มือเขียนบท/ผู้กำกับ เกรต้า เกอร์วิก (Lady Bird) ได้สร้าง Little Women ที่ถือกำเนิดมาจากนิยายคลาสสิกและงานเขียนของ หลุยซ่า เมย์ อัลค็อตต์ และดำเนินเรื่องไปตามที่ โจ มาร์ช ตัวแทนของผู้เขียน ได้นึกย้อนกลับไปกลับมาถึงชีวิตสมมติของตัวเธอเองในมุมมองของเกอร์วิก

 เรื่องราวที่รักของพี่น้องครอบครัวมาร์ช สี่สาวผู้มุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง มีทั้งความเป็นอมตะและสมควรแก่เวลา ในบท โจ, เม็ก, เอมีและเบธ มาร์ช ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย เซียร์ชา โรแนน, เอ็มมา วัตสัน, ฟลอเรนซ์ พิวห์และเอลิซา สแกนเลน โดยมีทิโมธี ชาลาเมท์ รับบท ลอรี เพื่อนบ้านของพวกเธอ, ลอรา เดิร์น ในบท มาร์มี และเมอริล สตรีพ ในบทป้ามาร์ช

ไอเดียส่วนตัวที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่งของ Little Women เป็นสิ่งที่ผู้กำกับ เกรต้า เกอร์วิก ต้องการจะนำเสนอสู่จอเงิน เกอร์วิกได้มองเรื่องราวนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางของเรื่องราวนี้ ที่บันทึกความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ผู้เขียนเดิมได้สร้างขึ้น แต่เธอก็ยังต้องการนำเสนอความใกล้ชิดทางอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา ที่เนรมิตชีวิตให้กับตัวละครเหล่านี้ด้วย ด้วยความที่ผู้อ่านทุกคนต่างก็มีการแปลและการตีความหมายเรื่องราวนี้ของตัวเอง เกอร์วิกก็ได้ใส่เอกลักษณ์ของตัวเองลงไปในเรื่องราวนี้ด้วย นิยายเรื่องนี้เดิมถูกตีพิมพ์เป็นสองส่วน ส่วนแรกโฟกัสไปที่พี่น้องครอบครัวมาร์ชในช่วงวัยสาว และส่วนที่สองเล่าถึงความจริงอันแห้งแล้งของวัยผู้ใหญ่ เกอร์วิกได้แยกส่วนนิยายออก และนำทั้งสองส่วนสลับกันไปมา โดยมีเรื่องราวความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของโจมาเป็นเส้นเรื่องหลัก และปรับโครงสร้างระหว่างช่วงตอนต่างๆ เสียใหม่ ด้วยแนวทางด้านการเคลื่อนตัวของเวลาที่ยืดหยุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พาผู้ชมจมจ่อมอยู่ในความทรงจำ ช่วงเวลา อุบัติเหตุแห่งโชคชะตาและการกระทำโดยตั้งใจที่นำพาสี่สาวครอบครัวมาร์ช ที่ประกอบไปด้วย โจ สาวน้อยผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนอิสระ, เม็ก เด็กสาวผู้อ่อนโยน เรียบร้อย ผู้จะได้เป็นนักแสดง, เบธ นักดนตรีผู้ใจกว้างและเปราะบาง, เอมี จิตรกรไฟแรงผู้ชาญฉลาด ไปสู่ตัวตนผู้ใหญ่ที่ซับซ้อน ซึ่งแต่ละคนล้วนแตกต่างกันแต่ก็มีความสมัครสมานสามัคคีกันเหนียวแน่นในฐานะพี่น้อง

เกอร์วิกอ่าน Little Women หลายครั้งมากตอนเธอเป็นเด็ก เธอจำไม่ได้ว่าอ่านครั้งแรกเมื่อไหร่ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโจ มาร์ช สาวทอมบอย ตัวป่วน ผู้จะกลายเป็นนักเขียนนิยาย และต้องต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตที่เป็นอยู่เพื่อกลายเป็นผู้หญิงตามที่เธอจินตนาการ จนโจให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครูผู้มีเสน่ห์มากกว่าจะเป็นตัวละครสมมติ เธอเป็นเด็กสาวที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เธอต้องการจะมีอิสระมากกว่านี้ เธอต้องการจะสร้างสรรค์งาน ที่จะก้าวข้ามทุกสิ่งที่ถูกห้ามเอาไว้ แต่ก็อุทิศตัวเองให้กับคนที่เธอรักอย่างเต็มที่ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกอร์วิกอยากจะพาผู้ชมเข้าสู่โลกของโจ ทั้งอารมณ์ลังเลและการเคลื่อนไหวส่วนตัว ในแบบที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

“Little Women เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของฉันตั้งแต่ฉันจำความได้ ไม่เคยมีซักครั้งที่ฉันจะไม่รู้จักว่าโจ มาร์ชเป็นใคร เธอเป็นสาวน้อยของฉันเสมอ เป็นคนที่ฉันอยากจะเป็นและเป็นคนที่ฉันหวังว่าฉันจะเป็นน่ะค่ะ  เราได้รักษาความสมจริงของตัวต้นฉบับของอัลคอทท์เอาไว้ แต่เราก็ปรับโครงสร้างของนิยายใหม่ให้สอดคล้องกับการสร้างเป็นภาพยนตร์มากขึ้น ปรับเรื่องราวจากการดำเนินเรื่องตามลำดับเวลา เปลี่ยนเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงที่สุดของมาร์ชให้กลายเป็นความทรงจำและแรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์ สิ่งนี้จะเชื้อเชิญให้ผู้ชมได้สัมผัสกับพี่น้องครอบครัวมาร์ชในแบบใหม่ ในรูปแบบของผู้ใหญ่ที่มองย้อนกลับไปยังอดีต ทุกครั้งที่ฉันอ่านหนังสือเรื่องนี้ มันก็กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป ฉันรู้จักมันครั้งแรกแบบเลือนรางในตอนเด็ก แล้วเมื่อฉันโตขึ้น ส่วนใหม่ๆ ของมันก็ผุดขึ้นมาในความคิดของฉัน ในตอนที่ฉันเริ่มเขียนบทหนัง ส่วนหนึ่งที่ปรากฏชัดเจนคือการที่ชีวิตของพวกสาวๆ ตอนเป็นผู้ใหญ่ทั้งมีเสน่ห์และน่าหลงใหลเพราะพวกเธอพยายามหาคำตอบว่าจะยกย่องช่วงเวลาวัยรุ่นที่ไม่กลัวเกรงสิ่งใดของพวกเธออย่างไรในฐานะที่พวกเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะค่ะ”

สำหรับผู้หญิง การสร้างเส้นทางที่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะในการสร้างงานศิลปะ เป็นเรื่องอันตรายไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดก็ตาม แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรื่องของโจมีเสน่ห์ซะเหลือเกิน มีจิตวิญญาณความเป็นขบถในตัวของโจ และความหวังที่จะมีชีวิตที่ก้าวไปไกลจากขอบเขตที่เพศของคุณกำหนดเอาไว้เป็นเรื่องที่ยังคงน่าตื่นเต้นสำหรับเราค่ะ เธอเป็นเด็กสาวที่มีชื่อแบบผู้ชาย ผู้อยากจะเขียนงาน เธอทะเยอทะยาน เธอโกรธเกรี้ยว และเธอก็เป็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเข้าถึงได้ มันเหมือนกับว่าเธอทำให้เราทุกคนเป็นอิสระได้น่ะค่ะ  การวิเคราะห์ที่น่าสนใจที่ฉันเคยอ่านก็คือ Little Women เป็นหนึ่งในหนังสือไม่กี่เล่มเกี่ยวกับวัยเด็ก ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการหลบหนี มันมีความกล้าหาญก็จริง แต่มันก็เป็นการเดินทางของฮีโรที่ถูกจำกัดภายในบ้านด้วยค่ะ” เกอร์วิกกล่าว

“ถ้าโจเป็นฮีโรสำหรับวัยเด็กของฉัน หลุยซ่า เมย์ อัลคอทท์ก็เป็นฮีโรสำหรับวัยสาวของฉัน ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันที่เธอไม่อยากให้โจแต่งงาน แต่ก็ทำแบบนั้นเพราะสำนักพิมพ์บอกเธอว่าโจต้องแต่งงาน มีจดหมายที่เธอเขียนเอาไว้ว่า ‘ฉันจับคู่ให้โจแบบตลกๆ ไปเพราะฉันโกรธ’ ดังนั้น ฉันก็เลยอยากจะสร้างตอนจบให้เธอแบบที่เธอน่าจะชอบ ตอนจบที่ตัวเธอเองน่าจะต้องการ ที่ยกย่องทางเลือกที่เธออยากจะทำ ฉันอยากจะสร้างช่วงเวลาโรแมนติกคอเมดีในตอนจบที่หลุยซ่ามอบให้กับเรา แต่ขณะที่มันเกิดขึ้น ฉันก็ยังอยากจะตั้งคำถามว่า ‘ทำไมเราถึงต้องการแบบนั้น ทำไมเราถึงต้องการให้โจมีช่วงเวลาแบบนั้นด้วย’ น่ะค่ะ”

ผลงานการกำกับโดย เกรต้า เกอร์วิก อำนวยการสร้างโดยเอมี ปาสคัล, เดนิส ดิ โนวีและโรบิน สวิคอร์ด ผู้ควบคุมงานสร้างได้แก่อดัม เมอริมส์, เอฟเวอลิน โอ’ นีลล์, ราเชล โอ’ คอนเนอร์และอาร์นอน มิลชัน ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย เซียร์ชา โรแนน, เอ็มมา วัตสัน, ฟลอเรนซ์ พิวห์, เอลิซา สแกนเลน, ลอรา เดิร์น, ทิโมธี ชาลาเมท์, เทรซี เล็ทส์, บ็อบ โอเดนเคิร์ค, เจมส์ นอร์ตัน, หลุยส์ การ์เรล ร่วมด้วยคริส คูเปอร์และเมอริล สตรีพ

    ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใน วันที่ 9 มกราคม 2020