ยกทีมนักแสดงชั้นครูมาปะทะฝีมืออย่างเข้้มข้น ไม่ว่าจะเป็น “สรพงษ์ ชาตรี” , “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” , “เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” และการพลิกบทบาทการแสดงอย่างถึงใจที่ไม่เคยเห็นในเรื่องใดมาก่อนของ “พิมลรัตน์ พิศลยบุตร“
รวมถึงการคัดเลือกทีมนักแสดงหน้าใหม่มากฝีมือในการร่ายรำและแสดงโขนอย่างถูกต้องสวยงาม มารับบทนำให้ดูน่าเชื่อถือในบทบาทของตัวละครที่ผูกพันกับโขนมาตั้งแต่เกิด ซึ่งนักแสดงใหม่ทุกคนใช้เวลามุมานะในการซ้อมอย่างเต็มที่เพื่อให้งานแสดงของตนออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็น…
“อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ” ( “อาร์” เป็นนิสิตชั้นปีที่ 3 ภาควิชา นาฏยศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผ่านงานแสดงโขนมาหลากหลายงาน ) – รับบท “ชาด” พระเอกของเรื่องที่ต้องการให้ผู้คนยอมรับในความสามารถและใฝ่ฝันที่จะขึ้นสู่จุดสุดยอดของโขน
“ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์” ( “นัท” เป็นหลายชายพระเอกชื่อดังของกรมศิลป์ “ปกรณ์ พรพิสุทธิ์” ที่เชื้อโขนไม่ทิ้งลายชำนาญในนาฏศิลป์โขน , ศิลปะการป้องกันตัว เช่น กระบี่กระบอง พลองไม้สัน มวยคาดเชือก และการเ้ต้นแบบศิลปะร่วมสมัย ผ่านงานแสดงโขนในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างเชี่ยวชาญ ) – รับบทเป็น “คม” ตัวร้ายคู่อริของพระเอก มีความสามารถด้านโขนอย่างหาตัวจับยาก แต่มีนิสัยและภาพลักษณ์ขัดกับความดีงามของโขนอย่างสิ้นเชิง
“กองทุน พงษ์พัฒนะ” ( “กอง” จบปริญญาตรี คณะดุริยางคศาสตร์ สาขาดนตรีแจ๊ส มหาวิทยาลัยศิลปากร มีความสามารถทางด้านดนตรีแจ๊สเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเคยแต่งเพลงและเล่นดนตรีประกอบละครเวทีคณะละครมรดกใหม่ ) – รับบทเป็น “ตือ” หนุ่มหน้ามนที่มีความสามารถในการวาดภาพ เป็นคู่ซี้ของชาด และแอบหลังรักเืพื่อนหญิงที่ชื่อแรมอย่างหมดหัวใจ
“นันทรัตน์ ชาวราษฎร์” ( “ตรี” เป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกนาฏยศิลป์ไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลานสาวของดางค้างฟ้า “เพชรา เชาวราษฎร์” ได้รับรางวัลจากการประกวดด้านดนตรีและนาฏศิลป์มามากมาย และผ่านงานแสดงภาพยนตร์มาบ้างประปราย ) – รับบทเป็น “แรม” สาวน้อยที่อาศัยอยู่ในคณะลิเก เป็นเพื่อนสนิทของชาดและตือ เธอมีความใฝ่ฝันจะเป็นนางเอกลิเก
“ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ว่า “การคัดเลือกทีมนักแสดงหลักทั้งหมดของเรื่องนี้เริ่มจากตัวพระเอก เราก็ไ้ด้นักแสดงที่เป็นโขนจริงๆ “น้องอาร์” เรียนนาฏศิลป์ที่จุฬาฯ มีพื้นฐานทางนี้ดีพอตัวเลย ก็นำมาฝึกแอคติ้งการแสดงเพิ่มเติมก็เล่นได้ไหลลื่นเลย นางเอกเราแคสหลายคนมากๆจนไปเห็นรูป “น้องตรี”ในหนังสือแฟชั่น เห็นแล้วก็สวยดี แถมกำลังเรียนนาฏศิลป์ที่จุฬาฯเหมือนกันก็เข้าตาเลย จากนั้นคนอื่นๆไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่ง “น้องกอง”ตัวเพื่อนในเรื่องก็เคยเรียนโขนคือได้มาจากกลุ่มโขนส่วนตัวผู้ร้ายคู่ปรับอันนี้มาครั้งแรกก็ได้เลย “น้องนัท”เป็นหลานคุณปกรณ์ พรพิสุทธิ์ พระเอกและครูโขนชื่อดังในกรมศิลป์เลย และหน้าตาก็ใช่เลยเหมาะกับยุคสมัยก็ได้มาเป็นตัวร้ายทันทีเลยใช้เวลานานทีเีดียวว่าจะลงตัว ช่วงนั้นที่แคสก็เกือบๆ 5 เดือนได้นะ แคสตัวหลักตัวรอง เชื่อว่านักเรียนโขนน่าจะครบทั่วประเทศนะที่ถูกเชิญมาแคสนะ”
“มาถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ ซึ่งตามบทมันก็มีบทครูโขน 2 คนที่เป็นรุ่นใหญ่ ที่มีภูมิหลังที่เขาเป็นเพื่อนเก่ากันมาและมาหักกันในยุคนี้ครูคนหนึ่งก็เป็นครูของพระเอก ครูอีกคนก็เป็นครูของตัวร้าย เป็นคู่อริกัน ก็ตามสูตรหนังเลย ต้องเป็นคนที่มีบารมีที่จะมาค้ำทั้งหมดของหนัง คือถ้าดูแล้วไม่เชื่อ ตรงนี้ก็จะดูไม่แข็งแรง ในโลกการแสดงเมืองไทยต้องเป็นสองคนนี้เท่านั้น “สรพงษ์ ชาตรี” และ “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” ซึ่งดูแล้วมีบารมี มีศักดิ์ศรีค้ำกันได้ ก็เลยมองว่าทั้งพี่เอกและพี่หนิงน่าจะเหมาะ โดยที่สรพงษ์อยู่ักับความสมถะ และนิรุตติ์อยู่กับความยิ่งใหญ่ ศักดิ์ศรีชื่อเสียง”
“ตามมาด้วยอีกสองคนของเรื่องซึ่งเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน คนหนึ่งก็คือแฟนเก่าของครูหยดคือสรพงษ์ เมื่อได้สรพงษ์มา ใครล่ะที่จะใส่ชุดนางรำได้สวยงาม เป็นคนรำแล้วสวยงาม ก็นึกถึง “พี่ต่าย เพ็ญพักตร์” คุณต่ายก็ยินดีอยากใส่ชุดสวยงามเหล่านี้ ก็มีรำนิดๆหน่อยๆซึ่งทุกคนก็ไปซ้อมนะ ทุกคนก็ไปฝึกที่กรมศิลป์”
“และอีกคนที่เป็นหัวใจของเรื่องที่เป็นคนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมด้วยกิเลสตัณหาของเธอเอง ก็คือตัวที่เป็นครูสอนรำชื่อครูรำไพ เราก็ต้องการใครสักคนที่มีความเหมาะสมกับนางรำในยุคนั้น ต้องมีความเป็นไทย และต้องมีกิเลสตัณหามาจับในชีวิตของเขา ต้องสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้ได้ ก็คิดและเลือกอยู่นาน สุดท้ายเราก็ต้องเลือก “กบ พิมลรัตน์” ไม่มีเหตุผลใด คือเราวางกบไปแล้วมันพอดี มันตอบทุกอย่างได้ มันไม่ได้โดดเด่นจนข่มนักแสดงคนอื่นทั้งหมด และก็ไม่ได้กลืนหายจากการเป็นนางรำคนหนึ่ง น้้องกบก็มีภาพความเรียบร้อย สาวไทย แต่ด้วยโครงหน้าด้วยตาเขาทำให้พี่เห็นว่าเขามีอารมณ์มีเรื่องราวแบบนั้นแฝงอยู่ด้วย และเขาก็ทำงานออกมาได้น่าชื่นชมมากๆด้วย”
บันทึกภาพ: STARUPDATE.COM