“โคล สเปราซ์” เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปี 1992 ที่เมืองอาเรซโซ ประเทศอิตาลี และเป็นแฝดคนน้องที่เกิด 15 นาที หลังพี่ชาย “Dylan Sprouse” คุณพ่อกับคุณแม่โคลตั้งชื่อตามศิลปินระดับตำนาน Nat King Cole พวกเขาทำงานเป็นคุณครูที่อิตาลี ก่อนจะย้ายกลับมาประเทศอเมริกาตอนโคลอายุได้สี่เดือน
โคล สเปราซ์ ที่เคยฝากผลงานการแสดงเป็น จั๊กเฮด โจนส์ ใน ซีรีส์ Riverdale เขาแสดงร่วมกับ ดีแลนฝาแฝดของเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่ร่วมแสดงใน Big Daddy กับ อดัม แซนด์เลอร์ และ The Suite Life of Zack & Cody ทางช่องดิสนีย์ แต่สเปราส์ยังมีด้านที่รอให้ค้นพบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา และความใฝ่รู้ที่ทำให้ เขาพักการแสดงเข้าเรียนสาขาโบราณคดี และการถ่ายภาพที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
ในปี 2019 โคล สเปราซ์ กลับมาพร้อมกับผลงานล่าสุดอย่าง “Five Feet Apart ขออีกฟุต ให้ใจเราใกล้กัน” โดย จัสติน บัลโดนี ซึ่งเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นสองคนต้องเผชิญ กับอุปสรรคขวากหนามที่แยกพวกเขา ให้รักกันไม่ได้เพราะพวกเขานั้นไม่สามารถสัมผัสกันและกันได้ จูบกันไม่ได้ ไม่สามารถอยู่ใกล้กันจนกระซิบ ให้กันและกันได้ เพราะพวกเขาต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อยหกฟุต
ชะตาดูเหมือนจะเล่นตลกกับ สเตลล่า (เฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน-The Edge of Seventeen) และ วิล (โคล สเปราซ์) ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาในการหาแรงใจในการมีชีวิตอยู่เพื่อกันและกันได้ พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมแยกจากกัน สเตลล่าและวิลจะทำลายกำแพงล่องหนที่กั้นกลางระหว่างพวกเขาในการเดินทางเพื่อตามหาความผูกพัน และ ความหวัง เพื่อทวงคืนพื้นที่ที่จะให้พวกเขาอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม แม้จะเป็นเพียงแค่ฟุตเดียวก็ตาม
ในเรื่องคุณรับบทเป็นใคร
ผมรับบทเป็น วิล หนุ่มหัวขบถ จอมแหกแหกกฎ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่เคยคิดถึงอนาคต สเตลล่า คือ คนประเภทที่วิลหมั่นไส้ เธอเป็นคนโลกสวยตลอดเวลา อันที่จริงครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน พวกเขายินดีที่จะทำตาม คำสั่งหมอที่บอกให้พวกเขาอยู่ห่างกันอย่างน้อยหกฟุต เพื่อป้องกันไม่ให้วิลแพร่เชื้อแบคทีเรียให้สเตลล่า
วิลเป็นคนไข้โรคซีเอฟที่ร้ายแรงกว่าคนอื่น เพราะมีเชื้อเบอร์โคลเดอเรีย ซีเพเชีย หรือเรียกสั้น ๆ ว่า บี. ซีเพเชีย แบคทีเรียชนิดนี้จะไม่เป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับผู้ป่วยซีเอฟแล้ว บี. ซีพาเซีย สามารถทำให้การ ปลูกถ่ายอวัยวะมีอัตราเสี่ยงกว่าเดิม
ผมชอบเรื่องราวที่ตั้งคำถามกับคนดูว่า ความรักที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร? ส่วนใหญ่เราคิดว่ามันเป็น ความรู้สึก ที่สามารถจับต้องได้ ทำให้เรามักมองข้ามมันไป แต่ความรักจำเป็นต้องจับต้องได้เสมองั้นหรอ ทุกอย่างที่เราคาดหวัง จะได้จากการมีความรัก เช่น การสัมผัสกัน สามารถทดแทนด้วยอย่างอื่นได้หรือเปล่า
บทนี้มีความยากง่ายขนาดไหน แล้วคุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้นำแสดงในบทนี้
ยากไม่เบาเลยครับ ผมรู้สึกกดดันเหมือนกันนะ นี่เป็นหนังที่ผมรู้สึกต้องแสดงออกมาให้ตรงตามที่มันควร จะเป็นเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้ป่วย มันเป็นอะไรที่ท้าทายมาก ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง มันทำให้ผมได้ฉุกคิด ขึ้นมาว่าพวก เราใช้ชีวิตกันสุรุ่ยสุร่ายมากโชคดีแค่ไหนที่เราสามารถมีความรักกันโดยที่ไม่ต้องเจอกับอุปสรรคแบบสองคนนี้ในเรื่อง
คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรในการรับบทนี้
ผมต้องลดน้ำหนักลงราวๆ 30 ปอนด์ ต้องปรึกษากับนักโภชนาการเพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างปลอดภัย ขั้นตอนนี้ทำให้ผมเข้าใจทุกอย่างชัดเจนขึ้น ซีเอฟเป็นโรคที่ทำให้น้ำหนักคุณลดฮวบๆ ผู้ป่วยหลายคนผอมจน เห็นกระดูก มันยากใช่เล่นเลยนะแต่มันทำให้ผมได้เห็นมุมมองของวิล ผมยังเน้นไปที่การทำความเข้าใจกับวัยรุ่นที่ เป็นซีเอฟว่าพวกเขา ทำอย่างไรถ้ามีความรัก ทำไมคนอย่างวิลถึงสร้างกำแพงมาเพื่อป้องกันตัวเองจากความหวัง การที่ต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ยังเล็กมันส่งผลกับเขานะวิลกลายมาเป็นคนต่อต้านสังคมเพราะเขาไม่สามารถอยู่กับใครได้นาน เขาชินกับการที่ ทุกสิ่งออกมาไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งนี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมสเตลล่าถึง เข้ามาเปลี่ยนมุมของเขาไป
การทำงานกับเฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน เป็นยังไงบ้าง
โชคดีที่เคมีเราเข้ากันแต่แรก สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือเฮลีย์กับผมจะแสดงออกมาได้เข้ากันหรือเปล่า เพราะเราแตะต้องตัวกันไม่ได้เลย แต่สุดท้ายมันออกมาเป็นธรรมชาติ ต้องขอบคุณเฮลีย์ เธอเก่งมาก และยังแสดงถึงเสน่ห์แบบสเตลล่าออกมาได้ดีสุดๆ วิลคือจอมขวางโลกมืออาชีพ วิธีของเขาไม่ได้ผลกับสเตลล่า ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้วิลอึ้ง คือสเตลล่าจู้จี้จนทำให้กำแพงของเขาทลายลงได้ไม่เคยมีใครใส่ใจเขาขนาดนี้มาก่อนวิลแอบศึกษาตัวตนของสเตลล่าผ่านทางอินเทอร์เน็ต เขาสงสัยมากว่าทำไมเธอถึงมีผลต่อหัวใจเขาขนาดนี้ โชคดีที่เขาเข้าใจ ตัวตนของเธอได้เยอะผ่าน Vlog ทั้งหลายที่เธอทำไว้ ยิ่งเขาได้รู้จักเธอมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งซื่อสัตย์กับตัวเองมากขึ้น เพราะเขาอยากซื่อสัตย์ต่อสเตลล่า ซึ่งดูเหมือนว่าเฮลีย์จะชอบถ่ายฉาก Vlog ของสเตลล่ามากทีเดียว (หัวเราะ)
คุณพักการแสดงไปเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ช่วงใหญ่ๆเลย หลายๆ คนบอกว่ามันเหมือนเป็นการจบ ชีวิตนักแสดง แต่คุณ ก็สามารถกลับมาได้อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจทำแบบนั้น
ผมไปเรียนต่อเพื่อค้นหาตัวเอง ผมพยายามเดินบนเส้นทางที่นอกเหนือจากการเป็นนักแสดงบ้าง ผมเข้าเรียน คณะโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เรียนถ่ายรูปเป็นวิชาเสริมไปด้วย ผมชอบมันมากเลยนะ ผมทำงานที่แล็บ ในบรูคลินตอนเรียนจบ ผมวางแผนจะต่อโทแล้วด้วย แต่ผมได้เข้ามาแสดงในริเวอร์เดลก่อน ผมว่าการที่ผม ชอบถ่ายภาพมันช่วยให้ผมเข้าถึงวิลมากขึ้นนะเพราะเราต่างชอบศิลปะเหมือนกันเพียงแค่เขาชอบวาดรูปมากกว่าถ่ายภาพ
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์มฯ ***ภาพโดย : wonderlandmagazine, Mongkol Major