เพราะงานออกแบบสร้างสรรค์รายล้อมอยู่รอบตัว จึงเป็นที่มาของรายการสร้างสรรค์ “เดอะ ดีไซเนอร์ ซีซั่น 2 (The Designer Season 2) แรงบันดาลใจจากแม่แห่งแผ่นดิน” รายการเรียลิตี้โชว์ค้นหาสุดยอดนักออกแบบ เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย จัดโดย บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยได้จัดงานแถลงข่าวพร้อมเปิดบ้านผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย “เดอะ ดีไซเนอร์ ซีซั่น 2 แรงบันดาลใจจากแม่แห่งแผ่นดิน” ทั้ง 13 คน ณ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ สุขุมวิท 101 สถานที่ที่เหล่าดีไซเนอร์ ทั้ง 13 คน จะใช้สร้างสรรค์ผลงานออกแบบตอบโจทย์ทุกสัปดาห์ตลอด 9 สัปดาห์
โดยกำหนดให้ได้ชมกัน เริ่มออกอากาศเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายนศกนี้ – 12 มกราคมศกหน้า เวลา 21.30 – 22.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี โดยในงานแถลงข่าวยังได้รับเกียรติจากสาวงามระดับประเทศ อาทิ นาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์ส 2548, จันจิรา จันทร์โฉม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สประจำปี 2545, ชาม โอสถานนท์ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2549, กนกกร ใจชื่น มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2550, ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 และ สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2553 ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ ซึ่งเป็นผลงานส่วนหนึ่งของเหล่าดีไซเนอร์ทั้ง 13 คน ที่จะได้ชมกันในสัปดาห์ที่ 2 ของรายการ
บุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ต้องยอมรับว่าความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบนั้นมีความสำคัญมากๆ ในวงการธุรกิจ ซึ่งจะเห็นได้จากธุรกิจเสื้อผ้า รถยนต์ ไปจนถึงอาคารที่มีทั้งการออกแบบตกแต่งภายในและภายนอก จึงเป็นเหตุผลในการสนับสนุนรายการ เดอะ ดีไซเนอร์ ซีซั่น 2 โดยมีผู้สนใจสมัครเข้ามาแข่งขันมากกว่า 300 คน และทำการคัดเลือกจากผลงานการออกแบบเหลือ 28 คน จากนั้นให้โจทย์ออกแบบตัดเย็บจริงในรูปแบบชุด Prototype คือชุดต้นแบบก่อนขึ้นผ้าจริง ก่อนคัดเลือกเหลือ 13 คนสุดท้าย ที่จะเข้าแข่งขันในบ้านเดอะ ดีไซเนอร์ ซีซั่น 2 และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในซีซั่น 2 นี้ โจทย์การแข่งขันในแต่ละสัปดาห์ยังได้นำแนวคิดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ท่านมาเป็นแรงบันดาลในการสร้างสรรค์งาน ในคอนเซ็ปต์แรงบันดาลใจจากแม่แห่งแผ่นดิน ผสานเทรนด์แฟชั่นโลก เพื่อถ่ายทอดสู่ผลงานแฟชั่นดีไซน์ และต้องลงมือออกแบบ เลือกวัสดุที่จะใช้ตัดเย็บ กระทั่งลงมือตัดเย็บด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ภายใต้งบประมาณที่กำหนด เพื่อฝึกให้รู้จักคิดในเชิงธุรกิจ ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของรายการ ที่เหล่านักออกแบบจะต้องแสดงศักยภาพความเป็นโปรเฟสชั่นแนลที่รู้ลึก รู้จริง”
บรรยากาศภายในงานยังได้เปิดบ้านที่เหล่าดีไซเนอร์ทั้ง 13 คนจะใช้เป็นสถานที่ทำงานสร้างสรรค์ผลงานออกแบบ ซึ่งถูกแบ่งเป็น 3 ห้องด้วยกัน ได้แก่ ห้อง Living Room ห้องที่เหล่าดีไซเนอร์ทั้ง 13 คนจะได้แสดงไอเดียทางความคิดร่วมกับคอมเม้นท์เตเตอร์ เพื่อให้ได้ผลงานการออกแบบที่ดีที่สุด, ห้องตัดเย็บ ห้องที่เหล่าดีไซเนอร์ทั้ง 13 คน จะต้องลง
มือปฏิบัติทั้งในการด้านการออกแบบ ตัดและเย็บ ฟิตติ้งนางแบบ จนได้ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ สุดท้าย ห้องสตูดิโอ แคทวอล์คที่ทอดยาวเพื่อให้เหล่านางแบบ นายแบบ สวมใส่ชุดที่เหล่าดีไซเนอร์ทั้ง 13 ออกแบบ เพื่อโชว์ผลงานให้คอมเม้นท์เตเตอร์ซึ่งเป็นกูรูในแวดวงแฟชั่นได้ชมกัน อย่าง อภิวัฒน์ ยศประพันธ์ ครูใหญ่ของบ้านเดอะ ดีไซเนอร์ ซีซั่น 2 เผยว่า “รายการนี้ไม่เพียงค้นหาสุดยอดนักออกแบบแฟชั่น แต่ยังค้นหาดีไซเนอร์ที่รู้จักการบริหารจัดการเป็น โดยที่ยังคงสไตล์ความเป็นตัวเองไว้”
และอีกหนึ่งคอมเม้นท์เตเตอร์ที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ซีซั่นแรก พลพัฒน์ อัศวะประภา เผยว่า “ในซีซั่น 2 นี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้น ที่น้องๆ ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับการพัฒนาฝีมือในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านการออกแบบ ตัดเย็บ จึงอยากแนะนำน้องๆ ทั้ง 13 คนว่า งานออกแบบนั้นจะเป็นภาพสะท้อนตัวตน ที่สำคัญอย่าลืมจุดประสงค์ในการออกแบบ และต้องสวมใส่ได้จริง ไม่ใช่การออกแบบที่ใส่ทุกอย่างอัดแน่นไปหมด บางครั้งเราก็ต้องรู้จักจังหวะความงามให้เหมาะสมสมดุลเช่นกัน”
พร้อมกันนี้ภายในงานยังได้ชมส่วนหนึ่งของแฟชั่นโชว์ กับการแข่งขันการออกแบบชุดราตรีในโจทย์ The Legend ที่เหล่าดีไซเนอร์ที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 13 คน จะต้องออกแบบตัดเย็บชุดราตรี โดยนำแรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และชุดไทยพระราชทานที่ทรงรวบรวมขึ้นเมื่อครั้งเสด็จประพาสต่างประเทศ โดยได้รับเกียรติจากสาวงามระดับประเทศ อาทิ นาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์ส 2548, ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552, ชาม โอสถานนท์ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2549, สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2553, กนกกร ใจชื่น มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2550 และจันจิรา จันทร์โฉม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สประจำปี 2545 ร่วมแสดงแบบแฟชั่นโชว์ ประกอบกับการขับร้องเพลงจาก โย่ง อาร์มแชร์ หรือ อนุสรณ์ มณีเทศ
ตลอดทั้ง 9 สัปดาห์ เหล่าดีไซเนอร์ที่ผ่านเข้ารอบ 13 คน จะถูกคัดออกทุกสัปดาห์ จนถึง 4 คนสุดท้ายกับภารกิจสุดท้าทายบนเส้นทางดีไซเนอร์กับผลงานบนรันเวย์ อาทิ The Legend ออกแบบตัดเย็บชุดราตรี ที่นำแรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และชุดไทยพระราชทานที่ทรงรวบรวมขึ้นเมื่อครั้งเสด็จประพาสต่างประเทศ, ฟาร์มทะเล ที่ต้องออกแบบตัดเย็บชุดผู้ชาย ภายใต้แนวพระราชดำริจากโครงการฟาร์มทะเล ที่นำสิ่งที่ไร้ประโยชน์มาสร้างใหม่ให้มีคุณค่า, โขน การออกแบบตัดเย็บ และการนำเทคนิคการปักผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ ให้ได้ชุดที่ดูดีมีราคาแต่ผู้คนทั่วไปสามารถสวมใส่ได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์โขนประยุกต์, Wedding การออกแบบและตัดเย็บชุดแต่งงาน โดยนำแรงบันดาลใจมาจากพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส, ลูกทุ่ง การออกแบบตัดเย็บชุด Ready to Wear สำหรับนักร้องลูกทุ่งหญิงเพื่อโชว์ โดยนำแรงบันดาลใจมาจากลานคำหอมซึ่งเป็นลานอเนกประสงค์บนพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ที่รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของอีสานไว้อย่างครบถ้วน และสัปดาห์สุดท้ายกับ กินรีสวีท ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องคิดและวางแผนการตัดเย็บชุดเป็นคอลเลคชั่น โดยนำแรงบันดาลใจมาจากคีตมหาราชนิพนธ์ “บัลเล่ต์มโนราห์” ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเงินสด 500,000 บาท โล่รางวัลเกียรติยศ พร้อมทั้งยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานพร้อมสัมผัสประสบการณ์จริงกับดีไซเนอร์ระดับชั้นนำของโลก ณ สถาบันบุนกะ อคาเดมี ประเทศญี่ปุ่น ติดตามชมให้กำลังใจกันได้ทุกวันเสาร์ เริ่มออกอากาศเสาร์แรกที่ 17 พฤศจิกายนศกนี้ เวลา 21.30 – 22.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ตลอดทั้ง 9 สัปดาห์ และรอบตัดสินกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มกราคมศกหน้า
บันทึกภาพ: บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)