เกือบ 50 ปีนับตั้งแต่การแสดงสดในตำนานของ Elton John ที่สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม การสตรีมสดสุดพิเศษในอีเวนต์จาก Disney Branded Television นับเป็นการอุ่นเครื่องให้กับสาวกของเขาก่อนรับสารคดีออริจินัลจากดิสนีย์ในปี 2023 ที่เพิ่งประกาศไป
‘Goodbye Yellow Brick Road: The Final Elton John Performances and the Years That Made His Legend, ’ จากผู้กำกับอาร์เจ คัตเลอร์ และ เดวิด เฟอร์นิชผลิตโดย Fulwell 73 Productions (ทีมเบื้องหลัง ‘Adele: One Night Only’ เจ้าของรางวัล EmmyÒ และ GRAMMYS®) และ Rocket Entertainment
ในวันนี้เมื่อ 47 ปีก่อน การแสดงในตำนานของ Elton John ที่สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก และในเดือนหน้าเขาจะกลับมาที่สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียมอีกครั้ง เพื่อจัดการแสดงสดครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งจะสตรีมแบบสด ๆ เฉพาะบน Disney+ Hotstar ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 “Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” การแสดงสดที่หาดูได้ยาก คอนเสิร์ตที่ให้แฟน ๆ จากทั่วโลกมานั่งติดขอบเวทีเพื่อเป็นสักขีพยานของการกลับมาเยือนของ Rocket Man ณ สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม
การไลฟ์สตรีมสดแห่งประวัติศาสตร์ความยาวกว่า 3 ชั่วโมง จาก Disney Branded Television ผลิตโดย Fulwell 73 Productions และ Rocket Entertainment จะพาแฟน ๆ ไปรับชม Elton John ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อแสดงความชื่นชมและยกย่องไอค่อนแห่งยุค ที่ช่วงเวลาสำคัญในปี 1975 ที่จารึกไว้ถึงความสำเร็จระดับโลกของเขา โดยคอนเสิร์ตในครั้งนี้ จะเริ่มต้นด้วย “Countdown to Elton Live” จากสนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม เวลา 10.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
“เพื่อที่จะรับรู้ได้ถึงพลังจากแฟน ๆ ไม่ใช่แค่ในดอดจ์เจอร์สเตเดียม แต่รวมถึงจากผู้คนทั่วโลกที่ครั้งนี้รับชมไลฟ์สตรีมสด ๆ พร้อมกันจากที่บ้าน เป็นอะไรที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม” Elton John กล่าว “ผมตื่นเต้นที่จะได้เฉลิมฉลองค่ำคืนที่สำคัญพร้อมกันทั่วโลก ผมหวังว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงพลังและความสุขของการแสดงบนเวทีที่น่าจดจำที่ดอดจ์เจอร์ เหมือนครั้งที่ผมแสดงเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน”
“Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” จะเป็นการเฉลิมฉลองค่ำคืนที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์วงการดนตรี ที่จะถ่ายทอดให้แฟน ๆ มากกว่า 50,000 ชีวิต ทั้งที่ในสนามดอดจ์เจอร์ และทั่วโลกได้รับชมกันแบบสด ๆ ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากเพื่อสัมผัสประสบการณ์ของความโด่งดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน ไม่เพียงเท่านี้ในค่ำคืนที่แสนพิเศษแบบนี้ยังมีศิลปินชื่อก้องโลกอีกหลายคนที่ได้มารับเกียรติร่วมเวทีกับซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนาน
“อิทธิพลของ Sir Elton John ที่มีต่อทั้งเพลงและวัฒนธรรมดนตรีนั้นหาอะไรมาเทียบไม่ได้เลย คอนเสิร์ตใหญ่ในครั้งนี้ ก็รับรองได้ว่าจะถูกบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน” Ayo Davis ประธานบริหารของ Disney Branded Television ได้กล่าวไว้ “พวกเราต่างตื่นเต้นที่จะได้มอบความพิเศษ ใกล้ชิดและ ประสบการณ์จากเบื้องหลังสู่หน้าเวทีแก่ผู้ชมทั่วโลกบน Disney+ Hotstar”
“การเติบโตในประเทศอังกฤษในยุค 1980 และ 90 พวกเราและคนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกันสามารถบอกเล่าได้ไม่รู้จบ ถึงช่วงเวลาที่บทเพลงของ Elton John เป็นเสมือนเพลงประกอบเรื่องราวในชีวิตของพวกเรา” เกบบ์ เทอร์เนอร์และเบ็น วิลสัน จาก Fulwell 73 Productions กล่าว “การได้ร่วมงานกับทั้ง Elton John และ ดิสนีย์ในการสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญทั้งของพวกเราส่วนตัวและการทำงานครับ”
ค่ำคืนที่น่าประทับใจนี้จะเป็นการอุ่นเครื่องของสารคดีออริจินัลจากดิสนีย์ “Goodbye Yellow Brick Road: The Final Elton John Performances and the Years That Made His Legend,” ผลงานโดย อาร์เจ คัตเลอร์ และ ผู้กำกับภาพยนตร์ เดวิด เฟอร์นิช “Goodbye Yellow Brick Road” ซึ่งถือเป็นเนื้อหาของเขาอย่างเป็นทางการ จะนำเสนอฟุตเทจการซ้อมและคอนเสิร์ตต่าง ๆ รวมไปถึงบทสัมภาษณ์และข้อมูลส่วนตัวมากมาย ตลอดช่วงเวลากว่า 50 ปีในวงการของเขา ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน สารคดีออริจินัลนี้ยังบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเขาในช่วงสุดท้ายก่อนเกษียณ รวมทั้งช่วงระหว่างปี 1970 และ 1975 ที่เขาได้วางขายทั้งสิ้น 10 อัลบั้ม โดย 7 อัลบั้มขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดอีกด้วย สารคดีชุดนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์และเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ ก่อนจะสตรีมให้ชมกันบน Disney+ Hotstar ต่อไป
“Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” ร่วมสร้างสรรค์โดย Fulwell 73 Productions และ Rocket Entertainment โดย Fulwell 73 Productions เป็นโปรดักชั่นที่เคยนำเสนอโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์วงการดนตรีมามากมาย อาทิ Elton John’s AIDS Foundation Academy Awards Party, “Adele: One Night Only,” “Bruno Mars: 24K Magic Live at The Apollo,” “GRAMMYS®,” เป็นต้น โปรดิวเซอร์ของ Fulwell 73 Productions ได้แก่ เกบ เทอร์เนอร์, เบน วินสตัน, เอมมา คอนเวย์ และ แซลลี่ วูด ที่รับหน้าที่เป็น showrunner อีกด้วย สำหรับ Rocket Entertainment มี Elton John, เดวิด เฟอร์นิช และ ลุค ลอยด์ เดวีส์ เป็นทีมผู้ผลิต รวมถึง อาร์เจ คัตเลอร์ ที่ร่วมสร้างสรรค์สารคดีชุดนี้อีกด้วย สำหรับ Disney Branded Television มี มาร์ค บูฮาจ รองประธานฝ่ายรายการ Unscripted และ Nonfiction และ นิโคล ซิลเวร่า รองประธาน Unscripted ร่วมผลิต
บันทึกภาพ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์