ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

แชร์ข่าวนี้

การประกาศเอกราชที่ เมืองแครง และสังหารสุระกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งแม่น้ำสะโตงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือสมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช ๒๑๒๗ ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้า ประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อนพระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยายังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร

ครั้งนั้นพม่ารามัญยก เข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง ๒ ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่-นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดิน ละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่า พระยาจีนจันตุ มาลอบ สืบความที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหัน มาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วย อยุธยา การได้พระศรีสุพรรณฯ มาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

ข้างสมเด็จพระนเรศ เมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่ง เดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับ ครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัยและสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมา สมทบ จึงทรงยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

สมเด็จพระนเรศทรงเห็น ว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่เข้ามารวมกำลัง ผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่าแม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้าง เผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณ เพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา

ภายใต้บรรยากาศกลิ่น อายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย เลอขิ่น ธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ เสือหาญฟ้า คนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคังโดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ พระราชมนู คนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่งลุกลามเมื่อ รัตนาวดี ธิดาผู้ทรงเสน่ห์ของเจ้าจอมมารดาสาย มาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรักซ้อนปมรบ

ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาสพระสุพรรณกัลยา-พระ พี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชามาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะองค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับ ให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็นบาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด

เมื่อพระเจ้าหงสาวดี ทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๒๔๐,๐๐๐ คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้า เชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยาให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโล-บายการศึกที่ เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ

ยุทธนาวีระหว่างกองเรือพิฆาตพระนเรศวรและเรือสำเภาพระยาจีนจันตุ

เมื่อครั้งที่อโยธยา ศรีรามเทพนครอ่อนแอ เนื่องจากพ่ายแพ้ศึกหงสาวดีนั้น พระยาละแวก สบช่องซ้ำเติม ส่งทัพเรือบุกเข้าโจมตีเมืองเพชรบุรี แต่กลับถูกกรมการเมืองเพชรบุรีตีแตกพ่ายล่าถอยไปแล้วนั้น สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่ายังมีนายทัพละแวกที่เกรงอาญาทัพของนักพระสัฎฐา หนีมาสวามิภักดิ์รับราชการด้วยพระมหาธรรมราชา แต่ด้วยอุปนิสัยของพระนเรศผู้มิตั้งตนอยู่ในความประมาทจึงทรงมอบหมายให้พระ ราชมนูสะกดรอยสืบจนรู้ว่าพระยาจีนจันตุผู้นี้คิดคดทรยศต่ออโยธยาโดยลอบส่ง ข่าวสารรายงานต่อนักพระสัฎฐา เมื่อพระยาจีนจันตุรู้ว่าความลับถูกเปิดเผย จึงนำเรือสำเภาแล่นใบหมายจะหลบหนีกลับเมืองละแวก แต่การณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด พระนเรศทรงนำเรือพิฆาตออกไล่ล่าเรือสำเภาพระยาจีนจันตุ เหตุการณ์ต่อสู้ชิงชัยด้วยปืนใหญ่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาจึงอุบัติขึ้น สมเด็จพระนเรศวรและเหล่าขุนศึกไล่ยิงเรือสำเภาจีนเป็นสามารถ และนำเรือพิฆาตเข้าเทียบเรือสำเภาจีนจันตุ ทว่าเรือพิฆาตของพระองค์เพลี่ยงพล้ำตกอยู่ในระยะปืนใหญ่ของพระยาจีนจันตุ แต่ทันใดนั้นเรือพระที่นั่งของพระเอกาทศรถได้เร่งฝีพายเข้าแทรกเรือพระ นเรศวรและเรือของพระยาจีนจันตุ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับปืนใหญ่บนเรือของพระยาจีนระดมยิงมาถูกเรือของพระเอกา ทศรถจมลง

 

(ฉากนี้จะเต็มไปด้วย ความตื่นเต้นของการไล่ล่าระหว่างเรือพิฆาตและเรือสำเภาจีน สุดท้ายจะได้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างพระนเรศวรและพระเอกาทศรถซึ่ง สามารถตายแทนกันได้ )

กำกับการแสดงโดย : หม่อมเจ้า ชาตรีเฉลิม ยุคล

กำหนดฉาย ภาค 3 : 31 มีนาคม 2554

กำหนดฉาย ภาค 4 : สิงหาคม 2554

ที่มา:  ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บันทึกภาพ:  ฝ่ายประชาสัมพันธ์
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
แชร์ข่าวนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง