เริ่มต้นความสนุก ในวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. พบกับสุดยอดภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ตระการตา “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 องค์ประกันหงสา” ช่อง 7HD นำกลับมาให้ดูกันอีกครั้ง จากผลงานการกำกับของ หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล นำแสดงโดยพระเอกยอดฝีมือ วันชนะ สวัสดี ร่วมด้วย ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ สรพงษ์ ชาตรี ฉัตรชัย เปล่งพานิช อินทิรา เจริญปุระ และสันติสุข พรหมศิริ ซึ่งใน ภาค 1 องค์ประกันหงสา เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวช่วงพระเยาว์ของ สมเด็จพระนเรศวร (ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์) ที่ตกเป็นองค์ประกันให้กับกรุงหงสาวดี และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับคัดเลือกให้ไปฉายในเทศกาลหนังต่างประเทศอีกด้วย
ในปีพุทธศักราช 2106 พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง (สมภพ เบญจาทิกุล) ทรงกรีฑาทัพเข้าตีราชอาณาจักรอยุธยาทางด่านระแหงแขวงเมืองตาก ทัพพม่ารามัญได้เข้ายึดครองหัวเมืองทางฝ่ายเหนือของราชอาณาจักรอยุธยาได้สำเร็จ ครั้งนี้ สมเด็จพระมหาธรรมราชา (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พระราชบิดาของ สมเด็จพระนเรศวร หรือ พระองค์ดำ ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดินครองเมืองพิษณุโลก จำต้องยอมอ่อนน้อมต่อ พระเจ้าบุเรงนอง เพื่อไม่ให้ชีวิตของราษฎรมีอันตรายและจำต้องยอมร่วมกระบวนทัพพม่าเพื่อเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ศึกครั้งนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาทรงยอมเจรจาหย่าศึกกับพม่ารามัญ และยอมถวายช้างเผือกให้ทั้งหมด 4 เชือก ข้าง สมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้ยอมอ่อนน้อมต่อ พระเจ้าบุเรงนอง จึงได้ถวาย สมเด็จพระนเรศวรราชโอรสองค์โต ที่มีพระชนมายุได้เพียง 9 ชันษา ให้ไปเป็นองค์ประกันประทับยังหงสาประเทศเช่นกัน ด้วยพระปรีชาสามารถด้านพิชัยยุทธของ สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงเป็นที่รักใคร่ของ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ประดุจพระราชบุตรร่วมสายเลือด สันตติวงศ์ พระองค์ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล เห็นว่าสืบไปเบื้องหน้า สมเด็จ
พระนเรศวร จะได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตในอุษาคเนย์ประเทศ จึงทรงปลูกฝังให้ สมเด็จพระนเรศวร ผูกพระทัยรักแผ่นดินหงสา เพื่อจะได้อาศัยพระองค์เป็นผู้สืบอำนาจอุปถัมภ์ค้ำชูราชอาณาจักรต่อไป พระองค์จึงทรงโปรดให้ พระมหาเถรคันฉ่อง (สรพงษ์ ชาตรี) พระรามัญผู้มากด้วยวิทยาคุณในตำราพิชัยสงคราม เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดศิลปวิทยาการแก่ตำนาน สมเด็จพระนเรศวร เพื่อให้ สมเด็จพระนเรศวร มีความแกร่งกล้ามากขึ้น มาร่วมติดตามความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของไทยได้ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑ องค์ประกันหงสา”
วันเสาร์ที่ 12 พ.ค. สนุกกันอย่างต่อเนื่องกับภาคต่อ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 ประกาศอิสรภาพ” นับเป็นภาพยนตร์คุณภาพที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนหนังไทย ส่งประกวดรางวัลออสการ์ครั้งที่ 80 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และยังได้รับเลือกไปฉายในเทศกาลหนังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล โดยการถ่ายทำของเรื่องนี้ได้ใช้อุปกรณ์การถ่ายทำและผู้เชี่ยวชาญจากฮอลลีวูดมาร่วมด้วย
เมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสิ้นพระชนม์ไป พระเจ้านันทบุเรง (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ได้ขึ้นเสวยราชสืบต่อ และในช่วงคาบเกี่ยวที่บ้านเมืองกำลังต้องเปลี่ยนการปกครอง ก็ได้มีหลายๆ อย่างที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างอยุธยาและหงสาวดี ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะ พระเจ้านันทบุเรง ไม่ไว้วางพระทัย สมเด็จพระนเรศวร (วันชนะ สวัสดี) เนื่องจาก สมเด็จพระนเรศวร ได้แสดงพระปรีชาสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ทำให้ พระเจ้า
นันทบุเรง ทรงเกรงกลัวว่าจะเป็นภัยต่อราชวงศ์และแผ่นดินหงสาวดี จึงได้วางแผนที่จะลอบปลงพระชนต์สมเด็จพระนเรศวร แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ได้ทราบถึงภัยที่จะมาถึงจากอาจารย์ของตนเอง จึงตัดสินใจตัดขาดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี และได้กวาดไล่ชาวมอญกลับบ้านเกิดเมืองนอนไปจนหมดสิ้น มาร่วมติดตามความยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ”
วันเสาร์ที่ 26 พ.ค. กลับมาสนุกมหากาพย์ภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ กับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี” ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด ซึ่งเคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้วทั่วประเทศ ผลงานยอดเยี่ยมของผู้กำกับคนเดิม หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล นำแสดงโดยพระเอกยอดฝีมือ วันชนะ สวัสดี ร่วมด้วย ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ นพชัย ชัยนาม และ ทราย เจริญปุระ ภาพยนตร์ที่จะทำให้คนไทยทั้งแผ่นดินได้ภูมิใจในแผ่นดินบ้านเกิด และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งด้านความกล้าหาญ ความอดทน ความเสียสละ ความกตัญญูต่อแผ่นดิน รวมถึงยุทธศาสตร์การรบ ที่ทำให้ประเทศไทยดำรงเอกราชตราบจนถึงทุกวันนี้
ในปีพุทธศักราช 2127 การประกาศเอกราชที่เมืองแครง ทำให้ พระเจ้านันทบุเรง (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) กษัตริย์แห่งพม่าเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงว่า อยุธยาในฐานะประเทศราชในขณะนั้นทำการเยี่ยงนี้อาจเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าประเทศราชอื่นๆ ตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่ด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพ พระยาพะสิม (ครรชิต ขวัญประชา) และ พระเจ้าเชียงใหม่ (ชลิต เฟื่องอารมย์) เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้น พระเจ้านันทบุเรง ทรงประมาท พระนเรศวร (วันชนะ สวัสดี) ด้วยเห็นว่ายังอ่อนพระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยายังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร
ขณะเดียวกัน เจ้ากรุงละแวกทางตะวันออกของอยุธยา ได้ทราบกิตติศัพท์ของ พระนเรศวร จึงส่ง พระศรีสุพรรณราชาธิราช (ดิลก ทองวัฒนา) ผู้อนุชามาช่วยทำศึกกับพม่าด้วย พระนเรศวร และกองทัพของพระองค์ได้วางแผนในการแยกสายเข้าตีทัพของพม่า โดยแข่งกับเวลา หากช้าไปอยุธยาอาจแตกพ่ายก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีศึกรักระหว่างรบของคนสี่คน คือ พระราชมนู (นพชัย ชัยนาม) กับ เลอขิ่น (ทราย เจริญปุระ) และ เสือหาญฟ้า (ดอม เหตระกูล) กับ รัตนาวดี (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ รวมถึงสถานะของ พระสุพรรณกัลยา (เกรซ มหาดำรงค์กุล) ซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรง ข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็นบาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสด แต่ในที่สุด พระนเรศวร ก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยาให้รอดจากภัยสงครามกู้บ้านเมือง มิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบายการศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ
แฟนรายการ BIG CINEMA อย่าลืมติดตามชมได้ ในวันเสาร์ที่ 5, 12 และ 26 พฤษภาคม นี้ เวลา 22.45 ทางช่อง 7HD กด 35
บันทึกภาพ: CH 7