SM Entertainment (เอสเอ็ม เอ็นเทอร์เทนเม้นท์) และ KAIST (ไคสท์) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสำหรับการวิจัย metaverse (เมทาเวิร์ส) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (Korea Advanced Institute of Science and Technology) หรือ KAIST (ไคสท์) ที่เมืองแดจอน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีโปรดิวเซอร์กิตติมศักดิ์ ‘Lee Soo Man’ (อี ซูมาน), CEO ของ SM ‘Lee Sung Su’ (อี ซองซู) และประธานของ KAIST ‘Lee Kwang Hyung’ (อี กวังฮยอง) เข้าร่วม

ด้วยข้อตกลงนี้ SM Entertainment และ KAIST วางแผนที่จะ ▲ร่วมมือกันทางเทคนิคในด้านคอนเทนต์, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), หุ่นยนต์ ▲ดำเนินโครงการร่วมกันเกี่ยวกับการผลิตอวตาร์ดิจิทัล ▲การวิจัยทางวิชาการร่วมกันเกี่ยวกับ CT (Culture Technology หรือเทคโนโลยีวัฒนธรรม)

▶ ประธาน ‘Lee Kwang Hyung’ (อี กวังฮยอง) ได้พูดถึงความคาดหวังว่า: “ผมหวังว่าจินตนาการทางวัฒนธรรมของ SM Entertainment ที่ดึงดูดใจผู้คนทั่วโลก จะได้พบกับเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมของ KAIST และกลายเป็นผลิตภัณฑ์แห่งความสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ที่ส่งเสริมตลาดความบันเทิงในอนาคต รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีวิศวกรรม”

หลังจากพิธีลงนามใน MOU โปรดิวเซอร์กิตติมศักดิ์ ‘Lee Soo Man’ (อี ซูมาน) ก็ได้รับความสนใจจากการบรรยายพิเศษ สำหรับนักเรียนและสมาชิก KAIST ในหัวข้อ ‘โลกความบันเทิงแห่งอนาคตที่ KAIST และ SM จะอยู่ร่วมกัน’

▶ โดยการบรรยายในวันนั้น โปรดิวเซอร์กิตติมศักดิ์ ‘Lee Soo Man’ (อี ซูมาน) ได้เล่าถึงประสบการณ์ในฐานะ First Mover ของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีว่า: “ตั้งแต่ตอนก่อตั้ง SM ผมเน้นย้ำถึงความสำคัญของอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่มีต่อเศรษฐกิจ และนำคติ ‘Culture first, Economy next’ เผยแพร่สู่โลก” พร้อมเสริมว่า “ผมมุ่งมั่นในการทำให้กระแสเกาหลี (Hallyu) เป็นการเคลื่อนไหวระดับโลก และการเคลื่อนไหวอันยั่งยืนเพื่อสะสมความมั่งคั่งของชาติเกาหลี มากกว่าแค่การส่งออกกระแสเกาหลีผ่านการจำหน่ายอัลบั้ม, ละคร ฯลฯ

▶ นอกจากนี้ ยังอธิบายให้เห็นว่าเทคโนโลยีวัฒนธรรม (CT) เป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้ K-POP เป็นวัฒนธรรมระดับโลกและพัฒนากระแสเกาหลี: “ผมคิดว่า CT ไม่ควรจบในรุ่นเดียว แต่ควรมีการสร้างขึ้นมาด้วยตนเองเป็นลายลักษณ์อักษร เผยแพร่ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ดังนั้น จากความรู้ ประสบการณ์ และ Know-how ของผม ผมจึงสร้างแนวความคิดอิสระที่เรียกว่า CT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสร้างคอนเทนต์ และการผลิตอย่างเป็นระบบ” ต่อด้วยการอธิบายว่า “CT ยังคงพัฒนาไปพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผมและ SM จะต้องใส่ใจกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะรวมวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับคอนเทนต์” พร้อมแนะนำถึงคอนเทนต์โฮโลแกรม, Beyond LIVE ฯลฯ

▶ ไม่เพียงเท่านี้ โปรดิเซอร์กิตติมศักดิ์ ‘Lee Soo Man’ (อี ซูมาน) ได้กล่าวเกี่ยวกับโลกความบันเทิงแห่งอนาคตว่า: “ผมคิดว่ามันจะเป็นโลกของคนดังและหุ่นยนต์ ต้นกำเนิดของหุ่นยนต์มาจากอวาตาร์ และเราคิดว่าอวาตาร์มีความสำคัญ โลกแห่งอนาคตของคนดังและหุ่นยนต์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ด้วย aespa (เอสป้า) เมื่อปี 2020”, “SM CULTURE UNIVERSE (เอสเอ็ม คัลเชอร์ ยูนิเวิร์ส) โลกความบันเทิงแห่งอนาคตที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม คือ โลกทัศน์ของโลกความบันเทิงแห่งอนาคตที่ผมกับ SM ใฝ่ฝันและได้สร้างสรรค์ เรื่องราวยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งที่เรียกว่า SMCU (เอสเอ็มซียู) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในรูปแบบคอนเทนต์วิดีโอผสมแนวใหม่ ‘CAWMAN’ เป็นการผสมผสานระหว่าง C ของ ‘Cartoon’, A ของ ‘Animation’, W ของ ‘Web-toon’, M ของ ‘Motion graphic’, A ของ ‘Avatar’, N ของ ‘Novel’ เพื่อการสัมผัสประสบการณ์คอนเทนต์รูปแบบใหม่แห่งอนาคตอย่างสมบูรณ์”

▶ และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า: “ในฐานะโปรดิวเซอร์ หัวข้อของผม คือ อนาคตและคอนเทนต์ในอนาคตเสมอ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีต้องควบคู่ไปด้วยกันอย่างแน่นอน เพื่ออนาคตและการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ การรวมตัวของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ เช่น Bio, Nano, AI ฯลฯ จะทำให้โลกความบันเทิงแห่งอนาคตก้าวหน้าเหนือจินตนาการของมนุษย์ไปอีก วิวัฒนาการของ Culture Technology หรือ CT จะพัฒนาการผสมผสานของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์”

▶ ก่อนจะปิดการบรรยายที่เรียกเสียงตอบรับอย่างร้อนแรง: “ผมเชื่อว่าโปรดิวเซอร์ในอนาคต คือ นักวิทยาศาสตร์วัฒนธรรม (Culture Scientist) และเราต้องการนักวิทยาศาสตร์วัฒนธรรมเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างโลกความบันเทิงแห่งอนาคตที่พวกเราอยากใช้ชีวิตอยู่ ผมหวังว่า ’นักวิทยาศาสตร์วัฒนธรรม’ ผู้บุกเบิกวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 21 จำนวนมากจะมาจาก SM และ KAIST”

แฮชแท็กอย่างเป็นทางการ: #SMEntertainment #KAIST