จะทำยังไงถ้าคนที่คุณต้องฆ่า คืออนาคตของตัวคุณเอง? ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟไอเดียบรรเจิด การพบกันครั้งแรกของสองนักแสดงยอดฝีมือต่างยุค โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ที่เพิ่งมีผลงานใน 50/50 และหนังแอ็คชั่นคุณภาพ Inception และ บรูซ วิลลิส พระเอกคนอึดจาก Die Hard 1-4 และ Red
เมื่อ โจ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) ทำงานให้กับแก๊งมาเฟียในโลกอนาคต เขาถูกเรียกว่า “ลูปเปอร์” มีหน้าที่ในการกำจัดเป้าหมายที่ถูกส่งตัวข้ามเวลากลับมา แต่แล้วเป้าหมายรายล่าสุดของเขาก็คือ โจ (บรูซ วิลลิส) ตัวเขาเองในโลกอนาคต ทำให้ โจ วัยหนุ่มและวัยเก๋าต้องร่วมกัน เพื่อค้นหาว่าทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นเป้าสังหารของแก๊งค์มาเฟียแห่งโลกอนาคต
Looper เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ ไรอัน จอห์นสัน (Brick, The Brothers Bloom) อำนวยการสร้างโดย เจมส์ ดี สเติร์น (An Education, Lord of War) โดยได้ทีมงานคุณภาพเข้ามาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้กำกับภาพ สตีฟ เย็ทลิน (Brick, Love & Other Impossible Pursuits), ผู้ออกแบบงานสร้าง เอ็ด เวอร์โรห์ (Jurassic Park III, GI Joe: The Rise of Cobra), ผู้ตัดต่อภาพ บ็อบ ดั๊กเซย์ (The Mummy, GI Joe: The Rise of Cobra) และควบคุมเทคอัพเอฟเฟ็คโดย คาสุฮิโร ทสึจิ (The Curious Case of Benjamin Button, Planet of the Apes)
จุดเริ่มต้นการสร้าง
นักฆ่าชื่อ โจ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) พบว่าเป้าหมายต่อไปของเขาก็คือตัวเองในอนาคต (บรูซ วิลลิส) ใน Looper ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟที่พูดถึงการเดินทางข้ามเวลา ผลงานของผู้กำกับ-เขียนบท ไรอัน จอห์นสัน เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2044 ที่การเดินทางข้ามเวลายังไม่ถูกคิดค้นขึ้น แต่ในอีก 30 ปีต่อจากนี้ มันก็ถูกใช้โดยแก๊งค์มาเฟียเพื่อประโยชน์อย่างเดียว กอร์ดอน-เลวิตต์ ขยายความว่า “พวกแก๊งค์มาเฟียใช้มันเพื่อกำจัดคน โดยพวกเขาจะส่งคนกลับมายังในอดีต โดยจะมีนักฆ่าที่เรียกว่า ลูปเปอร์ คอยอยู่เพื่อสังหารและจำกัดร่าง”
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อ โจ ปล่อยให้เป้าหมายรายล่าสุดหนีไป บรูซ วิลลิส ที่รับบทเป็น โจ ในอีก 30 ปีข้างหน้าอธิบายว่า “มันเรียกว่าการ “ปิดห่วง” โดยเมื่อคุณเลือกเป็น ลูปเปอร์ แล้ว คุณก็ต้องจัดการเป้าหมายโดยไม่มีข้อแม้ แต่แล้วเขาก็ปล่อยให้ตัวเองหนีไป มันเกิดขึ้นไม่บ่อย เพราะปกติแล้วตัวคุณในอนาคตจะมีถุงคลุมหัว ถูกมัดมือ และปิดปาก คุณก็จะยิงโดยไม่มีทางรู้ว่าฆ่าตัวเองในอนาคต แต่ตัวละครของผมปรากฏตัวต่อหน้า โจ วัยหนุ่มโดยไม่มีอะไรคลุมหัว และนั่นก็ทำให้เขาลังเล”
Looper เป็นการร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง กอร์ดอน-เลวิตต์ กับ จอห์นสัน ที่กลายเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่ Brick เมื่อหลายปีก่อน กอร์ดอน-เลวิตต์ เล่าว่า “ไรอัน และผมรู้จักกันมากว่าสิบปี ไม่นานหลังจากพวกเราถ่ายทำเรื่อง Brick เขาก็เริ่มพูดถึงไอเดียของเรื่อง Looper เขาบอกว่ากำลังเขียนบทโดยให้ผมเป็นตัวละครนำ ซึ่งเป็นครั้งแรกของผมในฐานะนักแสดง สำหรับผมแล้วนี่ถือเป็นเกียรติมาก”
ไรอัน จอห์นสัน เสริมต่อว่า “ผมและ โจ คุยกันเกี่ยวกับ Looper เป็นครั้งแรก หลังจากที่เราถ่ายทำ Brick ตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่ไอเดียคร่าวๆ สิ่งที่ทำให้ผมชอบเกี่ยวกับโปรเจ็คนี้ก็คือ สถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ โจ เขารู้ดีว่าในอนาคตตัวเองต้องลงเอยยังไง และเขาก็ต้องเลือกว่าตัวเองจะเดินไปในเส้นทางไหน”
ตัวละครของ วิลลิส มีแรงขับเคลื่อนจากโลกในอนาคตที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ถ้าโลกในปี ค.ศ. 2040 สิ่งต่างๆดูย่ำแย่และผิดแผกออกไปแล้ว โลกในปี ค.ศ. 2070 ก็ถูกกลุ่มอาชญากรควบคุมโดยสมบูรณ์แบบ วิลลิส เล่าว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างถูกควบคุมโดยคนที่ชื่อว่า เดอะ เรนเมคเกอร์ เขาเป็นคนอออกคำสั่งจัดการกับเป้าหมาย แต่ โจ รู้ว่า เรนเมคเกอร์ อยู่ที่ไหนในเส้นเวลาของ โจ วัยหนุ่ม ดังนั้นเมื่อผมย้อนเวลากลับมา ผมก็มีภารกิจในการตามล่า เรนเมคเกอร์ เพื่อแก้ไขอนาคต แน่นอนที่ไม่มีสิ่งไหนที่ง่ายเหมือนที่คิด”
เพื่อที่จะสร้างทฤษฎีของการเดินทางข้ามเวลา จอห์นสัน ต้องการทำให้มันง่ายเข้าไว้ เขาอธิบายว่า “คุณมือเครื่องย้อนเวลาในปี 2070 และเวลาที่คุณส่งคนกลับมาก็คือ 30 ปีตายตัว เครื่องย้อนเวลานี้สามารถปิดและเปิดได้อย่างเดียว มันไม่มีการปรับเวลาขึ้นลง ดังนั้นถ้าเวลาในอนาคตเคลื่อนไปข้างหน้าเช่นปี 2074 คุณที่ถูกส่งกลับมาก็จะอยู่เคลื่อนตัวไปตามที่ปี 2044 เช่นเดียวกัน”
จอห์นสัน ได้สร้างโลกอนาคตที่การเดินทางข้ามเวลาเป็นสิ่งผิดกฏหมาย มีเพียงแก๊งค์มาเฟียเท่านั้นที่ใช้งานมัน เขาเล่าว่า “คนที่ฉลาดที่สุดในอนาคตรู้อยู่สิ่งหนึ่ง นั้นก็คือพวกเขากลัวเครื่องมือนี้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันผิดกฏหมาย เรื่องของพาราด๊อกซ์ ทฤษฎีผีเสื้อ ไม่มีใครรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงอดีตจะส่งผลยังไงกับโลกในปัจจุบัน มันอันตรายเกินไปและเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าแตะต้อง แม้แต่พวกมาเฟียก็ใช้มันเพียงแค่เหตุผลเดียว และก็ยังส่ง ลูปเปอร์ กลับไปให้ตัวเองฆ่าเพื่อปิดห่วง แต่เมื่อมีคนจากอนาคตหลุดรอดไป ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะสร้างผลกระทบยังไง”
สิ่งที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้คือ ลูปเปอร์ นักฆ่าระดับล่างที่มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว นั่นคือกำจัดกับเป้าหมายที่ถูกส่งมาจากอนาคต กอร์ดอน-เลวิตต์ พูดถึงอาชีพนี้ว่า “ลูปเปอร์ ไม่ใช่พวกที่ชอบคิดถึงอนาคต เหยื่อของคุณโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ หน้าที่เดียวของคุณก็คือยิงเขา แลกกับการที่คุณจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะปิดห่วงด้วยการส่งตัว ลูปเปอร์ กลับมาเป็นเป้าหมายให้กับตัวเอง”
กอร์ดอน-เลวิตต์ พูดถึงอาวุธประจำตัวของ ลูปเปอร์ “มันถูกเรียกว่า บลันเดอร์บัส ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปในระยะสิบฟุต มันไม่ได้มีความแม่นยำหรือประสิทธิภาพล้ำเลิศอะไร แต่คุณจะไม่มีทางพลาดถ้าทำตามที่สั่ง”
จอห์นสัน เสริมต่อถึงปืนว่า “บลันเดอร์บัส เป็นปืนที่ห่วย (หัวเราะ) มันทำมาจากท่อเหล็กที่สามารถยิงออกมาได้เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ถ้ามีผู้ชายนั่งอยู่หน้าคุณ ถูกมัดอยู่กับที่ และมีถุงคลุมหัวอยู่ มันก็เป็นเครื่องมือสังหารที่มีประสิทธิภาพ นี่คือปืนที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ”
พอล ดาโน่ ที่รับบทเป็น ลูปเปอร์ เพื่อนสนิทของ โจ เผยว่า “ลูปเปอร์ ไม่ใช่นักฆ่าฝีมือดีอะไร พวกเขาเหมือนกับคนงานในโรงงานมากกว่า พวกมาเฟียต้องการให้มันเรียบง่ายและไม่ต้องการปัญหาใดๆ มันเหมือนกับการทำงานตามสายพาน สิ่งที่คุณทำก็คือการดึงคันโยก”
ขณะเดียวกันระดับชั้นที่สูงขึ้นไปของพวกมาเฟียก็คือ แก็ตแมน นักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่า พวกเขาคือขุมกำลังของมาเฟียในโลกยุคปัจจุบัน จอห์นสัน เล่าว่า “ถ้าพวก ลูปเปอร์ คือพวกที่อยู่จุดต่ำสุด แก๊ตแมน ก็คือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงในการยึดครองเมือง พวกเขาจะมีปืนรีวอลเวอร์ที่แม่นยำและทรงพลัง คุณไม่อยากมีปัญหากับพวกเขาแน่นอน”
จะทำอย่างไร เมื่อคนที่คุณต้องฆ่า คือตัวคุณเอง
ภารกิจ ล่าอดีต ฆ่าอนาคต
LOOPER (ลูเปอร์)
11 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
http://youtu.be/pW6ZqHYEVHg
บันทึกภาพ: สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล