Q: ว่ากันว่านิยายเรื่องนี้อ่านแล้ว “ต้องเสียน้ำตา” พอได้อ่านบทแล้วคิดยังไงกับเรื่องนี้
อาริมุระ คาสึมิ : เรื่องนี้มีอยู่ทั้งหมดสี่ตอนซึ่งไม่ได้จบเป็นตอน ๆ แต่คือสี่ตอนรวมเป็นหนึ่งเรื่อง การอ่านบทมาเลยช่วยให้เข้าถึงเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ แต่ในเรื่องก็มีจุดที่มีความเป็นแฟนตาซีซึ่งเราไม่สามารถจะจินตนาการได้ แม้จะอ่านบทมา ว่าแล้วก็อยากเห็นมากค่ะว่ามันจะออกมาแบบไหน
Q: ก่อนจะอ่านบท ได้อ่านต้นฉบับมาก่อนหรือเปล่า
อาริมุระ คาสึมิ : อ่านค่ะ ในฉบับภาพยนตร์ คุณมัตสึชิเกะกับคุณยาคุชิมารุเล่นเป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ตรงนี้บทของทั้งคู่จะสลับกันกับในนิยายต้นฉบับ เพราะในหนังจะเป็นคุณภรรยาที่ป่วย หรือแม้แต่ตัวละครชินทานิที่เคนทาโร่แสดงก็มีเฉพาะในหนัง นอกจากนี้ โทคิตะ คาซึ ที่ฉันรับบท ในต้นฉบับก็จะเป็น โทคิตะ เคย์ กับ โทคิตะ คาซึ ซึ่งในเรื่องคุณเคย์เขาจะเป็นคนที่เข้าสังคมเก่ง แต่คาซึจะเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับแล้วก็มีความสุขุมเยือกเย็น ฉันก็เลยอ่านต้นฉบับแล้วพยายามเล่นให้ได้แบบนั้นค่ะ
Q: เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน
อาริมุระ คาสึมิ : เรื่องนี้มีสี่ตอน เรื่องราวของตัวละครในแต่วัยที่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกัน น่าจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้ง่าย แล้วก็ยังมีหลายฉากที่ดูแล้วก็บีบหัวใจสุด ๆ เป็นเรื่องราวน่าประทับใจที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ค่ะ
แล้วก็ ถึงเราจะย้อนอดีตแล้วเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ให้คิดซะว่าจากนี้ไปเราก็จะได้พบเจอเรื่องราวดี ๆ อยากให้อดทนรอด้วยความหวังต่อไปค่ะ
Q: ถ้าเกิดว่าย้อนอดีตได้แบบในภาพยนตร์ อยากจะย้อนกลับไปช่วงเวลาไหน
อาริมุระ คาสึมิ : นั่นสินะคะ ถ้าคิดง่าย ๆ ก็คงสมัยมัธยมปลายค่ะ ฉันเข้าวงการตั้งแต่วัยรุ่น ก็เลยไม่ได้เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาพร้อมกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนบ้านเกิด ที่ผ่านมาพวกเราก็มีความทรงจำที่ดีร่วมกันมากมาย รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้บอกลาเพื่อนในวันนั้น หรือไม่ก็คงย้อนไปตอนเริ่มเข้าวงการค่ะ จะได้เตรียมความพร้อม ให้ทำงานได้อย่างบ้าดีเดือดไม่หวั่นเกรงกับสิ่งที่จะต้องเจอ คือตอนนี้ฉันก็ตั้งใจทำงานนะคะ แต่พอมีอะไรเข้ามาเยอะ ๆ แล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองค่อย ๆ เปราะบางลง ก็นั่นแหละค่ะ อยากจะย้อนไปสักครั้งเพื่อกำจัดความอ่อนแอนี้ออกไปมาก ๆ (หัวเราะ)
รู้จัก อิโต้ เคนทาโร่ หนุ่มหล่อผู้หลงรัก สาวเจ้าของร้านกาแฟย้อนเวลา ใน
Café’ Funiculi Funicula เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น
Q: คิดว่าตัวเองกับ ชินทานิ เรียวสุเกะ ตัวละครที่เล่น มีอะไรที่เหมือนกัน และมีผลต่อการรับบทยังไง
อิโต้ เคนทาโร่ : ตัวละครนี้ที่ผมเล่นมีแค่ในฉบับภาพยนตร์ครับ ผมเลยต้องคุยกับทางผู้กำกับซึกาฮาระ แล้วก็คิดไปด้วยว่าถ้าผมมีโอกาสได้คลุกคลีกับเพื่อนที่แถวบ้านเกิด ผมจะทำตัวยังไง สำหรับตัวละครชินทานิ ทุกคนก็น่าจะเห็นอกเห็นใจเขาง่ายอยู่นะครับ เพราะผมก็เล่นโดยให้เขามีความใกล้เคียงกับคนที่คอยดูแลผม
ในส่วนการแสดง ผมให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในกองมากครับ ผมเลยพยายามแสดงอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าที่จะไปโฟกัสเรื่องการสวมบทเป็นเขา เรื่องตัวละครชินทานิ ผมก็คุยกับผู้กำกับว่าเธออยากให้ผมเล่นออกมายังไง ที่สำคัญเลยคือต้องให้ตรงกันข้ามกับคาซึจัง เพราะคาซึจะเป็นคนที่เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ในขณะที่ชินทานิค่อนข้างกระตือรือร้น แต่ถึงจะต่างกัน ต่างฝ่ายต่างก็ช่วยส่งเสริมให้ภาพยนตร์มันออกมาดีครับ
Q: ได้แสดงกับนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งนั้นเลย รู้สึกเครียดหรือประหม่าบ้างไหม
อิโต้ เคนทาโร่ : ก่อนเข้าฉากผมเห็นชื่อนักแสดง มีแต่คนที่เก่ง ๆ ทั้งนั้นเลยครับ ทำเอาเครียดอยู่บ้างเหมือนกัน แต่พอเข้าฉาก บรรยากาศในกองกลับดูอบอุ่นมาก ผมก็เลยหายเครียดไปได้บ้าง เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากเพราะได้ดูนักแสดงรุ่นใหญ่เขาแสดงกันอย่างใกล้ชิด ถึงกับจับตาดูแบบไม่รู้ตัวเลยครับว่าตัวเองจริงจังมาก (หัวเราะ)
Q: พูดถึง อาริมุระ คาสึมิ ที่แสดงด้วยกันครั้งแรก
อิโต้ เคนทาโร่ : ผมเพิ่งจะได้แสดงกับเธอครั้งแรก ก็เลยคิดนั่นคิดนี่หลายอย่าง แต่เธอก็มาแสดงด้วยแบบไม่ถือตัวเลย จะว่าไปความสัมพันธ์ของเราก็คล้าย ๆ กับของตัวละครคาซึกับชินทานิเลยนะครับ รู้สึกว่าเราค่อยๆ สนิทกันขึ้นโดยปริยาย ซึ่งมันก็มีผลกับการแสดงในเรื่องด้วย
Q: อยากให้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหน
อิโต้ เคนทาโร่ : พอรับชมไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าเรื่องนี้มีตอนที่ชวนให้เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ตอนที่ชวนให้ขบคิด รวมไปถึงตอนที่เราสามารถแทนตัวเองลงไปในนั้นได้ พอชมแล้วก็จะนึกถึงใครสักคน จนอยากให้ความสำคัญกับการให้เวลากับครอบครัว เพื่อน และคนที่เรารัก นอกจากนี้ บรรดานักแสดงรุ่นใหญ่ก็แสดงกันได้อย่างสุดยอด ภาพที่ถ่ายออกมาก็สวยมาก ๆ ดูแล้วจะได้ค้นพบอะไรหลาย ๆ อย่างแน่นอนครับ
เตรียมหัวใจอุ่นไปกับ 4 เรื่องรัก 1ร้านกาแฟ
ใน Café Funiculi Funicula เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น
21 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์มฯ