จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เค้าคิด
คอปเตอร์ : คำว่าครอบครัว ไม่ได้หมายถึง พ่อแม่ อย่างเดียว แต่อาจจะหมายถึง พี่น้อง เพื่อนๆ มารวมตัวกันในที่ๆนึง เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองครับ
คิมม่อน : ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของมิตรภาพที่อยากให้สังคมไทยได้เล็งเห็น ว่าการมีความรักให้กันเป็นการสร้างสรรค์สังคม แต่ละคนจะมีเส้นเรื่องที่แตกต่างกัน แต่ละคนมีปัญหาที่ต่างกัน แต่เวลาที่ใครมีปัญหาก็จะมารวมตัวกันในที่ๆนึง เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาทำให้เห็นว่าการอยู่รวมกันมันดีกว่าการอยู่คนเดียว ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดูแล้วจะหายเครียดและมีความสุขครับ
บาส : ผู้ใหญ่ก็จะได้เห็นมุมมองของเด็ก บางคนออกจากบ้านมาในที่อโคจร อาจจะมาปรึกษาปัญหาชีวิตกัน ไม่ได้มาทำเรื่องที่ไม่ดี เหมือนที่ผู้ใหญ่คิด
คอปเตอร์ : นอกจากมิตรภาพที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นแล้ว ทุกตวละครมีปมของตัวเองและปมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สังคมไทยมีมานานมากแล้ว แต่มันถูกละเลยและไม่ค่อยได้ถูกพูดถึงเท่าไหร่ อย่างที่เรื่องที่ถูกกดดันจากทางบ้าน การเป็นโรค การอยากมีตัวตนในสังคม ก็จะถูกพูดถึงในเรื่องนี้
คูเปอร์ : เป็นสะท้อนแง่มุมต่างๆในสังคม อาจจะเป็นทั้งมุมของเด็กและมุมของผู้ปกครอง เหมือนที่คอปเตอร์พูดถึงตัวละครแต่ละตัวว่ามีปมของตัวเอง บางคนเป็นคนร่าเริงแต่อาจจะมีอะไรอยู่ในใจ บางคนเข้มแข็งแต่ในใจลึกๆเค้าอาจจะเป็นคนอ่อนแอ เป็นเกราะที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง
จากัว : บทแมนที่ทุกคนมองว่าเจ้าชู้นั้น ชอบเข้าหาผู้หญิงบ่อยๆ จริงเค้าเป้นคนที่มีปมในใจในเรื่องของแม่ ฝากติดตามด้วยครับ จริงๆ ตัวละครตัวนี้มีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
แฟรงค์ : สำหรับแซน ที่บ้านจะบังคับให้เรียนหมอ ซึ่งถ้ามงอีกมุมนึงคือ เค้ามีอากาสได้เรียนหมอ ซึ่งคนอื่นพยายามอย่างมากที่จะเรียน แต่กลับไม่มีโอกาส แซนจึงใช้โอกาสที่เค้ามีให้ดีที่สุด
Q : บทที่ได้รับในเรื่อง เหมือนหรือต่างกับชีวิตจริงของเรายังไง?
จากัว : บทที่ได้รับเป็นบทเจ้าขู้ กระล่อน ซึ่งตัวจริงก็จะเป็นคนขี้เล่น แต่ไม่ได้เจ้าชู้ครับ
แฟรงค์ : ไม่ตรงในเรื่องที่พ่อแม่บังคับให้เรียน พ่อแม่แฟรงค์จะตามใจ แต่เรื่องความดื้อกับพ่อแม่ ก็ค่อนข้างตรงครับ
คูเปอร์ : ในเรื่องกับตัวจริงตากต่างกันค่อนข้างเยอะครับ เพราะพลจะค่อนข้างสุขุม ดูเป็นผู้นำ และต้องเป็นคนที่คนอื่นเห็นแล้วต้องเกรงใจ แต่ตัวจริงผมเป็นคนสนุกสนานร่าเริง
เฟิร์น : ก็ค่อนข้างเหมือนตัวเองมากค่ะ แต่ตัวจริงเฟิร์นจะค่อนข้างห้าวกว่าข้าวโพด ไม่ค่อยมีมุมหวานๆ ในเรื่องข้าวโพดยังมีฉากกุ๊กกิ๊กกับเวลด้วย
คอปเตอร์ : หยวนกับผมจะเหมือนกันที่การเลี้ยงดูของครอบครัวและก็เป็นครอบครัวคนจีนเหมือนกันด้วย มีความอบอุ่น เป็นลูกติดแม่ ส่วนสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ เป็นไบโพล่าร์ ซึ่งเป็เรื่องค่อนข้างไกลตัว ผมไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน ต้องกลับไปทำการบ้านมาเยะพอสมควร เพื่อจะถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด รอติดตามครับ
บาส : เหมือนในบางอย่างและไม่เหมือนในบางอย่าง เหมือนในเรื่องความหล่อ ความซน ความเฟี้ยว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือความเป็นเพลย์บอย เวล จะมีความกระล่อนในการเข้าหาผู้หญิง แต่บาสส่วนใหญ่ก็จะอยู่กับพี่ๆ พี่ก็อต พี่คิม เพราะเราก็ไม่มีเวลาไปหลีสาวด้วย ต้องทำงาน และตอนนี้ก็ยังไม่ได้สนใจเรื่องนั้นด้วยครับ
คิมม่อน : เจกับคิม ไม่เหมือนกันเลยครับ เพราะเจจะสุขุมเงียบๆ ส่วนคิมก็จะพูดมากหน่อยครับ มีข้อนึงที่ผมกับเจเหมือนกันคือความซื่อสัตย์ครับ
Q : ในเรื่องมีฉากที่ต้องต่อสู้กัน มีผิดคิวกันบ้างหรือเปล่า?
คิมม่อน : ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่มาร่วมฉากกับเราทุกๆคนครับ พี่เค้ามืออาชีพมาก จะสอนเราก่อนเข้าฉาก ว่าจะทำแบบนี้ ท่าแบบนี้ ต้องเข้าตรงไหน ยังไง จับจังหวะแล้วก็ซ้อมกันอย่างดี ไม่มีผิดคิวครับ ทำให้ออกมาสนุกและไม่มีใครบาดเจ็บครับ
Q : ฉากไหนที่แต่ละคนรู้สึกว่ายากที่สุด
คิมม่อน : ฉากที่พวกเรารวมตัวกันเยอะที่สุดแล้วตรงร้องไห้ครับ
บาส : สำหรับผมไม่ได้มีฉากที่ยากขนาดนั้น แต่ผมว่าฉากที่เรารวมตัวกันแล้วต้องร้องไห้ สำหรับผมนะ ผมว่าการแสดงว่าร้องไห้ แต่ไม่ร้องไห้ เป็นอะไรที่ยาก เพราะต้องแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์แทน ทุกฉากมีความยากง่ายแตกต่างกัน ผมก็พัฒนาและทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ ครับ
คอปเตอร์ : สำหรับผมคือการเล่นเป็นไบโพลาร์ครับ ต้องปรับอารมณ์ในแต่ละฉาก บางฉาก ปูเรื่องมาแบบอารมณ์ดี ผ่านไป 5 นาที ต้องปรับโหมดเป็นอารมณ์เสีย เป็นความยากของตัวหยวนว่าจะปรับอารมณ์ยังไงให้เข้ากับจังหวะ เข้ากับสถานการณ์
เฟิร์น : เป็นฉากที่ต้องวิ่งเข้าไปในร้านค่ะ แล้ววันนั้นฝนตก ถนนลื่นมากมีผิดคิว แต่เราก็ต้องวิ่งกันต่อเพราะผู้กำกับไม่สั่งคัท เป็นฉากที่ต้องแม่นพอสมควร ต้องกระโดด วิ่ง พร้อมกับแสดงอารมณ์ไปด้วย ก็อยากให้ทุกคนติดตามค่ะ
คูเปอร์ : เป็นฉากเดียวกับเฟิร์นครับ ต้องวิ่งลงจากรถตู้ซึ่งฝนตกและถนนลื่นมาก มีทางแบบเป็นหญ้าให้พวกเราวิ่งขึ้นด้วย ก็มีล้มบ้าง แต่ผู้กำกับก็ไม่ได้สั่งคัทเพราะต้องการความสมจริง
จากัว : ส่วนผมรับบทเป็นแมน ก็จะไม่ค่อยยากเท่าไหร่ เหมือนเล่นเป็นตัวเอง แต่ส่วนที่ยากก็จะเป็น ฉากที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์หลายๆคนพร้อมกัน เพราะว่าอารมณ์ต้องต่อเนื่องครับ
แฟรงค์ : สำหรับแฟรงค์ คือ ฉากแรกเลยครับ เพราะเหมือนเป็นอีกโลกนึงที่ไม่เคยรู้จัก พอได้มาเจอก็รู้สึกว่ามันยากมากเลยครับ ถ่ายไปเรื่อยๆ ก็จะมีพี่ๆ มีผู้กำกับ คอยบอกคอยสอน ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นครับ
บาส : ผมเจอฉากที่ยากสำหรับผมแล้วครับ คือฉากที่ต้องใกล้ผู้หญิง เพราะผมมีแต่เพื่อนผู้ชายเล่นละครแต่กับผู้ชายอย่างเดียว พอได้ใกล้ผู้หญิงก็จะรู้สึกเกรงใจ ผมเลยรู้สึกว่ามันยาก ผมว่าเล่นละครแบบเป็นเพื่อนๆกัน มันจะสนุกกว่า (แล้วถ้าในอนาคตต้องเป็นพระเอก ที่มีนางเอกจริงๆ ล่ะ?) ผมซ้อมมาแล้วไง ไม่มีความกลัวแล้วครับ ปกติถ่ายรูปกับผู้หญิงก็จะไม่กล้าโอบเอว ก็จะยืนเฉยๆ
Q : ได้เข้าฉากกับ พี่มอส และ พี่เต๋า ซึ่งมีประสบการณ์ทางการแสดงที่เยอะ พี่ๆได้แนะนำหรือสอนอะไรบ้าง?
คิมม่อน : พี่ๆ เค้ามีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ พวกเราก็จะเกรงใจมากเวลาที่เล่นผิด เพราะพวกพี่ๆเค้าเล่นกันดีมากครับ แต่พี่ๆ ก็ใจดี คอยสอน คอยแนะนำว่าต้องทำยังไง วิธีการรับกล้อง เราได้ความรู้เยอะมากครับจากการแสดงซีรีส์เรื่องนี้
บาส : ผมได้ฝึกตัวเองด้วยครับ เวลาที่มีคนเล่นนอกบทมาเราก็ต้องคิดให้ทัน ว่าจะทำยังไงต่อ ห้ามหลุดคาแรกเตอร์
Q : คนดูจะได้อะไรจากซีรีส์เรื่องนี้บ้าง?
เฟิร์น : ได้ข้อคิดเยอะมากๆ ค่ะ เพราะซีรีส์เรื่องนี้สอนการใช้ชีวิต ให้คิดก่อนทำ แสดงให้เห็นถึงผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้น บางอย่างเราคิดว่าเราทำดีแล้ว แต่มันอาจจะเกิดผลกระทบที่ค่อนข้างร้ายแรง
คูเปอร์ : สิ่งแรกที่คนดูจะได้คือความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และการแสดงออกของคนแต่ละประเภท ให้ผู้ใหญ่ได้ทราบว่าบางอย่างที่เราทำ พวกเราพยายามทำออกมาให้มันดี แต่บางครั้งผู้ใหญ่ก็จะคิดว่าพวกเราออกนอกลู่นอกทาง ในส่วนของเด็กๆ ก็จะทำให้เข้าใจผู้ใหญ่มากขึ้น ว่าเวลาที่เค้าจ้ำจี้จ้ำไชเพราะเค้ารักและเป็นห่วงเรามาก
Q : คาดหวังกับซีรี่ส์เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?
แฟรงค์ : ทุกคนก็ต้องคาดหวังให้ซีรีส์เรื่องนี้ดัง และมีผลตอบรับที่ดี ให้คนดูเยอะๆครับ
เฟิร์น : อยากให้ทุกคนติดตามดูซีรีส์ทุกตอนแบบสดๆ ค่ะ
คูเปอร์ : ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ทีมงาน หรือผู้กำกับ ผู้จัด ทุกคนตั้งใจที่จะถ่ายทอดซีรีส์เรื่องนี้ออกมาให้ดี เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกในช่วง Teen Time ด้วยครับ
คิมม่อน : ทุกคนที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ พวกผมก็หวังว่าจะได้นำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และ มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น
Q : ฝากผลงาน
เฟิร์น : ฝากติดตาม ซีรีส์ Way Back Home ออกอากาศวันแรกวันที่ 31 มีนาคม 2561 เวลา 20.30 น.ทางช่อง 3 SD
บาส : 20.30 มาเจอกันนะครับ
จากัว : ถ้าดูไม่ทัน ก็จะมีทาง Line TV หลังจากช่อง 3 SD จบ 1 ชั่วโมงครับ
แฟรงค์ : ฝากผลงานเรื่องแรก Way Back Home ดูกันเยอะๆนะครับ และก็ฝาก IG thefrankplanet
จากัว : ฝากผลงานเรื่อง Way Back Home และเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ ฝาก IG jaguar_jg
คูเปอร์ : ฝากผลงานเรื่อง Way Back Home และ ซีรีส์ที่่กำลังจะเปิดกล้องเร็วๆ นี้ และฝาก IG cooper_patpasit
เฟิร์น : ฝากผลงานเรื่อง Way Back Home และซีรีส์เรื่องต่อไปที่กำลังจะออนแอร์เร็วๆนี้ และฝาก IG ffernffurn
คอปเตอร์ : ฝาก IG ccopter และฝากงานใหญ่ “ZEED SIM Unlock Your ZEED WORLD” 4 เม.ย.นี้ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ที่ลานเอเทรียม 2 สยามเซ็นเตอร์ เจอกับพวกเรา SBFive งานใหญ่แน่นอน
บาส : ฝากศิลปินกลุ่ม SBFive ที่ทำกับค่าย Love Is โดยมีพี่บอย โกสิยพงษ์ มาร่วมทำเพลงให้ ซึ่งเพลงที่ 2 ใกล้จะปล่อยออกมาแล้วครับ และฝาก IG bbasjtr และผมกำลังจะมีละครที่จีนอีก 2 เรื่องครับ
คิมม่อน : ฝาก IG kimmon.dj ครับ
บันทึกภาพ: STARUPDATE.COM