ผู้ใช้ Viu 30 ล้านคนพร้อมออกเดินทางอันน่าตื่นเต้น และร่วมผจญภัยไปกับแขกรับเชิญชื่อดังอย่าง

“คิม จอง กุก / อีริค นัม / เทย่า โรเจอร์ส”   และคนดังบนโซเชียลมีเดียจากทั่วเอเชีย

Viu (วิว) ผู้นำด้านการให้บริการรับชมวิดีโอผ่านอินเตอร์เน็ต (OTT) ระดับภูมิภาคจากกลุ่มบริษัท พีซีซีดับเบิลยู มีเดีย (PCCW Media Group) ที่การันตีคุณภาพด้วยผู้ชมรายเดือนกว่า 30 ล้านคนได้เปิดตัวรายการใหม่ระดับพรีเมียมอย่าง No Sleep No FOMO โดยการถ่ายทำ Viu Original ในครั้งนี้ถือเป็นรายการท่องเที่ยวแรกในภูมิภาคที่นำเอาการมีส่วนร่วมของผู้ชมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมาเป็นหัวใจหลัก

รายการนี้ผู้ชมจะได้รับชมไลฟ์สไตล์แบบโฟโม (FOMO ย่อมาจาก Fear Of Missing Out หรือการกลัวที่จะพลาดอะไรบางอย่าง) และเปลี่ยนความท้าทายใน YouTube แบบเดิม ๆ ให้เป็นรายการแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยการถ่ายทำแบบทุ่มทุนสร้างที่จะพาผู้ชมท่องเที่ยวไปยังประเทศฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สวิสเซอร์แลนด์และไทย

เหล่านักแสดงในรายการ No Sleep No FOMO ซึ่งได้แก่คนดังเอเชียสุดฮอตและผู้ที่มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดียนั้นจะต้องเดินทางไปตามสถานที่ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงตามที่กำหนดไว้ในลิสต์รายการ FOMO แต่ละตอน คนดังทั้งหลายจะต้องทำภารกิจสุดตื่นเต้นจำนวน 60 อย่างให้สำเร็จภายใน 60 ชั่วโมงโดยห้ามนอน เช่น การขี่รถม้าขณะใส่หน้ากากในประเทศฟิลิปปินส์ การพักที่โรงแรมขึ้นชื่อว่ามีผีสิงในประเทศอินโดนีเซียและการโชว์ฝีมือแสดงเดี่ยวไมโครโฟนในคลับที่ประเทศมาเลเซีย แขกรับเชิญหลักทั้งหลายจะต้องพบเจอกับการผจญภัยใหม่ ๆ ในแต่ละตอน สำรวจสถานที่น่าสนใจใหม่ ๆ แถมยังเป็นการเปิดประสบการณ์กับของแปลก ๆ พร้อมพบเจอผู้คนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน รวมถึงดื่มด่ำไปกับอาหารพื้นเมือง และทำร่างกายและจิตใจให้สดชื่นอีกด้วย

พิธีกรมากประสบการณ์ในวงการบันเทิงสิงคโปร์อย่าง พอล ฟอสเตอร์ จะได้ร่วมงานกับคิม จองกุก ผู้ดำเนินรายการรันนิ่ง แมน (เกาหลีใต้) อีริค นัม นักร้อง นักแต่งเพลง (เกาหลีใต้) และคนดังในโลกโซเชียลมีเดียอย่างฮาน่า แทม (ฮ่องกง) เควิน วู (เกาหลีใต้) อเล็กซานเดอร์ ลี ยูเซเบียว (เกาหลีใต้) เบนจามิน เคง (สิงคโปร์) แนท โฮ (สิงคโปร์) ลอร์รีน อุย (ฟิลิปปินส์) และเทย่า โรเจอร์ส (ไทย) โดยทุกคนมีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียรวมกันกว่า 12 ล้านคน

No Sleep No FOMO คือ Viu Original รายการแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมโดยตรงกับรายการผ่านการสื่อสารกับแขกรับเชิญผ่านแคมเปญ ‘Viu Engage’ โดยแฟน ๆ ทั้งหลายติดตามและรับชมการถ่ายทำ No Sleep No FOMO ได้แบบสด ๆ ผ่านแฮชแท็ก #ViuNoSleepNoFomo และ #ViuEngage และเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยไปกับคนดังโดยสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของพวกเขาแบบเรียลไทม์ นับตั้งแต่การเริ่มการถ่ายทำก็ได้มีคนโพสต์เกี่ยวกับรายการ No Sleep No FOMO บนโซเชียลมีเดียกว่าสามล้านราย และมีปฏิสัมพันธ์ผ่านโลกออนไลน์จำนวนมากกว่า 600,000 ครั้งโดยไม่ผ่านการโฆษณา

นางสาวเจนิส ลี กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท พีซีซีดับเบิลยู กล่าวว่า “ในปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียมากกว่า 3.4 พันล้านรายทั่วโลก ซึ่งเกือบจะเท่ากับ 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต [1] คนยุคดิจิทัลนี้มีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไอดอลคนโปรดของพวกเขา เนื่องจากเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์นี้ โซเชียลมีเดียจึงได้กลายมาเป็นหัวใจหลักของรายการ No Sleep No FOMO เราได้ใช้องค์ประกอบการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียใหม่ ๆ เข้ามาในการผลิตรายการเพื่อให้แฟน ๆ ได้มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยไปกับไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบ เราได้เปลี่ยนผู้ชมให้กลายมาเป็นผู้ร่วมสร้างรายการไปกับเรา”

No Sleep No FOMO เป็นไปตามรูปแบบรายการต้นฉบับจากทางเอเจนซีคอนเทนต์ระดับโลกอย่าง เดอะ สตอรี่ แล็บ (The Story Lab) แถมรายการนี้ยังเป็นการร่วมมือครั้งแรกระหว่างเดอะ สตอรี่ แล็บ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค (Dentsu Aegis Network) กับผู้ให้บริการรับชมวิดีโอผ่านระบบอินเตอร์เน็ตระดับภูมิภาค

นายไมเคิล อิสกาส์ ประธานบริษัท เดอะ สตอรี่ แล็บ กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ Viu ในการผลิตรายการ No Sleep No FOMO เพื่อฉายในตลาดหลัก ๆ ทั่วตลาดเอเชีย ผู้ชมทั้งภูมิภาคก็ตื่นตัวในการที่จะได้มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์บันเทิงมูลค่าสูงนี้ ก็เลยเป็นโปรเจ็กต์สมบูรณ์แบบที่จะได้เปิดตัวบนแพลตฟอร์มดังกล่าว”

Viu ก้าวกระโดดจากจำนวนผู้ใช้งาน 16 ล้านคนในปี 2560 มาเป็น 30 ล้านคนในปี 2561 โดยเป็นผู้ใช้งานททีมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มอยู่ในระดับสูง นางสาวเจนิส ลี ยังกล่าวเสริมอีกว่า “เป้าหมายของเราคือการเติบโตและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับผู้ชมในทวีปเอเชียและเราตั้งใจว่ารายการ No Sleep No FOMO จะทำให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน ด้วยการเปิดตัวรายการแค่ในบางประเทศที่ Viu เป็นผู้นำด้านการบริการรับชมวิดีโอผ่านอินเตอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการแนะนำให้ผู้ชมได้รู้จักกับองค์ประกอบการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้แฟน ๆ ของ Viu มีส่วนร่วมกับเราและทำคอนเทนต์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ชมในแต่ละประเทศมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้แบรนด์ของเราได้รับโอกาสที่ไม่มีใครทำได้เพื่อครองใจผู้ชมในโลกดิจิทัลที่ออนไลน์แทบจะตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี”

ผลงานที่ร่วมมือกันระดับภูมิภาคนี้มีทั้งหมด 8 ตอน และพร้อมให้รับชมฟรีตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2019 เป็นต้นไปที่ www.viu.com และบนแอปพลิเคชันมือถือ Viu ในเจ็ดประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไทย

[1] ที่มา: We Are Social รายงานด้านดิจิทัล พ.ศ.2562